ฉันตื่นขึ้นมาในวันที่สองด้วยอาการปวดหัวเป็นอย่างมาก ลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกเหมือนมีแสงแดดมาแยงตา
ค่อยๆ นึกถึงเรื่องราวเมื่อวาน ฉันก็จำได้ว่าตัวเองดื่มไวน์แดงไปเกือบขวด จากนั้นก็เมา…
เรื่องราวหลังจากนั้นก็เหมือนภาพที่ถูกตัดไป ฉันจำอะไรไม่ได้เลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉันก็เริ่มสับสน รีบเปิดผ้านวมขึ้นมาแล้วพบว่าเสื้อผ้าบนตัวกลายเป็นเสื้อเชิ๊ตของลู่จือสิงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ตัวเขาสูง 190 ซ.ม. พอเสื้อเชิ๊ตมาอยู่บนตัวฉันที่สูง 167 ซ.ม.ก็เหมือนกับชุดกระโปรงเลย
ฉันรู้สึกว่าเมื่อคืนอาจจะเกิดเรื่องที่ไม่อาจบรรยายได้ จึงรีบวิ่งไปตามหาลู่จือสิงแล้วพบเขาอยู่ในห้องครัว
"มีอะไรหรือ?"
เขาหันกลับมามองฉัน ฉันเอามือจับชุดอย่างขัดๆ เขินๆ: "ประธานลู่คะ เมื่อคืนวานฉันคงดื่มไปมากใช่มั้ยคะ?"
เขาเลิกคิ้ว: "เธอคิดว่าอย่างไรล่ะ?"
ท่าทีของลู่จือสิงทำให้ฉันคาดเดาไม่ถูก แต่จะให้ถามไปตรงๆ ฉันก็พูดไม่ออกอยู่ดี เขาไม่พูดซักคำ เอาแต่มองฉันแบบนี้
ฉันถูกเขามองจนทนไม่ไหวจึงพูดออกไป: "เมื่อคืนฉันดื่มจนเมา แล้วคงไม่ได้ทำให้คุณลำบากใจใช่มั้ยคะ?"
"เธอคิดว่าอย่างไรล่ะ?"
คำพูดประโยคนี้อีกแล้ว ฉันพบว่าตัวเองอยากจะบ้าตาย!
แต่นอกจากคำพูดประโยคนี้แล้ว ก็ไม่มีคำพูดอื่นใดเล็ดลอดออกมาจากปากเขา
ฉันกัดฟันพูดเปิดประเด็นทันที: "เมื่อคืนเราคงไม่ได้ทำอะไรที่บรรยายออกมาไม่ได้ใช่ไหมนะคะ?"
เขาพูดเสียง หึ ออกทางจมูกอย่างเย็นชา: "นับว่าเธอยังให้เกียรติตัวเองอยู่บ้าง"
ฉันฟังคำพูดของเขาแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาได้ในที่สุด แต่หนึ่งวินาทีต่อมาฉันก็พบว่าสีหน้าของลู่จือสิงทำไมถึงดูอึมครึมไปได้ล่ะ
ฉันหมุนตัวกะจะไปอาบน้ำ ก็นึกถึงเสื้อเชิ๊ตบนตัวขึ้นมาได้ จึงถามกลับไป: "แล้วเสื้อเชิ๊ตบนตัวฉันล่ะคะ…..”
"ฉันเปลี่ยนให้เอง"
เขาพูดตรงจนฉันหน้าแดงออกมา แล้วเขาก็เพิ่มให้อีกประโยคว่า: "ไม่ใช่ไม่เคยเห็นซักหน่อย สัมผัสก็สัมผัสกันมาแล้ว เธอยังจะเสแสร้งอะไรล่ะ"
ฉันยืนค้างไปซักพักหนึ่ง แล้วกัดฟันพูด: "ขอบคุณค่ะ"
ฉันไม่คิดจะพูดกับลู่จือสิงอีกแล้ว จึงหันหลังเดินออกไป ไม่ทันไรก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นมา
"ไปเปิดประตู"
"ทำไมล่ะคะ นี่เป็นบ้านของคุณ เกิดว่า……..”
"ฉันทำก๋วยเตี๋ยวอยู่ ไม่ว่าง เธอไปเปิดประตู"
ทีแรกฉันกะจะบอกว่าให้ฉันทำก๋วยเตี๋ยวแล้วเขาไปเปิดประตูก็ได้ แต่พอเห็นแววตาของเขา สุดท้ายก็ยอมไปเปิดประตูแต่โดยดี
"เธอเป็นใคร? ทำไมเธอมาอยู่บ้านจือสิงได้?"
พอเปิดประตูออกมาก็เห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันยังไม่ทันได้โต้กลับไปอย่างมีน้ำโห หล่อนก็ผลักฉันเเล้วเดินเข้าไปข้างใน: "จือสิงล่ะ?"
ฉันยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าด้วยความอายมากกว่าที่เคย ชี้นิ้วไปทางห้องครัว: "อยู่ข้างใน"
เธอมองฉันด้วยสายตาเคียดเเค้น แล้ววิ่งเข้าไปในห้องครัว
ฉันลังเลเล็กน้อย จึงตัดสินใจเดินตามเข้าไป กะจะไปอธิบายอะไรซักหน่อย
"จือสิง ผู้หญิงคนนี้คือใครหรือคะ?"
พอฉันมาถึงประตูทางเข้า ผู้หญิงคนนั้นก็มาดึงฉัน
ลู่จือสิงหันมามองเราสองคนด้วยใบหน้าเฉยเมย: "ออกไป"
"ไม่ให้ไป อธิบายมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ ทำไมถึงมีผู้หญิงคนนี้มาอยู่ที่นี้ได้คะ?"
ลู่จือสิงมองฉันแล้วก็ยิ้มอย่างเย็นชาออกมา: "คุณซิน คุณอย่าเข้าใจผิดไป ผมหมายถึงให้คุณออกไป"
"อะไรนะคะ คุณให้ฉันออกไป? จือสิง แต่ฉัน——”
"อย่าให้ผมต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สาม ออกไป๊!"
ท่าทีของลู่จือสิงเย็นชามากยิ่งขึ้น ผู้หญิงคนนั้นหน้าซีดลง มองฉันอย่างไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็เดินจากไป
ฉันยืนอยู่ตรงนั้นรู้สึกขัดเขินชอบกล คิดจะพูดอะไรให้บรรยากาศมันดูนุ่มนวลขึ้น ก็พลันได้กลิ่นไหม้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป: "ประธานลู่คะ ก๋วยเตี๋ยวน้ำแห้งแล้วหรือเปล่าคะ?"
ฉันไม่รู้ว่าฉันเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า คือสีหน้าของประธานลู่ดูเหมือนจะแข็งทื่อ จากนั้นเขาก็หันหลังไปปิดแก๊ซ ใบหน้าขรึมเหมือนสีน้ำหมึกเลย
ฉันมองเส้นก๋วยเตี๋ยวในหม้อ กลั้นยิ้มเข้าไว้: "ประธานลู่คะ เดี๋ยวฉันจัดการให้เองค่ะ"
เขามองฉันแต่ก็ไม่ดื้อรั้นอะไรอีก
พอเขาเดินไปถึงปากทางเข้าก็หันกลับมาพูดกับฉันว่า: "ไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ต้มโจ๊ก!"
MANGA DISCUSSION