ซินหมิงเยว่บอกว่าฉันจะต้องเสียใจ แต่หลายวันถัดมานี้ชีวิตของฉันนั้นสงบสุขมาก ฉันรู้สึกประหม่ามาหลายวันแต่ก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
โครงการในมือของฉันนั้นค่อนข้างจะยุ่งเป็นพิเศษ และฉันไม่มีเวลานึกถึงซินหมิงเยว่มากนัก
ตอนเที่ยงของวันก่อนเวลาอาหารกลางวัน ฉันได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย พวกเขาบอกว่าซูตงเจ๋อพี่ชายของฉันเป็นหนี้การพนันห้าหมื่นหยวน ตอนนี้พี่ของฉันนั้นอยู่ในกำมือของพวกเขา พวกเขาใช้ให้ฉันนำเงินไปไถ่ถอนตัวพี่ชายของฉัน
ฉันอยากบอกไปว่าฉันไม่มีเงินและไม่ไปไถ่ถอนอะไรทั้งนั้น พวกเขาก็ได้วางสายไป ฉันจึงโทรกลับไปและพวกเขาไม่รับสาย
ซูตงเจ๋อเล่นพนันมาโดยตลอดและไม่ได้เป็นหนี้แค่วันสองวันเท่านั้น ก่อนหน้านี้ฉันเคยช่วยเขาจัดการไปแล้ว แต่ในทุกครั้งเขาไม่เคยสำนึกผิด ฉันไม่อยากสนใจเขาอีกต่อไป ความกตัญญูที่ฉันมีต่อตระกูลซูนั้นคือคุณยายไม่ใช่ซูตงเจ๋อ
ฉันกลับไปที่ยังห้องทำงานเพื่อทำงานต่อ แต่เมื่อฉันคิดว่าซูตงเจ๋อก็เป็นพี่ชายของฉัน ฉันก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
ผิงผิงตบไหล่ฉันแล้วมองมาที่ฉันอย่างเป็นห่วง "ซูยุ่น เธอเป็นอะไรไป กลับมาจากรับโทรศัพท์จิตใจก็ดูไม่อยู่กับเนื้อกับตัว?"
ฉันยิ้มอย่างขมขื่น “พี่ชายของฉันติดหนี้การพนันและถูกจับตัวไป คนพวกนั้นให้ฉันเอาเงินไปไถ่ตัวเขา”
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปเร็ว! คนสมัยนี้นั้นเห็นแก่เงินไม่เห็นแก่ชีวิตหรอกนะ ถ้าพวกมันโหดร้ายทารุณขึ้นมา พี่ชายเธอ…"
เธอพูดไม่จบ แต่ฉันก็เข้าใจในความหมายของเธอ
ยายเองก็ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ฉันสามารถเพิกเฉยต่อซูตงเจ๋อได้แต่ฉันไม่อาจผ่านพ้นอุปสรรคในใจไปได้เลย ฉันกัดฟันและวางปากกาในมือลง "ผิงผิง ช่วยฉันลางานหน่อย ฉันจะไปด้านนอก"
"เธอมีเงินพอเหรอ?"
ฉันพยักหน้า เงินสำหรับการผ่าตัดของยายยังเหลืออยู่ เดิมทีฉันต้องการคืนให้กับลู่จือสิงแต่ในช่วงเวลานี้มีหลายอย่างเกิดขึ้นฉันก็เลยลืมเรื่องนี้ไป
คาดไม่ถึงว่าในท้ายที่สุดเธอก็ต้องจ่ายให้กับหนี้พนันของซูตงเจ๋อ
เมื่อนึกได้เช่นนี้ภายในใจของเธอก็ร้อนราวกับไฟ เมื่อคิดว่าอีกสักครู่ก็จะได้เจอกับซูตงเจ๋อจะต้องแจ้งจับเขาเรื่องการพนันและส่งเข้าคุกไปเลย!
ฉันลงมาด้านล่างเพื่อกดเงินและรีบเรียกแท็กซี่และไปยังที่ที่ชายคนนั้นพูดเนื่องด้วยความร้อนใจและไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก
สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดคือนี่คือกับดัก!
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉันก็ไปถึงสถานที่ที่ชายคนนั้นบอกกับฉัน
บริเวณรอบข้างไม่มีใครเลย เป็นพื้นที่เขตบ้านเก่า หลังจากที่แท็กซี่ออกไป ข้างกายฉันก็ไม่มีใครเลยสักคน
ฉันยืนอยู่ตรงทางเข้าซอย กำลังพยายามค้นหาเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรกลับไป จู่ๆก็มีเงาปรากฎขึ้นบนพื้นและมีคนอยู่ด้านหลังของฉัน!
"คุณ…………"
ทันทีที่ฉันหันศีรษะไป ชายคนนั้นก็เอาผ้ามาปิดปากของฉัน ฉันคิดจะร้องขอความช่วยเหลือแต่สายตาของฉันกลับพร่ามัวลงและฉันก็เวียนหัวจนสลบไป
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ฉันเองก็ไม่รับรู้
เมื่อตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องมืดที่มีกลิ่นเหม็นอับ
มือและเท้าของฉันถูกมัดไว้แน่นและฉันไม่สามารถขยับได้เลย ปากของฉันก็ถูกปิดเอาไว้ ภายในห้องมืดมาก มีเพียงแสงจากหน้าต่างบานเดียวเท่านั้น ฉันแทบมองไม่เห็นอะไรเลย
ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนหรือใครเป็นคนลักพาตัวฉันมา ฉันกลัวมากและอยากร้องขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยความกลัวว่าคนที่ลักพาตัวฉันมาจะรู้ว่าฉันนั้นได้สติแล้ว
ความกลัวทำให้ฉันตัวสั่นเทา ความไม่คุ้นเคยทำให้ฉันไม่กล้าที่จะจินตนาการ
ฉันพยายามสงบสติอารมณ์และเริ่มช่วยเหลือตัวเอง แต่นอกเหนือจากการใช้น้ำลายเพื่อคลายเทปสีดำบนปากของฉันแล้วฉันไม่มีทางที่จะแก้เชือกที่มัดฉันไว้ได้เลย
ฉันขยับตัวไปยังประตูและพยายามจะเปิดมัน แต่ฉันพบว่าประตูถูกปิดจากด้านนอกและฉันไม่สามารถหากุญแจได้
ฤทธิ์ของยาในร่างกายฉันยังไม่หมดไป ฉันขยับไปขยับมาอยู่เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ร่างกายของฉันก็หมดเรี่ยวแรงและได้สลบไปอีกครั้ง
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันก็พบว่าท้องฟ้าได้มืดแล้วและเชือกบนร่างกายของฉันก็หลุดออก ฉันไม่ได้อยู่ในบ้านหลังก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่อยู่ในซอยที่มืดมิด
ฉันคิดว่าตัวเองหนีรอดออกมาแล้ว แต่กลับพบว่ามีเสียงของใครบางคนที่พูดอยู่ตรงหน้าฉัน เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆและไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
คนเหล่านั้นเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แสงสลัวกระทบใบหน้าของคนเหล่านั้นและใบหน้าของฉันก็ซีดลงทันที
นั่นคือกลุ่มอันธพาล! และดูเหมือนพวกเขานั้นกำลังมึนเมา เขาเดินเข้ามาหาฉันพร้อมด้วยกับสบถคำด่าต่างๆนาๆ
ฉันอยากจะวิ่งหนี แต่ดูเหมือนขาของฉันจะยึดติดกับพื้น ฉันทำได้แค่ขยับร่างกายที่เย็นเฉียบของฉันพิงเข้ากับกำแพงและสวดภาวนาขอให้พวกเขามองผ่านฉันไป
"โอ้ มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ที่นี่!"
แต่คำอธิษฐานของฉันไม่ได้ผล พวกเขามองเห็นฉัน
เมื่อมีคนยื่นมือมาแตะฉัน ฉันก็สะบัดออกโดยไม่รู้ตัว "อย่ามาแตะต้องฉัน!"
ฉันกล่าวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก
ภายใต้แสงไฟ สายตาของคนเหล่านั้นที่มองมาที่ฉันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาเป็นผู้ชายห้าคน ฉันเพียงผู้หญิงตัวคนเดียว ฉันไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือพวกเขา
"เหอะ เป็นผู้หญิงจริงๆด้วย ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่โชคดีของพวกพี่จริงๆ!"
มีคนต้องการสัมผัสตัวฉันอีกครั้ง ฉันพยายามย่อตัวลงจากนั้นมีคนดึงฉันขึ้นมาโดยดึงที่เสื้อผ้าของฉัน "สวยมาก สวยเหมือนดาราในทีวีเลย!"
“พวกแกอย่ามาแตะต้องฉัน! ฉันจะให้เงินพวกแก อย่ามาแตะตัวฉัน!”
ฉันโตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยพบเจอเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนเลย เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา ฉันก็ตกใจจนตัวสั่นไปหมด
"อย่ามาแตะฉัน ออกไป!"
แต่ฉันก็รู้ดีว่าในซอยนี้ไม่มีใครมาช่วยฉันได้!
บริเวณโดยรอบนั้นเป็นสภาพบ้านเก่าๆและเจ้าของบ้านหลายคนไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ที่นี่เป็นเหมือนบ้านรกร้าง
ฉันบังคับตัวเองให้สงบอารมณ์ลง มีคนจับใบหน้าของฉันและมือก็ถูกดึง ฉันมองไปยังพวกเขาและพบว่าทั้งสองคนนั้นมึนเมาและยืนโซเซ
ฉันวิ่งหนีก็ตาย ไม่วิ่งหนีก็ตาย หากว่าวิ่งหนีฉันอาจยังมีหวังอยู่บ้าง งั้นก็ลองวิ่งหนีแล้วกัน!
ฉันตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ฉันเช็ดน้ำตาและมองหาโอกาสในการหลบหลีก
สุดท้ายแล้วคนเมาทั้งาองนั้นก็พยายามเข้ามาสัมผัสตัวฉันมากขึ้น ฉันผลักพวกเขาด้วยกำลังทั้งหมดของฉัน
พวกเขาคงไม่คาดคิดว่าฉันจะขัดขืนอย่างกะทันหัน หลายคนถูกฉันผลักลงจนลงไปกองบนพื้น ฉันก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกพร้อมด้วยสเวตเตอร์ที่ขาดจนไม่เหลือชิ้นดี ฉันวิ่งไปพลางร้องตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยคำว่า "ช่วยด้วย"
ฉันนั้นคิดแค่เพียงต้องวิ่งหนีเท่านั้นไม่คาดคิดว่าจะมีรถขับผ่านมา เมื่อรถคันนั้นเห็นว่ากำลังจะชนจึงได้หยุดลง
"ฟุ่บ—-"
มีเสียงเบรกดังขึ้น ฉันยืนอยู่ตรงนั้นและแทบหยุดหายใจ
ประตูถูกเปิดออก ชายในเสื้อโค้ทสีขนอูฐก็ลงมาจากรถ เมื่อเขาเห็นฉันเขาก็ตกตะลึงชั่วขณะ เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษ เขาถอดเสื้อผ้าของเขาและสวมให้ฉัน "คุณ คุณโอเคหรือเปล่า?"
ในเวลานี้ พวกคนเมาเหล่านั้นก็ได้วิ่งตามออกมา ฉันก็หดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้ตัว มือทั้งสองข้างของฉันก็คว้าเนคไทเขาแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ "ช่วยฉันด้วย คุณชาย ได้โปรดช่วยฉันด้วย!"
ชายคนนั้นก้มลงมามองฉัน "สบายใจได้ ไม่เป็นอะไร เราขึ้นรถกันเถอะ"
น้ำเสียงของเขานั้นช่างน่าฟัง เสียงที่สงบและอ่อนโยนทำให้เกิดความรู้สึกสงบและมั่นคง
ฉันพยักหน้าและรีบขึ้นรถ
ทันทีที่ฉันปิดประตูรถ ชายคนนั้นก็ถูกคนร้ายคว้าตัวเอาไว้ คนร้ายทุบตีเขาอย่างรุนแรง เขากระแทกเข้ากับหน้ารถ ฉันตกใจและกรีดร้อง "อ๊ะ!"
"ล็อคประตู!"
ทันใดนั้นชายคนนั้นก็หันกลับมาและตะโกนมาที่ฉัน ฉันผงะไปครู่หนึ่งแล้วรีบล็อคประตูด้านที่นั่งคนขับ
ด้านนอกการต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ฉันเห็นชายคนนั้นถูกต่อยไปหลายครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าเขามีฝีมือ สิบนาทีต่อมาพวกอันธพาลเหล่านั้นก็ถูกเขาต่อยจนลงไปกองกับพื้น
เขายกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่มุมปากจากนั้นเขาก็เคาะหน้าต่างและชี้นิ้วไปยังประตูเพื่อให้ฉันเปิดให้เขา
ฉันรีบเปิดประตูให้เขาและเห็นว่าเขามีเลือดออกทางจมูก ฉันผงะไปชั่วขณะจากนั้นรีบหยิบทิชชู่ส่งให้เขา "คุณเลือดกำเดาไหล"
"ขอบคุณ"
นี่เป็นผู้ชายที่สุภาพมาก ในเวลานี้ควรกล่าวขอบคุณเขา
"ต้องไปส่งคุณที่โรงพยาบาลไหม?"
ฉันพยักหน้าและลังเลเล็กน้อย "คุณชาย ฉันขอยืมโทรศัพท์คุณได้ไหม?"
"เอาไปสิ"
เขาไม่ได้สนใจอะไรและยื่นโทรศัพท์ให้กับฉัน
ฉันรับโทรศัพท์จากเขาและโทรหาลู่จือสิง อาจเป็นเพราะเบอร์แปลก ลู่จือสิงจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ใคร?"
เมื่อได้ยินเสียงเขา ฉันก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา "ฉันเอง ลู่จือสิง—-"
“ซูยุ่น? คุณไปไหน? ผมตามหาคุณทั้งคืน!”
"ฉันถูกลักพาตัวมา ฉันก็ไม่รู้ ฉันตอนนี้ ตอนนี้—-"
เมื่อฉันไม่รู้ว่าฉันควรบอกลู่จือสิงว่าฉันกำลังอยู่ที่ไหน ชายด้านข้างก็กล่าวขึ้น "ไปโรงพยาบาลตี้เอ้อเหรินหมินกันเถอะ"
ฉันยิ้มขอบคุณให้กับเขาและรีบบอกลู่จือสิง "ฉันกำลังไปโรงพยาบาลตี้เอ้อเหรินหมิน"
"ข้างๆคุณคือใคร? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ คนนั้นเชื่อถือได้หรือไม่?"
ฉันค่อยๆตอบคำถามของลู่จือสิงอย่างใจเย็นและปลอบโยนเขาว่าไม่ต้องกลังวล ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว เดี๋ยวเราจะไปเจอกันที่โรงพยาบาล
เมื่อวางสายฉันก็ยิ้มเขิน "ทำตัวน่าอายให้คุณเห็นเสียแล้ว"
"ฉันชื่อซวี่ชิงหนาน"
ฉันนิ่งไปชั่วครู่และรีบแนะนำตัวเอง "ฉันซูยุ่น คุณชายซวี่ เรื่องในคืนนี้ต้องขอบคุณคุณจริงๆ หากว่าไม่มีคุณ ฉันไม่รู้จริงๆว่า……."
เขาพยักหน้า เขาปลอบฉันว่าไม่ต้องกลัวแล้วไม่เป็นอะไรแล้ว
แม้ว่าฉันจะรู้ว่าฉันพ้นจากอันตรายแล้ว แต่ความกลัวยังคงทำให้มือของฉันสั่นอยู่ตลอดเวลา
"ซูยุ่น!"
ทันทีที่ฉันลงจากรถ ลู่จือสิงก็วิ่งเข้ามากอดฉัน
หลังจากประสบเหตุการณ์ที่น่าตื่นกลัวนั้น ฉันก็กอดลู่จือสิงแน่นที่สุดเท่าที่เคยกอดมา ในที่สุดหัวใจที่หวาดกลัวก็สงบลง เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำตาก็ไหลลงมา "ลู่จือสิง ฉันคิดว่าฉันอาจไม่ได้พบคุณอีกแล้ว"
ใบหน้าของเขาแข็งกร้าว เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่กอดฉันและจับมือฉันไว้แน่น
ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงซวี่ชิงหนานจึงรีบผลักเขาออกและยิ้มอย่างเขินอายต่อซวี่ชิงหนาน "นี่คือซวี่ชิงหนาน เขาช่วยฉันไว้"
ลู่จือสิงปล่อยมือจากฉันและยื่นมือไปยังซวี่ชิงหนาน "คุณชายซวี่ ขอบคุณที่ช่วยภรรยาผม"
"ไม่ต้องขอบคุณ เรื่องเล็กน้อย ผมก็……."
พวกเขากำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นดวงตาของฉันก็มืดลงและฉันก็สลบไป
MANGA DISCUSSION