ฉันคาดไม่ถึงเลยสักนิดว่าในช่วงเวลานี้จะพบกับลู่จือสิง
เขาเพิ่งลงจากรถและค่อยๆเดินเข้ามาหาฉันทีละก้าว
ฉันกำลังอุ้มเป้ยเปย แม้ใจคิดอยากจะวิ่งหนีก็ไม่สามารถวิ่งไปได้
ฉันจ้องมองเขาที่กำลังค่อยๆก้าวเข้ามา ฉันพยายามสงบสติอารมณ์ “คุณชายลู่”
“ซูยุ่น ช่วยอธิบายเรื่องราวของเด็กในอ้อมกอดของคุณหน่อย”
ลู่จือสิงมองลงมาที่ฉัน ดวงตาของเขาราวกับจะกลืนกินฉัน
ฉันบังคับตัวเองให้มองไปที่เขาและบอกกล่าวอย่างใจเย็น “อธิบายอะไร? นี่คือลูกของพี่สาวของฉีซิ่วหราน พี่สาวเขาไม่ว่าง ฉันก็เลยรับอาสาช่วยพาไปหาหมอ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ใครจะไปรู้ว่าลู่จือสิงจะยิ้มอย่างเย็นชา เขายกมือขึ้นและกระชากกระเป๋าที่ฉันถืออยู่ออกไป
ฉันรู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร ฉันตื่นตระหนกแต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว เขาหยิบหนังสือการฉีดวัคซีนของเป้ยเปยออกมา
“ซูจื่ออัน? ผมไม่ยักจะรู้เลยว่าพี่สาวของฉีซิ่วหรานจะนามสกุลซู!”
ลู่จือสิงถือสมุดบันทึกและเผชิญหน้ากับฉัน ฉันอยากจะคว้ามันกลับมา แต่ในมือของฉันกำลังอุ้มเป้ยเปย จึงทำได้แค่เพียงจ้องมองสมุดวัคซีนที่อยู่ในมือของเขา
ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรลุกลี้ลุกลนหรือควรพูดจาอะไรโดยไม่คิดได้ ฉันทำได้แค่กัดฟันและถามเขา “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ ลู่จือสิง?”
“ไม่เกี่ยวเหรอ? ซูยุ่น คุณบอกกับผมว่าไม่เกี่ยว แต่นั่นคือลูกของผม!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฉันก็หัวเราะออกมาในทันที “ลู่จือสิงคุณ คุณเอาอะไรมามั่นใจว่านี่คือลูกของคุณ?”
เห็นได้ชัดว่าลู่จือสิงไม่ได้คาดหวังให้ฉันถามคำถามนี้ ใบหน้าของเขาตกตะลึงและฉันก็กล่าวอีกว่า “ไม่ใช่ว่าคุณคิดอยู่เสมอเหรอว่าฉันนั้นมีความสัมพันธ์กับซวี่ชิงหนาน? คุณรู้ได้อย่างไรว่านี่คือลูกของคุณ ไม่ใช่ลูกของซวี่ชิงหนาน?!”
ทันทีที่ฉันพูดจบ ใบหน้าของลู่จือสิงก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายในทันที
ฉันจ้องมองเขาอย่างไม่หลบสายตา
หลังจากที่เขาจนมุม ลู่จือสิงกัดฟันและข่มขู่ฉัน “ซูยุ่น ถ้าหากว่านี่ไม่ใช่ลูกของผม ผมจะฆ่าคุณ!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ยัดสมุดบันทึกเล่มเล็กนั่นลงในกระเป๋าจากนั้นเขาก็โยนมันใส่มือของฉัน เขาได้หมุนตัวและตรงไปยังรถของเขาและขับออกไปในทันที
ฉันยังคงยืนอยู่เช่นนั้น รู้สึกร่างกายแข็งและหนาวสั่นจนไม่สามารถขยับได้
อ้อมแขนของฉันกำลังโอบอุ้มเป้ยเปย ฉันไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิดจึงทำได้เพียงแค่กลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ร่างกายของฉันยังคงแข็งทื่อและรู้สึกหนาวไปทั่วร่างกาย
ทำอย่างไร ควรทำอย่างไรดี?
ลู่จือสิงรู้แล้ว เขารู้แล้ว!
ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เป้ยเปยก็ยังเด็กมาก แม้ว่าฉันจะพาเขาหนีไป ฉันเองก็คงจะหนีไปไหนได้ไม่ไกล!
ในตอนที่ฉันหย่ากับลู่จือสิง ลู่จือสิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันท้อง ฉันเป็นฝ่ายผิดในเรื่องนี้และด้วยความสามารถของลู่จือสิง ฉันไม่อาจปกปิดเขาได้เลย
เมื่อฉันคิดได้เช่นนี้ ฉันก็รู้สึกว่าความคิดของฉันนั้นว่างเปล่าไปหมด
ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จะนั่งรอก็ไม่ได้ จะหนีไปก็ไม่ได้
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของฉันก็ดังขึ้น ฉันตกใจไปชั่วขณะและสีหน้าของฉันก็ซีดขาว
เมื่อเห็นว่าเป็นสายโทรศัพท์จากฉีซิ่วหราน ฉันก็โล่งใจเล็กน้อย
เมื่อครู่ลู่จือสิงจากไปเช่นนั้น ฉันไม่รู้เลยว่าเขาคิดจงใจหรือว่าจะหาเรื่องอะไรอีก
เมื่อได้ยินเสียงของซวี่ชิงหนาน ฉันก็ค่อยๆสงบลง “ฉันเอง”
“กลับบ้านหรือยัง?”
ซิ่วหรานเขาจำวันที่เป้ยเปยต้องฉีดวัคซีนได้ เดิมทีเขาบอกว่าเขาจะให้คนไปเป็นเพื่อนฉัน ฉันเองไม่อยากจะรบกวนคนอื่นดังนั้นฉันจึงปฎิเสธเขาไป
“ฉันกลับมานานแล้ว”
เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่พบเจอกับลู่จือสิงเมื่อครู่นี้ ภายในใจฉันก็ตื่นตระหนกอย่างอดไม่ได้ แต่ฉันนั้นรบกวนฉีซิ่วหรานมามากพอแล้ว ฉันไม่สามรถเอาเปรียบเขาได้เพียงเพราะว่าเขาชอบฉัน
หลังจากที่ฉันคิดดีแล้ว ฉันก็อดกลั้นเอาไว้และไม่ได้กล่าวอะไรไป “ฉันไม่เป็นอะไร จะไปทำอาหารแล้ว ไม่คุยแล้ว”
แต่ฉีซิ่วหรานกลับไม่ได้วางสาย “คุณไม่ได้ไปเจอเรื่องอะไรมาใช่ไหม?”
ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาฟังออกได้อย่างไรว่าฉันไม่ปกติ ขณะที่ผู้คนกำลังสับสนลังเลพวกเขามักหวังว่าจะมีใครสักคนช่วยตัวเองได้
ตามหลักเหตุผลแล้วฉันคิดว่าฉันไม่ควรดึงฉีซิ่วหรานเข้ามาในเรื่องนี้ แต่ในทางอารมณ์ ฉันไม่มีทางปฏิเสธโอกาสที่จะพูดคุยและขอความช่วยเหลือ
และในช่วง2ปีที่ผ่านมานั้น มีเรื่องราวมากมายที่ฉีซิ่วหรานได้ช่วยเหลือฉันเอาไว้
“ซูยุ่น เราคือเพื่อนกัน”
ประโยคนี้ของเขาทำลายกำแพงฉันได้ในทันที “ฉีซิ่วหราน ลู่จือสิงรู้เรื่องของเป้ยเปยแล้ว ฉันต้องทำอย่างไร? ฉันกลัวมาก ฉันไม่อยากเสียเป้ยเปย…”
“คุณอย่ากังวล เขาไม่สามารถเอาลูกไปได้ เขาคิดจะทำอะไรคุณเองก็ยังไม่รู้ คุณอย่าเพิ่งตื่นตูมไป”
คำพูดของฉีซิ่วหรานเตือนสติฉัน
อันที่จริงเราหย่าร้างกันมาสองปีแล้ว ลู่จือสิงเองก็มีคู่หมั้นแล้ว ฉันก็ใช้ชีวิตของฉัน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป้ยเปยคือลูกของเขา แล้วเขาจะทำอะไรได้?
เขากำลังจะแต่งงานใหม่ เขาคิดอยากจะเอาไปก็เอาไปได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือไง
ฉันนี่จริงๆเลย ตื่นตูมไปก่อน!
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว ฉันก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น “ฉันเข้าใจแล้ว เมื่อครู่ฉันนั้นใจร้อนเกินไป คุณไม่ต้องห่วงฉัน ฉันจะไม่ให้ลู่จือสิงเอาเป้ยเปยไปอย่างแน่นอน”
“ผมก็จะไม่ให้เขาเอาเป้ยเปยไปเช่นกัน”
คำพูดของฉีซิ่วหรานทำให้ฉันซึ้งใจและทำให้ฉันรู้สึกละอายใจ
เขานั้นแสนดีกับฉันถึงเพียงนี้ แต่ฉันกลับไม่รู้จะตอบแทนเขาอย่างไร
เมื่อวางสาย ฉันก็ได้ไปดูเป้ยเปยที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วมาก เป้ยเปยนั้นอายุ9เดือนแล้ว อีกไม่นาน เขาก็คงจะเดินได้แล้วก็เรียกแม่ได้
เฝ้ามองเป้ยเปยค่อยๆเติบโต ฉันรู้สึกว่าความทุกข์ทรมานในสองปีที่ผ่านมานั้นไม่มีผลอะไรกับฉันเลย
ฉันใช้ชีวิตอยู่รอดมาอย่างลำบากมาถึงสองปี ฉันเชื่อว่าชีวิตหลังจากนี้ของฉันก็จะอยู่รอดต่อไป!
หลังจากที่ฉันสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ฉันก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องราวของลู่จือสิงอีกต่อไป
ฉันต้องมีมาตรการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ลู่จือสิงยังไม่ได้ลงมือทำอะไร ดังนั้นฉันก็ต้องใจเย็น
ในวันพฤหัสบดีฉีซิ่วหรานได้กลับมาจากต่างจังหวัด และนัดทานข้าวเที่ยงที่บ้านของฉัน
เขากลับมาถึงบ้านในช่วงเช้าของคืนที่ผ่านมา เขาส่งข้อความมาหาฉันและมันไม่ได้เตือนฉัน ในช่วงเช้าฉันจึงเพิ่งรู้ว่าเขานั้นเพิ่งกลับมาเมื่อคืน
เช้าในวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นเช้ามาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้กับเป้ยเปยและทำอาหารเช้า ฉีซิ่วหรานนั้นมาเคาะประตูบ้านฉันก่อน 8 โมงเสียอีก
ฉันกำลังทำอาหารเช้า เมื่อเห็นเขา ฉันก็อดยิ้มไม่ได้ “มาได้เวลาพอดีเลย อาหารเช้าเพิ่งเสร็จพอดี”
“ขอบคุณ”
ในตู้เย็นไม่มีอาหารอะไรแล้ว เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันก็คิดว่าจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉีซิ่วหรานจึงกล่าวว่าให้พาเป้ยเปยไปกับฉัน
วันนี้อากาศดีไม่น้อย มีแสงแดดอบอุ่น ฉันเหลือบมองเป้ยเปย เมื่อคิดแล้วก็รู้สึกว่าควรพาเขาออกไปเดินเล่นเสียหน่อย
ฉันซื้อของมาหลายอย่าง ฉีซิ่วหรานกลับไม่ให้ฉันถือของเลย เขาขอให้ฉันเข็นเป้ยเปย ฉันรู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็ดื้อรั้น ฉันจึงไม่สามารถทำอะไรได้
“งานโครงการในครั้งนี้ ผลลัพธ์ดีใช่หรือเปล่า?”
ฉีซิ่วหรานพยักหน้า “ใช่ โครงการเริ่มดำเนินการแล้ว”
“งั้นแสดงว่าหลังจากนี้คุณก็คงจะยุ่งมาก ถ้าอย่างนั้นคุณก็—”
“ประตูเปิด คุณระวัง”
ก่อนที่ฉันจะพูดจบ เขาก็ได้ขัดคำพูดของฉัน และเข็นเป้ยเปยออกจากลิฟต์ ฉันเองก็ไม่กล้าประมาทจึงทำได้แค่เงียบไว้
ทันทีที่ฉันออกจากลิฟต์ ฉันเงยหน้ามองและเห็นลู่จือสิงกำลังยืนพิงประตูบ้านของฉัน
ร่างกายของฉันแข็งทื่อ ฉีซิ่วหรานที่อยู่ข้างหลังฉันนั้นเหลือบมองฉัน “ไม่ต้องกลัว”
MANGA DISCUSSION