ฉันตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่นาน ฉันก็ดึงสติกลับมาได้
”แต่งสิ”
ครั้งนี้ กลับเป็นลู่จือสิงที่ตะลึง
ฉันพูดอย่างยิ้มๆ “ทำไม กลับคำหรอ?”
“ไม่ใช่ ซูยุ่น เธอพูดใหม่อีกครั้งได้ไหม ฉันไม่ค่อยได้ยิน!”
ฉันหันกลับไปมองเขา แล้วพูดซ้ำว่า”ฉันบอกว่า แต่สิ”
เขาจับท้ายทอยฉันแล้วก็จูบลงมาทันที ฉันไม่ทันตั้งตัว เลยสะอื้นเบาเบา
ในตอนที่ฉันกำลังอ่อนไปทั้งตัว เป้ยเปยวิ่งมาจับขาฉันกะทันหัน ฉันตกใจจนรีบผลักเขาออกทันที
ลู่จือสิงน่าจะคิดว่าฉันจะไม่ทีทางผลักเขากะทันหัน และฉันก็ใช้แรงเยอะขนาดนี้ เสี้ยววินาทีเขาถูกฉันผลักจนเซไปข้างหลังสองสามก้าว
ฉันหันไปใส่สีหน้าให้เขา รีบโค้งไปอุ้มเป้ยเป้ย”เป้ยเปย มาหาแม่มีเรื่องอะไรครับ?”
“ปาป๊า มาม๊า ทำอะไร?”
เป้ยเปยอีกสองเดือนก็อายุสองขวบแล้ว กำลังอยู่ในช่วงที่อยากรู้อยากเห็น
แต่ฉันก็ไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองมาถามว่าพ่อจูบแม่กันคืออะไร เสี้ยววินาทีหน้าฉันร้อนวูบไปเลย
ตอนนี้ ลู่จือสิงเดินเข้ามา เขายื่นมือไปอุ้มเป้ยเปย ตอบกลับคำถามที่เป้ยเปยถามอย่างซื่อตรง “เป้ยเปยเป็นเด็กดี เมื่อกี้พ่อกำลังรักแม่อยู่!”
“พูดอะไรของนาย!”
พอได้ยินเขาตอบเป้ยเปย ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหยิกเขา
เขาก้มหน้ามองฉัน ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์”เป้ยเปยจะทำสิ่งที่พ่อทำกับแม่เมื่อกี้ ก็ต่อเมื่อคนนั้นเป็นคนรักของเป้ยเปยเท่านั้นนะ เข้าใจไหม?”
ฉันตลกเขาทันที “เขายังเด็ก นายพูดพวกนี้ให้ จะไปเข้าใจอะไร?”
“ไม่เป็นไร พอโตขึ้นฉันจะบอกกับเขาอีกรอบ”
ฉันไม่รู้จะพูดอะไรอีก ไม่อยากคุยกับเขา เลยไปเตรียมน้ำให้เป้ยเปย
ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นหน้าหนาว แต่เด็กมันขี้เล่น เป้ยเปยออกเหงื่อไม่น้อย ดังนั้นเลยต้องอาบน้ำให้เขาทุกวัน
เมื่อก่อนเรื่องนี้ฉันเป็นคนทำ แต่พอลู่จือสิงได้ใจยิ่งทำแล้ว ฉันก็มอบหมายหน้าที่อาบน้ำของเป้ยเปยให้เขาเลย
เขาอาบน้ำให้เป้ยเปยฉันก็ไปอาบน้ำ รอเขาอาบเสร็จฉันก็ไปกล่อมเป้ยเป้ยนอน
แยกแยะชัดเจน ทุกอย่างราบรื่น
พอฉันอาบน้ำเสร็จ เป้ยเปยก็นอนแล้ว ลู่จือสิงก็เอาเสื้อผ้าไปอาบน้ำต่อ
ฉันจับผมตัวเองที่เปียกเล็กน้อย แล้วกลับไปเอาไดร์เป่าผมมาไดร์ให้แห้ง
พอเป่าได้พอประมาณ ฉันพึ่งปิดไดร์เป่าผม ก็มีมือมากอดเอวฉันไว้
ไม่ต้องให้ฉันพูดก็รู้ว่ามือใคร เพราะตอนเช้าต่อให้ตายฉันก็ไม่ยอมให้เขา ทั้งวันลู่จือสิงทำหน้าตาไม่พอใจ ดูหน้าฉันด้วยสีหน้าเศร้าหม่อง
เวลานี้ เขาอยากทำอะไร อยู่กับเขานานขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้
เขาไม่ได้จูบฉันทันที แค่เอ่ยปากเรียกฉัน
ฉันว่างไดร์เป่าผมแล้วจึงจะตอบเขา “อื้ม?”
“เธอจะแต่งงานกับฉันจริงจริงหรอ?”
ฉันรู้สึกตลกเล็กน้อย “ฉันยอมที่จะแต่งงานกับนาย นายไม่เชื่อหรอ?”
“ฉันรู้สึกมาตลอดว่า เธอไม่มีวันจะแต่งงานกับฉันอีกแล้ว”
คำพูดของทำให้ฉันรู้สึกผิด ฉันเม้มปากแล้วบอกกับเขา “ขอโทษ ก่อนหน้านี้เพราะฉันเอาแต่หนีเลยทำให้นายคิดแบบนี้” แต่ตอนนี้กลับถามฉันครั้งแล้วครั้งเล่าเรื่องแต่งงานกับเขา
ความไม่มั่นใจของเขา เป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉันเอาแต่หนี
เราต่างโกรธกันและกันหนึ่งเดือน กลับมีความถามมากมาย
“งั้นวันจันทร์ตอนเที่ยง ไปจดทะเบียนสมรส?”
เขาก้มหน้าจูบคอฉัน ถามอย่างระมัดระวัง
ฉันขมวดคิ้วกำลังจะถามว่าทำไมเร็วจัง แต่พอนึกคำพูดที่เขาพูดเมื่อกี้แล้ว เลยเปลี่ยนคำพูดใหม่”ได้”
“ขอบคุณนะ ซูยุ่น”
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แค่คำว่าขอบคุณของเขา มันซึ้งกว่าคำขอโทษของเขา
ฉันขมิบตาไม่ให้น้ำตาไหลลงมา
ลู่จือสิงจูบเร้าร้อนมากขึ้น ฉันค่อยค่อยเคลิ้มไปตาม
คืนนั้น ฉันกับลู่จือสิงทำอย่างประทับใจไปเกือบจะสองชั่วโมงถึงจะหยุด
พอเสร็จฉันรู้สึกโชคดีพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันพักผ่อน ไม่ต้องไปทำงาน
ฉันลางานไปวันหนึ่งแล้ว และสองวันนี้ก็เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ฉันพักผ่อนมาสามวันติด
แต่พอฉันโทรไปลางานวันจันทร์กับติงหยวน ฉันกลับรู้สึกพูดยาก
ติงหยวนถามฉันก่อน “ซูยุ่น เธอเจอปัญหาที่วันหยุดไม่พอหรือเปล่า?”
เขารู้ว่าฉันมีลูกชายคนหนึ่ง อาจคิดว่าเป้ยเปยเป็นอะไรไป
ฉันกัดฟัน สุดท้ายก็พูดออกมาได้ “ผู้จัดการติง พรุ่งนี้ฉันขอลางานตอนเช้า”
“อ้อ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? สะดวกพูดไหม ?”
“ไปจดทะเบียนสมรส”
ตอนนั้นติงหยวนอึ่งไปสักแปบ แต่ไม่นาน เขาก็บอกกับฉันยิ้มๆ “อ้อเป็นแบบนี้นี่เอง งั้นฉันขอแสดงความยินดีกับเธอและและประธานลู่ก่อนนะ ไม่เป็นไร วันจันทร์ลาทั้งวันก็ได้”
ฉันพูดอย่างเกรงใจ “ฉันจดทะเบียนสมรสเสร็จก็กลับบริษัททันที”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ”
พอว่างสาย ฉันลูบหน้าผากตัวเองปรากฏว่าเหงื่อเต็มหน้าผาก
ลู่จือสิงมองฉัน “ลางานได้แล้ว ?”
ฉันแหล่มองเขา “ลาได้แล้ว”
“หากว่าลาไม่ได้ละก็ ฉันคงต้องไปบริษัทเธอด้วยตัวเองสะแล้ว”
เดิมฉันรู้สึกหดหู่นิดๆ แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “พอเหอะ อย่าทำให้ฉันต้องตกงานอีกละ”
อาจเป็นเพราะว่าวันต่อมาจะไปจดทะเบียนสมรส ลู่จือสิงเลยไม่แตะต้องอะไรฉัน
วันต่อมายังไม่เจ็ดโมงฉันก็ตื่นแล้ว ทำโจ๊กหมูและยังนึ่งซาลาเปา
ตอนนี้แปดโมงแล้ว ฉันกำลังจะไปเรียกลู่จือสิง กลับเห็นเขาตื่นแล้ว ฉันไม่ได้สนใจเขา เขาก็จุ๊บฉันไปทีหนึ่ง “คิดไม่ถึงว่าเธออยากจะแต่งงานกับฉัน จนทนไม่ไหวขนาดต้องตื่นมาทำอาหารแต่เช้า”
ฉันยิ้มแห้งๆ “ฉันกลัวคนเยอะ เดี๋ยวจะไปทำงานไม่ทัน ”
“……”
เขามองฉัน พูดอะไรไม่ออกสักคำ
นี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก รู้สึกประสบความสำเร็จสุดๆ ก็ไม่คิดหยุมหยิมกับเขามาก “ได้แล้ว รีบๆมากินข้าว เก้าโมงกว่าออกบ้าน อาจมีคนเยอะแยะเลยก็เป็นได้”
พอฟังแบบนี้ ลู่จือสิงก็ไม่เถียงกับฉันอีก
พอกินข้าวเช้าเสร็จ ป้าจ้าวมาแล้ว ฉันทักทายป้าจ้าวแล้วก็ลากลู่จือสิงไปเลย
พอออกจากบ้าน ถึงสังเกตเห็นเขาถือของไว้ถุงหนึ่ง พอดู เป็นลูกอมและขนมแต่งงาน
ฉันกลับลืมเรื่องนี้ไปเลย มองหน้าเขาอย่างระอายใจ
เขากลับแค่กอดๆฉัน “ไปเหอะ เมื่อก่อนเธอเป็นคนเตรียม ครั้งนี้ให้ฉันเป็นคนเตรียม”
ฉันชะงักมองไปที่เขา หัวเราะทันที เอียงหัวไปพิงอกเขา “โอเค”
MANGA DISCUSSION