ฉันฝัน ฉันฝันว่าฉันอยู่ในห้องมืดนั้นและชายทั้งห้าคนกำลังดึงเสื้อผ้าของฉัน ไม่มีใครเข้ามาช่วยฉันและฉันเองก็ไม่สามารถหนีออกไปได้
ฉันร้องตะโกนให้คนมาช่วย แต่กลับไม่มีใครเข้ามาช่วยฉันเลย
เสียงของลู่จือสิงดังขึ้นข้างๆหูของฉัน ฉันก็รีบลืมตาขึ้นและเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของลู่จือสิงและฉันก็ได้พบว่าตัวเองนั้นฝันร้าย
"ฝันร้ายหรือ?"
ลู่จือสิงมองฉัน เขาวางมือบนหน้าผากของฉันเพื่อเช็ดเหงื่อ ฉันนึกถึงฝันเมื่อครู่ฉันจึงลุกขึ้นนั่งและกอดเขา "ลู่จือสิง ฉันฝัน"
เขาตบหลังฉันเบาๆเพื่อปลอบฉัน "ไม่ต้องกลัวไม่เป็นไร"
ฉันพยักหน้า แต่ดวงตาของฉันยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา
ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากมายนัก แค่เพียงก่อนหน้านี้นั้นฉันถูกวางยา และหิวเป็นเวลาหลายชั่วโมงและมีอาการหวาดกลัวมากเกินไปดังนั้นจึงเป็นลมไป
ฉันขอให้ลู่จือสิงทำเรื่องให้ฉันออกจากโรงพยาบาล เขาไม่ยินยอม แต่ฉันบอกเขาว่าฉันอยู่โรงพยาบาลแล้วฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย ลู่จือสิงเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของฉันเขาจึงตกลงที่จะทำเรื่องให้ฉันออกจากโรงพยาบาล
หลังจากขึ้นรถแล้วฉันก็นึกคำถามขึ้นได้ "ลู่จือสิง คนพวกนั้นโดนจับหรือเปล่า?"
เขาพยักหน้า เขาปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อจับมือฉัน "โดนจับไปแล้ว เป็นพวกอันธพาลที่เมา พวกมันเห็นเธออยู่คนเดียวดังนั้นก็เลยลงมือตามความคิดของพวกมัน"
เมื่อลูจือสิงพูดเช่นนี้ใบหน้าของเขาก็เย็นชาและมือของเขาก็กำพวงมาลัยแน่น
"หลังจากนี้อย่าไปไหนไกลๆเพียงคนเดียวอีก"
ฉันคิดอยากจะบอกเขาว่าเรื่องนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับซินหมิงเยว่ แต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นในขณะนั้นฉันเองก็พูดไม่ออก เรื่องนี้ฉันพูดเพียงอย่างเดียวคงจะไม่พอ และฉันไปยังสถานที่แห่งนั้นก็เพราะซูตงเจ๋อ ฉันไม่อยากให้ลู่จือสิงรู้เรื่องราวของซูตงเจ๋อดังนั้นฉันจึงต้องอดกลั้นเอาไว้ "ฉันรู้แล้ว"
เมื่อด้านหน้าเป็นไฟแดง เขาหันมามองฉัน "อย่ากังวลเลย เรื่องนี้ผมจะตรวจสอบอย่างละเอียด"
"ขอบคุณ"
"ในตอนที่คุณตกอยู่ในอันตรายและต้องการผม ผมกลับไม่ได้ออกมาช่วย ครั้งหน้ามันจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว ซูยุ่น ผมสัญญา"
ทันใดนั้นเขาก็มองมาที่ฉัน ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆมากมาย
น้อยมากที่ฉันจะเห็นท่าทางเช่นนี้ของลู่จือสิง คำสัญญาของเขาสัมผัสหัวใจของฉันได้ยิ่งกว่าในอดีตที่เคยผ่านมา
ฉันรู้ว่าลู่จือสิงนั้นห่วงใยฉันและรักฉันมาก
หลังจากเหตุการณ์นั้นลู่จิงสิงก็บังคับให้ฉันลาหยุดเพื่ออยู่บ้านพักผ่อน ฉันเองก็รู้ตัวเองดีดังนั้นจึงขอลาหยุด
แต่ผลการตรวจสอบเรื่องนี้ที่ตำรวจได้บอกฉัน ฉันไม่เชื่อ บางที5คนนั้นอาจเดินผ่านมาจริงๆ แต่ฉันถูกขังอยู่ในห้องว่างเปล่านั้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง และยังถูกโยนเข้าไปในตรอกซอยแบบนั้นอีก
ไม่ว่าฉันจะคิดยังไงเรื่องนี้มันก็แปลก แต่ผลการสอบสวนของตำรวจพบว่าคนเหล่านั้นกำลังตามทวงหนี้แต่พวกมันจำผิดคนดังนั้นสุดท้ายแล้วจึงปล่อยฉันไป
ผลการสอบสวนนี้ฟังอย่างไรก็ไม่ผิดแปลก แต่เรื่องสายโทรศัพท์ที่เกี่ยวกับซูตงเจ๋อติดหนี้นั้นฉันจะอธิบายให้เข้าใจได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่ามีคนต้องการให้ฉันไปที่นั่น แต่ตำรวจบอกว่าซูตงเจ๋อไม่ได้เป็นหนี้ใคร ส่วนสายโทรศัพท์ที่ฉันได้รับนั้นเป็นสายหลอกลวง
เมื่อฉันวางสาย ภายในใจของฉันไม่สามารถมองข้ามปัญหานี้ไปได้เลย
ฉันคิดแล้วคิดอีก ฉันจึงตัดสินใจตามหาซินหมิงเยว่เพื่อให้เธอชี้แจงเรื่องนี้ แต่ซินหมิงเยว่ไม่รับสายโทรศัพท์ฉัน ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ฉันจึงจ่ายเงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อที่จะได้รู้ว่าซินหมิงเยว่ไปอยู่ที่ไหน
ไม่ง่ายเลยกว่าที่ฉันจะรู้ว่าวันนี้ซินหมิงเยว่อยู่ที่โรงแรมซื่อจี๋ ฉันรีบนั่งแท็กซี่ไปยังที่นั่นแต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะเห็นภาพฉากที่ไม่น่าเชื่อ!
ตอนแรกฉันคิดว่าซินหมิงเยว่อาจจะไม่อยากเจอฉัน ฉันไปเคาะประตูห้องเธอแต่เธอนั้นไม่เปิดประตูมาเจอฉันดังนั้นฉันเลยโกหกไปว่าฉันเป็นเพื่อนของซินหมิงเยว่และล็อบบี้ก็มอบคีย์การ์ดให้กับฉัน
ฉันเพียงแค่คาดไม่ถึงว่าจะเจอลู่จือสิงอยู่ที่นี่ เขายืนหันหลังให้กับฉัน ซินหมิงเยว่ยืนอยู่ตรงหน้าเขามือของเธอวางบนร่างกายเขา
เมื่อฉันเข้าไป ซินหมิงเยว่เงยหน้าขึ้นและเห็นฉัน
เธอมองเห็นฉันแต่เธอกลับไม่พูดอะไรและยังมองฉันด้วยสายตายั่วยุ
ฉันโกรธมากจนตัวสั่น ฉันหันหลังกลับและเดินออกมา หลังจากออกมาแล้วฉันนั้นกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากคืนคีย์การ์ดที่ล็อบบี้แล้วฉันก็วิ่งออกจากโรงแรม
ฉันไม่รู้ว่าฉันวิ่งมาเท่าไหร่แล้ว น้ำตาก็ยังคงไหลอยู่เช่นนั้น การมองเห็นของฉันพร่ามัวมองเห็นอะไรไม่ชัดเจนและฉันก็ได้วิ่งชนเข้ากับคนตรงหน้า
"ซูยุ่น?"
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคือซวี่ชิงหนาน
ฉันรีบยกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาและมองเขาพร้อมกับรอยยิ้ม "คุณชายซวี่ บังเอิญจัง?"
เขาไม่ได้ถามฉันว่าฉันร้องไห้เพราะอะไร "ใช่ ฉันมาทำธุระแถวนี้พอดี อยากไปดื่มชายามบ่ายด้วยกันหน่อยไหม?"
จิตใจของฉันในตอนนี้นั้นวุ่นวายมาก ฉันที่คิดเพ้อเจ้อและฟุ้งซ่านนั้นเมื่อได้ยินข้อเสนอของเขาแล้วและเป็นสิ่งที่ฉันกำลังต้องการฉันจึงยิ้มและพยักหน้าตอบรับ "ได้สิ"
หลังจากที่ได้นั่งแล้ว ฉันก็บอกกับซวี่ชิงหนานว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เมื่อออกมาแล้วเขายังคงรอให้ฉันมาสั่ง "ลองดูว่าอยากดื่มอะไร"
ฉันยิ้มให้กับเขา "ให้คุณเห็นอะไรที่น่าอายเสียแล้ว คุณชายซวี่"
"ไม่เป็นไร ทุกคนมักมีช่วงเวลาที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้"
ฉันสั่งได้ชาลำไยไปหนึ่งแก้ว "ขอบคุณจริงๆสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน เมื่อฉันถึงโรงพยาบาลฉันก็เป็นลมไป คิดอยากจะหาโอกาสขอบคุณคุณอยู่แต่ฉันไม่มีช่องทางการติดต่อกับคุณเลย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะบังเอิญมาเจอกัน"
และในเวลานั้นชาลำไยที่ได้สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟพอดี กาแฟที่เขาได้สั่งไว้ก็เช่นกัน ฉันหยิบถ้วยขึ้นมาแล้วหันไปมองเขา "คุณชายซวี่ วันนี้ฉันจะใช้ชาแทนไวน์ ขอบคุณคุณ ถ้าหากว่าหลังจากนี้มีอะไรที่ฉันจะสามารถช่วยคุณได้ คุณไม่ต้องเกรงใจ ขอแค่เพียงบอกฉันมา"
เขายิ้ม "เรื่องเล็กน้อย คุณซูเกรงใจเกินไปแล้ว"
ฉันและซวี่ชิงหนานพูดคุยกันที่ร้านกาแฟเป็นเวลาประมาณสองชั่วโมง เมื่อคุยกันแล้วฉันพบว่าจริงๆแล้วเขาเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนมัธยมต้นของฉันและมัธยมปลายเขาได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและปีนี้ได้กลับมาประเทศจีน
เพราะว่าซวี่ชิงหนาน ในช่วงเวลานั้นฉันจึงลืมเรื่องราวภายในโรงแรมก่อนหน้านี้ไปเสียหมด เราสองคนพูดคุยและหัวเราะกันราวกับว่าเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน
"นี่ก็ค่ำมากแล้ว ผมไปส่งคุณไหม"
ฉันก้มหน้ามองเวลา เขาเองก็ได้ดูเวลาก่อนฉันแล้ว
แต่บ้านของฉันอยู่ไกลจากที่นี่ ฉันจึงส่ายหน้าปฏิเสธข้อเสนอเขา "ไม่รบกวนคุณดีกว่า บ้านฉันค่อนข้างไกลจากที่นี่ ฉันเรียกแท็กซี่กลับได้"
เขายิ้มพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากที่นั่ง "ฟ้าก็มืดแล้ว ฉันไปส่งเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้อยู่แถวนี้แล้วก็เธอเพิ่งพบเจอเรื่องราวร้ายๆมา ภายในใจของเธอเองก็ยังคงไม่โอเคหรอก ให้ฉันไปส่งเธอเถอะ"
ในที่สุดฉันก็ตกลงไปกับคำชักชวนของซวี่ชิงหนาน ฉันเข้าไปในรถของเขาและเขาก็ขับรถไปส่งฉัน
ภายในบ้านไม่มีใคร เมื่อฉันเปิดประตูมีเพียงห้องนั่งเล่นมืดๆเท่านั้นที่รอต้อนรับฉัน
เมื่อมองไปที่ห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า ฉันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากที่ฉันเห็นเมื่อช่วงบ่าย ฉันรู้สึกว่าหัวใจของฉันนั้นเจ็บปวดราวกับถูกมีดแทง
"ครืด"
ประตูถูกผลัก ลู่จือสิงก้าวเท้าเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้าเย็นชา เขาเดินเข้ามาถามฉัน "วันนี้เธอไปข้างนอกเหรอ?"
เดิมทีที่ฉันนั้นอึดอัดใจอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำถามเขา อารมณ์ของฉันก็ยิ่งควบคุมไม่อยู่ ฉันยืนขึ้นและจ้องมองเขา "ฉันไปข้างนอกมา หรือว่าคุณจะไม่ให้ฉันมีแม้แต่อนุญาติให้ฉันไปพบข้างนอกงั้นเหรอ?"
“ใครมาส่งเธอ?”
เขาคว้ามือฉัน ข้อมือฉันเจ็บปวดจากการโดนบีบ ฉันนึกถึงเรื่องราวเมื่อช่วงบ่าย อดไม่ได้ที่จะนึกถึงว่าเขาได้สัมผัสซินเยว่หมิงหรือเปล่า แค่เพียงนึกเช่นนี้ ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ ฉันจึงสะบัดมือออกจากเขา "อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!"
“ไม่ให้ผมแตะต้องคุณงั้นเหรอ? อยากให้ใครแตะต้องคุณล่ะ? ซวี่ชิงหนานงั้นสิ?”
เขาดึงฉันเข้าหาตัวเขา
"คุณหมายความว่าไง?"
ฉันคาดไม่ถึงว่าลู่จือสิงจะให้ร้ายฉันก่อนทั้งที่เขาเองก็ทำผิดมาเช่นกัน "ฉันกับซวี่ชิงหนานนั้นไม่ได้มีอะไรต่อกัน ทีคุณกับซินหมิงเยว่ล่ะ? วันนี้พวกคุณไปเจอกันมาไม่ใช่เหรอ? อยู่ในโรงแรม ไปทำอะไรกันมาบ้างล่ะ?"
ฉันไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากให้เขาเป็นความน่าสมเพชของฉัน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่พวกเขาอาจจะทำกันในโรงแรมแล้ว ใจของฉันก็เจ็บปวดราวกับถูกใครเอามีดมากรีดอย่างไรอย่างนั้น น้ำตาฉันไหลอย่างไม่อาจควบคุมได้
สีหน้าเขาเปลี่ยนในทันใด "คุณตามผมงั้นเหรอ?"
ฉันยิ้มเยาะ "คุณคิดว่าฉันตามคุณงั้นเหรอ?"
"แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้ช่วงบ่ายผมไปเจอซินหมิงเยว่?"
เมื่อได้ยินคำพูดเขา ฉันก็รู้สึกผิดหวัง "ลู่จือสิง คุณไม่อยากให้ใครรู้ คุณก็อย่าทำสิ!"
"ผมทำอะไร?!"
“คุณทำอะไรงั้นเหรอ? คุณกับซินหมิงเยว่อยู่โรงแรมแล้วทำอะไรกันล่ะ? ฉันเห็นเธอเอื้อมมือจะถอดเสื้อผ้าคุณอยู่แล้ว!”
MANGA DISCUSSION