ลู่จือสิงเห็นว่าจู่ๆฉันก็หัวเราะเยาะ แต่ในดวงตานั้นกลับไม่ได้มีอารมณ์ขบขันเลย "ซูยุ่น ผมรู้ดีว่าผมกับซินหมิงเยว่ทำอะไร แล้วคุณกับซวี่ชิงหนานล่ะ พวกคุณทำอะไรกันทั้งวัน?!"
ฉันคิดว่าฉันไม่อาจพูดคุยกับลู่จือสิงได้อีกต่อไป ฉันกับซวี่ชิงหนานนั้นเพียงแค่ดื่มชายามบ่ายด้วยกันเท่านั้น แต่เขากับซินหมิงเยว่ล่ะ?
ไม่ว่าพวกเขาจะทำหรือไม่ทำอะไรกัน คนสองคนอยู่ในโรงแรมด้วยกันมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนคิดไปไกล
ฉันหันหลังและจะเดินหนีไป แต่ลู่จือสิงกลับคว้ามือฉันไว้ไม่ให้ฉันไป "คุณจะไปไหน? ไปหาซวี่ชิงหนานหรือไง?"
ฉันโกรธจนตัวสั่นเพราะคำพูดของเขา "ลู่จือสิง คุณอย่าให้มันมากไปนะ!"
"มากไป?"
เขามองมาที่ฉันและหัวเราะเยาะ “คุณไปพูดคุยหัวเราะกับผู้ชายคนอื่น คุณคิดพิจารณาสถานะแต่งงานแล้วของตัวเองแล้วหรือยัง?”
เขาพูดและยื่นมือมาผลักฉันเข้ากับกำแพง ร่างกายฉันถูกแรงของเขาผลักชนเข้ากับกำแพง
ในเวลานี้ ลู่จือสิงมองมาที่ฉันราวกับว่าเขากำลังจะกลืนกินฉัน เมื่อฉันเห็นเขาในท่าทางแบบนี้ก็รู้สึกกลัวขึ้นในทันใด ฉันยื่นมือออกไปและผลักเขาสุดแรง "ปล่อยฉัน!"
"ปล่อยเธอ ให้เธอไปหาซวี่ชิงหนานเหรอ?"
ในขณะที่เขาพูดเขายื่นมือออกมาและดึงเสื้อของฉัน เสื้อชั้นในด้านในก็ถูกเขาดึงและเขาฉีกมันออกอย่างสุดแรง
ฉันยกมือขึ้นแต่ก็ถูกเขากดเอาไว้ เขาใช้มือเพียงข้างเดียวกดแขนทั้งสองข้างของฉันเอาไว้และกดทับต้นขาของฉัน ฉันไม่สามารถขยับตัวได้เลย!
"คุณปล่อย—-อื้อ"
"ปล่อยฉัน ลู่จือสิง"
เขาไม่พูดอะไร เสื้อผ้าบนร่างกายฉันถูกเขาถอดออกทีละชิ้น
ด้านหลังฉันคือกำแพงที่เย็นยะเยือก ด้านหน้าของฉันนั้นคือลู่จือสิงที่ร้อนราวกับเปลวไฟ
การกระทำของเขานั้นหยิ่งผยองและแข็งกร้าว ในที่สุดฉันก็หยุดดิ้นรน ปล่อยให้เขาอาละวาดจนพอใจ น้ำตาไหลรินตลอดเวลา หัวใจรู้สึกทุกข์ทรมานราวกับว่ามีใครบางคนกำลังใช้มีดกรีดแทง
ฉันอดไม่ได้ที่จะอ้าปากและกัดไหล่เขาอย่างสุดแรง
การกระทำของลู่จือสิงหยุดลง ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้าลงและจูบซับน้ำตาบนใบหน้าของฉัน การกระทำของเขาอ่อนโยนมากแตกต่างจากคนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
"ขอโทษ ซูยุ่น"
น้ำเสียงของเขาสงบลง อารมณ์ขุ่นมัวในหัวใจของฉันอ่อนลงในทันที แต่เมื่อนึกถึงการกระทำเมื่อที่รุนแรงเมื่อครู่นั้น ไม่ว่าฉันจะร้องขออย่างไรเขาก็ไม่ปล่อยฉัน ฉันไม่อยากไร้ศักดิ์ศรีและให้อภัยเขาง่ายๆเช่นนี้
เมื่อลู่จือสิงเห็นว่าฉันไม่กล่าวอะไร ทันใดนั้นเขาก็ช้อนขาฉันไว้และอุ้มฉันไว้ในอ้อมแขนเขา
ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะทำเช่นนี้ การกระทำที่น่าตื่นใจนี้ทำให้ฉันอดที่จะกรีดร้องออกมาไม่ได้
ทันใดนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและมองมาที่ฉัน ความเป็นศัตรูในสายตาของเขาหายไปหมดแล้วและในตอนนี้สายตาคู่นี้ช่างอ่อนโยน
ฉันจ้องมองลู่จือสิงเป็นเวลานาน เมื่อรู้ตัวอีกทีฉันก็ถูกลู่จือสิงวางลงบนเตียงแล้ว เขาถอยออกไปและหมุนร่างกายฉัน เขาเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง จูบที่ใบหูของฉันพร้อมกับกล่าว "ขอโทษ ซูยุ่น ฉันไปหาซินหมิงเยว่เพราะเธอบอกกับฉันว่าเธอมีหลักฐานว่าคุณเป็นคนเผยแพร่ภาพเหล่านั้น"
การกระทำของเขานั้นอ่อนโยนมากเมื่อเทียบกับการทรมานเมื่อครู่นี้ ความอ่อนโยนในครานี้ทำให้ฉันทนไม่ไหว ฉันส่งเสียงไม่พอใจออกมาและพยายามตั้งสติตอบเขา "ฉันและซวี่ชิงหนานเจอกันอย่างบังเอิญและไปดื่มชายามบ่ายด้วยกัน—-อืม—แล้วครั้งนั้นเขาเป็นคนช่วยฉัน—ฉัน—"
“ผมรู้”
เขาก้มศีรษะลงและจูบริมฝีปากของฉันโดยไม่ปล่อยให้ฉันพูดต่อ
เห็นกันอยู่ว่าเราทะเลาะกันอย่างรุนแรงและสุดท้ายเราก็กลับมาดีกัน ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเชื่อเลยเรื่องสามีภรรยาตีกันแทบตายสุดท้ายก็กลับมาดีกัน ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว
ลู่จือสิงอธิบายให้ฉันฟังว่าทำไมเขาและซินหมิงเยว่ถึงปรากฎตัวอยู่ในห้องของโรงแรม วันนั้นซินหมิงเยว่โทรหาเขาและมีท่าทางโกรธเคืองมาก บอกว่าเธอมีหลักฐานว่าฉันเป็นคนซื้อขายเผยแพร่รูปภาพเหล่านั้นและต้องการพูดคุยกับเขา เมื่อเขาเข้าไปยังโรงแรมนั้นซินหมิงเยว่ก็ได้ทำไวน์แดงหกใส่เขา หลังจากที่เธอทำไวน์แดงหกใส่แล้วนั้นเธอก็ร้องไห้และสาปแช่งคนไปทั่วและเธอนั้นจะช่วยเขาถอดเสื้อผ้าเพื่อทำความสะอาดอีกด้วย
เขาไม่คาดคิดว่าฉันจะไปที่นั่น หลังจากได้หลักฐานแล้วเขาจึงไปตรวจสอบและพบว่าหลักฐานเป็นเท็จ เขากลับบ้านช้ามากเป็นเพราะการตรวจสอบหลักฐานนี้ เขาคาดไม่ถึงว่าเมื่อกลับถึงบ้านแล้วจะได้เห็นภาพเห็นซวี่ชิงหนานขับรถมาส่งฉัน….
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรลู่จือสิงจึงโกรธเคืองฉัน เป็นเพราะว่าในวันนี้เขาวุ่นวายกับเรื่องของฉันและเมื่อกลับบ้านก็เห็นภาพที่ซวี่ชิงหนานกลับบ้านมาพร้อมกับฉันแถมยังถูกฉันถามอีกว่าทำไมถึงไปเปิดห้องที่โรงแรมกับซินหมิงเยว่
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะหึงโหดขนาดนี้
"ลู่จือสิง คุณหึงโหดเกินไปไหม?"
ฉันยกมือขึ้นแตะผมที่ศีรษะของเขา เขายื่นมือมาจับมือของฉัน ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องมองฉัน "คุณก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าบอกว่าผมสกปรกหรือไง?"
หน้าฉันหน้าแดงระเรื่อและดึงผ้าห่มมาคลุมตัว "ฉันง่วงแล้ว นอน นอน"
"คุณโกรธแล้วยังคิดจะลงโทษ โดยไม่ให้ผ้านวมกับผมอีกงั้นเหรอ?"
น้ำเสียงล้อเลียนของเขาดังเข้ามาภายในผ้านวม ฉันจึงเปิดผ้านวมออกเล็กน้อยและพบว่าฉันม้วนผ้านวมทั้งหมดไว้กับร่างกายของฉัน ส่วนบนตัวเขานั้นไม่มีผ้านวมเลยเพราะฉันได้ยึดมาไว้ที่ฉันแล้วทั้งหมด
"ก็เอาไปสิ!"
ฉันยกมือขึ้นแล้วโยนผ้านวมออกไป แต่เขาก็เอื้อมมือมาดึงฉันเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและกอดฉันแน่น
เขาเอื้อมมือออกมาจากนั้นหยิบผ้านวมคลุมร่างกายเราทั้งสอง "นอนเถอะ"
ฉันเงยหน้ามองเขา พบว่าเขานั้นกำลังหลับตาอยู่ ฉันจึงเอื้อมมือไปจับมือเขาและหลับตาแล้วก็หลับไป
หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ฉันและลู่จือสิงก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กันอีกเลยแต่ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แต่ในช่วงเวลาสองสามวันนี้ฉันมีโครงการใหม่ที่ต้องรับผิดชอบและฉันไม่มีเวลาตรวจสอบเรื่องของซินหมิงเยว่มากนัก
ในช่วงบ่ายฉันต้องไปพบลูกค้า ฉันคาดไม่ถึงว่าผู้จัดการของบริษัทตรงข้ามคือซวี่ชิงหนาน
เมื่อซวี่ชิงหนานเห็นฉันเขาไม่ตกใจเลยสักนิด "นั่งสิ ซูยุ่น"
สติของฉันนั้นยังไม่เต็มร้อย "คุณชายซวี่ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นคุณ"
เขายิ้มเล็กน้อย "ที่บ้านของผู้จัดการฟางเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ผมเลยมาแทนเขา" เขาพูดพร้อมกับหยิบนามบัตรออกจากเสื้อของเขาแล้วยื่นให้กับฉัน "นี่คือนามบัตรผม"
ฉันยื่นมือออกไปรับและมองนามบัตรนั้นจากนั้นก็ได้รู้ว่าซวี่ชิงหนานคือรองประธานบริษัทJSฉันรีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว "เป็นเกียรติมาก รองประธานซวี่"
"มองผมเป็นคุณชายซวี่เถอะ ไม่ต้องเกรงใจอะไร"
ฉันยิ้มและคิดไว้แล้วว่าเขาต้องพูดเช่นนั้น
ซวี่ชิงหนานนั้นจริงจังกับงานของเขาเป็นอย่างมาก สองชั่วโมงต่อมา ฉันดูคำร้องขอในโน้ตบุ้คและไม่ได้คิดว่าซวี่ชิงหนานคนที่ดูง่ายๆอะไรก็ได้นั้นจะมีคำร้องขอมากมายถึงเพียงนี้
"ทำให้คุณตกใจหรือเปล่า?"
ฉันปิดโน้ตบุ้คเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้ม "ไม่ค่ะ"
"เวลาผมทำงานฉันค่อนข้างเคร่งเครียด แน่นอน ถ้าคุณเห็นอะไรตรงไหนที่ไม่สมเหตุสมผล คุณสามารถบอกกับผมได้เลย"
"คุณชายซวี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว คำขอของคุณสมเหตุสมผลมาก เมื่อกลับไปแล้วฉันจะเขียนหนังสือโครงการให้กับคุณ"
ถึงแม้ว่าคำร้องขอของซวี่ชิงหนานนั้นจะเฉียบขาดมาก แต่มันก็สมเหตุสมผล ดังนั้นฉันจึงไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไรเลย
"ยินดีที่ได้ร่วมงาน"
"ยินดีที่ได้ร่วมงาน"
"ขอโทษด้วยซูยุ่น ช่วงบ่ายผมยังมีประชุม ผมไปส่งคุณไม่ได้"
เขาสุภาพมากและทำให้ฉันลำบากใจเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเลย ฉันเรียกแท็กซี่กลับไปใช้เวลาไม่นาน ในเมื่อคุณมีประชุมต่องั้นฉันจะไม่รบกวนเวลาของคุณ"
ซวี่ชิงหนานยิ้ม "คุณช่วยเพิ่มช่องทางการติดต่อหน่อยได้ไหม หากว่ามีปัญหาอะไรคุณจะได้สามารถติดต่อกับผมได้"
ฉันและซวี่ชิงหนานได้แลกช่องทางการติดต่อกันเรียบร้อยจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้าย เมื่อฉันออกมาจากร้านกาแฟก็ได้รับสายจากลู่จือสิง
เขาบอกฉันว่าเฟิงเหิงมีงานเลี้ยงฉลองในตอนเย็นนี้และให้ฉันลางานบริษัทและก่อนเลิกงานหนึ่งชั่วโมงเขาจะให้หลี่จื้อมารับฉัน
ดูเหมือนว่าทางด้านเขานั้นกำลังยุ่งวุ่นวายกับงานอยู่และหลังจากที่เขาแน่ใจว่าฉันเข้าใจแล้วเขาก็ได้วางสายไป
ฉันก้มมองนาฬิกาซึ่งเวลาก็เหลือน้อยแล้วจึงรีบเรียกแท็กซี่จากนั้นก็ตรงไปยังบริษัท
MANGA DISCUSSION