ฉันพลิกตัวไปมานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ตอนตื่นนอนในอีกวันขอบตาดำคล้ำราวกับหมีแพนด้า เมื่อตอนที่ฉันไปโรงพยาบาลเพื่อชำระค่าใช้จ่ายก็คุณยายถามฉัน แต่ฉันไม่อยากให้ท่านกังวล เลยบอกไปว่านอนหลับไม่สนิท
การผ่าตัดของคุณยายถูกกำหนดให้เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา วันผ่าตัดฉันยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดตลอด สมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่า จนกระทั่งได้ยินเสียงคุณหมอบอกกับฉันว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จดีมาก สติของฉันถึงค่อยๆ กลับมา
ฉันดูแลคุณยายอยู่ที่โรงพยาบาล 1 สัปดาห์ อาการพักฟื้นหลังผ่าตัดดีขึ้นมาก คุณยายกลัวว่าจะเป็นภาระให้ฉัน พอฉันอยู่ที่โรงพยาบาลได้ 3 วันท่านก็ไล่ให้กลับไปทำงานแล้ว
ฉันคิดดูแล้วพบว่าตัวเองติดหนี้เยอะมาก ตอนนี้ก็ยังเป็นคนว่างงานอีก หลังจากสอบถามคุณหมอได้ความว่าอาการคุณยายไม่มีอะไรร้ายแรงแล้วจึงเริ่มร่อนใบสมัครและรอข่าวการรับสมัครงาน
ผ่านไปวันที่ 2 ตรงกับวันมหกรรมหางานพอดี ฉันจึงออกจากบ้านแต่เช้าตรู่เพื่อไปเยี่่ยมคุณยายซักพักหนึ่ง ก่อนจะไปร่วมงานมหกรรมหางาน
เมื่อ 20 วันก่อนลู่จือสิงบอกให้ฉันอย่าได้มาปรากฎตัวต่อหน้าเขาอีก ดังนั้นตอนที่เจอเขาในงานมหกรรมหางาน จิตใต้สำนึกจึงบอกให้ฉันซ่อนตัวไว้
แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดขึ้น ขณะที่ฉันกำลังเบียดตัวออกจากฝูงชน
ลู่จือสิงก็มายืนอยู่ตรงหน้าฉัน มองฉันอย่างเย็นชา
ในสถานการณ์ตรงหน้าแบบนี้ ฉันจึงทำได้เพียงยิ้มอย่างเหยเกและพูดว่า : "ประธานลู่"
เขามองมาที่นัยน์ตาของฉัน แล้วเบนสายตาลงมาเล็กน้อย ฉันยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร เขาก็ยกมือขึ้นแล้วดึงเรซูเม่ออกไปจากมือของฉันทันที
ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ จึงตั้งสติเพื่อจะเอาเรซูเม่กลับมา แต่เขายกมือขึ้น ฉันเตี้ยกว่าเขา จึงแย่งไม่สำเร็จ และได้แต่ล้มเลิกความคิดไป
เขาก้มศีรษะลงมองดูเรซูเม่ของฉัน จากนั้นจึงตะโกนครึ่งเสียงทันทีว่า: "หลี่จื้อ"
ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะ หลี่จื้อที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็พูดว่า: "ครับ ประธานลู่"
"ฝ่ายวางแผนของบริษัทหาคนได้หรือยัง?"
"ยังขาดอีก 2 คนครับ"
ลู่จือสิงกระดิกหัวคิ้วเล็กน้อย เอาเรซูเม่ของฉันยื่นให้หลี่จื้อแล้วพูดว่า : "ฉันหาได้คนหนึ่งละ"
ฉันอึ้งไปเลย รีบพูดออกไปว่า: "ประธานลู่ ฉันไม่เหมาะสมจริงๆ ค่ะ…"
เขาก้มศีรษะมองมาทางฉัน: "คุณติดหนี้ผมอยู่ไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ทำงานชดใช้หนี้เลยซิ
เงินเดือนของเฟิงเหิงสูงกว่าในสายงานเดียวกันถึง 10% นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคุณเลยนะ"
"แต่ว่า…" คำพูดของลู่จือสิงทำให้ฉันไม่อาจที่จะโต้กลับได้เลย
"ได้ครับประธานลู่ ผมจะให้ฝ่ายบุคคลลงทะเบียนทันทีครับ"
"เลขาหลี่——"
หลี่จื้อพูดจบก็เดินห่างออกไปไกลแล้ว ฉันขวางเขาไม่ทัน ทำได้เพียงเบนสายตากลับมาที่ตัวของลู่จือสิงอีกครั้ง: "ประธานลู่ ฉันไม่เหมาะจริงๆค่ะ………"
"ซูยุ่น ผมไม่ชอบการถูกปฏิเสธ คุณก็รู้นิ"
เขามองมาทางฉัน นัยน์ตาดำที่บอกถึงความเย็นชาและแหลมคมแฝงความกดดัน ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต จนไม่อาจเอ่ยปากพูดออกไปได้แม้แต่คำเดียว
"ทานข้าวด้วยกัน"
เขาพูดเสร็จแล้วก็หมุนตัวเดินหน้าไป
สติของฉันกลับมาแล้ว จึงรีบเดินตาม
ลู่จือสิงไม่ได้เอาคนขับรถมาด้วย ความเร็วในการขับรถดูจะเร็วไปซักหน่อย เมื่่อรถจอดปุ๊บฉันก็พบว่าตัวเองใจลอยไปแล้ว
"ถึงแล้ว ลงรถ"
ฉันรีบปลดเซฟตี้เบล เงยหน้าขึ้น พบว่าเป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งชั้นสูง
ลู่จือสิงเข้าไปก็ยื่นเมนูอาหารมาให้ฉัน ฉันเห็นราคาแล้วก็สั่งไม่ลง เขาจึงหยิบเมนูไปสั่งอาหารแทน อาหารถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ฉันมองอาหารเต็มโต๊ะตรงหน้า ทีแรกยังไม่รู้สึกหิว แต่ตอนนี้กลับหิวจนต้องรีบกลืนน้ำลายลงไปทันที
"ไม่ถูกปากเหรอ"
เขาหยุดหั่นสเต็ก แล้วเงยหน้ามามองฉันเเว็บหนึ่ง
ฉันรีบส่ายหน้า: "ไม่ใช่ค่ะ"
ลู่จือสิงไม่ถามฉันต่อ ขณะที่ฉันกำลังหยิบช้อนซุปจะมาทานซุป ก็มีสเต็กที่หั่นแล้ว 1 จานมาอยู่ตรงหน้าทันที เมื่อเงยหน้าก็เห็นลู่จือสิงกำลังมองฉัน: "อย่าบอกนะว่าแค่อาหารก็ทานไม่เป็น?"
ฉันส่ายหน้า มองเขาด้วยความประหลาดใจกับความเอาใจใส่ที่ได้รับ "ไม่ ฉันแค่…"
ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี จึงได้แต่ก้มหน้า หยิบช้อนขึ้นมาทานต่อ
เมื่อคิดว่านี่คือสเต็กที่ลู่จือสิงหั่นให้ฉัน ในใจฉันก็เต้นตึกตักขึ้นมาทันใด
MANGA DISCUSSION