คิว อีไป๋ จะเดินทางไปทำธุรกิจอีกครั้งในอีกสองสามวัน ลือกันว่าเธอจะไปเจรจาความร่วมมือกับบริษัทจากเกาหลี และไปนานพอสมควร
ครั้งนี้เธอพา ผู้จัดการ หลู๋ กับ ผู้ช่วยฯ ฮั๋น ไปด้วย
เมื่อพวกเขาจากไป แสงสว่างก็ส่องลงมา กระทบบรรยากาศในออฟฟิศที่เริ่มจะด้านชามานาน
ฉาง เจ๋ เป็นคนแรกที่แสดงตัวอย่างออกมา
“พอเธออายุมากขึ้น หลังของเธอก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว เธอต้องหาเวลาบ้าง”
ระหว่างที่พูด เธอก็โบกมือเป็นสัญญาณว่าให้ เซิน หนิงซิน ทำตัวตามสบาย เธอหลับตาลงแล้วทิ้งตัวพิงเก้าอี้ของเธอแล้วงีบหลับไป
มันเร็วมากจน เซิน หนิงซิน ยังไม่ทันจะตรวจสอบเอกสารจากลูกค้าเสร็จเลย
ผู้เชี่ยวชาญ!
“….”
เซิน หนิงซิน อดยิ้มไม่ได้ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ออฟฟิศตอนนี้มีคนที่เป็นเหมือน ฉาง เจ๋ ไม่กี่คน ส่วนคนอื่นๆ กำลังแทะเมล็ดแตงโมที่ หวัง ฉี เอามาเมื่อเช้านี้
บรรยากาศนั้นแสนจะสงบสุข
สงบสุขซะจน เซิน หนิงซินรู้สึกเหมือนเธอไม่ได้พักผ่อนอยู่คนเดียว เธอรู้ผิดกับบรรยากาศตอนนี้มาก
มันมีเอกสารของลูกค้าสองเจ้าที่ยังทำไม่เสร็จ หลังจากตรวจสอบแต่ละอันแล้วเธอก็ไม่มีงานเหลือแล้ว เธอจัดท่านั่งให้สบายตัวเอนหลังพิงเก้าอี้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
เธออยากจะดูว่าเพื่อนๆของเธอคุยอะไรกันในกลุ่มบ้าง มีข่าวอะไรใหม่ๆไหมและ….ยัยเด็กขี้แยคนนั้น ประธาน คิว ได้อัพเดตเวย์ปั๋วบ้างไหม
ถึงแม้ว่า เซิน หนิงซิน จะยังตกใจกับความจริงที่เธอได้พบ แต่เธอก็พบว่าเธอยอมรับความขัดแย้งนี้ได้ง่ายกว่าที่เธอคิด
ตั้งแต่เธอเข้ามาที่แผนกขายต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอได้ยินข่าวลือเดียวกับ คิว อีไป๋ มากมาย เธอทำงานของเธอได้ยอดเยี่ยมมาก หน้าตาดี มีการศึกษาที่ดี และมีข่าวลื่อว่าเธอเติบโตมาในตระกูลที่ร่ำรวย
พอนำคุณสมบัติที่สุดยอดเหล่านี้มารวมกันแล้ว พวกเขาวางเธอไว้บนหิ้ง สร้างเป็นภาพลักษณ์ที่แสนจะทรงพลังของประธาน คิว ในหัวของทุกคน
แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะลืมไปแล้วว่า คิว อีไป๋ ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง หลังจากที่ปลอกเปลือกนอกนั้นออกไปข้างในนั้นก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
มีนิสัยขี้แยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เซิน หนิงซิน กระแอมเบาๆ รู้สึกตัวว่าวันนี้เธอคิดมากเกินไป
เธอกดออกมาจากเวย์ปั๋วของ คิว อีไป๋ อย่างลนลาน เซิน หนิงซิน ตัดสินใจที่จะหาอะไรทำเพื่อให้ใจเย็นลง
หลังจากนั้นเธอก็ทำแค่สิ่งนั้นไปทั้งวัน….
สองสามวันผ่านไปในแบบเดียวกัน
จนกระทั้งวันที่สี่ที่เธอไม่สามารถนั่งว่างได้อีกแล้ว
เวลาแผนกขายต่างประเทศติดต่อกับลูกค้า โดยปกติแล้วจะเป็นทางอีเมลล์ ประโยคยากๆจะสามารถแปลได้ง่ายๆด้วยโปรแกรมแปลภาษาทำให้ประหยัดเวลาไปได้มาก
แต่บางครั้งลูกค้าต่างประเทศบางที่จะติดต่อทีมขายด้วยการโทร และนี้จะเป็นงานที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษในระดับสูง
ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษตอนเรียนของ เซิน หนิงซิน จะดีมากมาตลอด เธอก็ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขเวลาติดต่อสื่อสารกับคนอื่น เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝึกฝนเพื่ออุดช่องว่างนี้
หลังจากเปิดผ่านหนังสือที่เธอเอามาจนจบแล้ว เซิน หนิงซิน รูัสึกว่ามันไม่ค่อยช่วยเท่าไหรเธอเลยหันไปให้ความสนใจกับคอมพิวเตอร์ของเธอแทน
เธอจำได้ว่ามันมีโฟเดอร์อยู่โฟเดอร์หนึ่งที่มีวิดีโอตอน คิว อีไป๋ กล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท ที่เธอพูดภาษาอังกฤษตลอดทั้งวิดีโอ
แล้วเธอก็เจอมันในเวลาไม่นาน
เซิน หนิงซิน หยิบหูฟังขึ้นมาสวมและกดเล่นวิดีโอ ท่าทางของเธอที่ตั้งใจฟังเหมือนกับนักเรียนมปลายที่กำลังตั้งใจเรียน
วิดีโอถูกอัดไว้เมื่อปีที่แล้ว เมื่อกดเสียงคนพูดคุยก็ดังเข้ามาในหูเธอ เสียงคนพูดคุยดังอยู่ประมาณหนึ่งนาทีก่อนที่ คิว อีไป๋ จะเดินขึ้นมาบนเวที และความเงียบสงบก็กลับมา
เธอสวมชุดเดรสสีดำในคืนนั้น
กระโปรงนั้นยาวมากและออกแบบได้หรูหราและประณีต มันดูเป็นประกายด้วยแสงไฟจากด้านบน เปร่งประกายสวยงาม
ผมยาวสวยของเธอถูกปลอยให้หล่นลงมาเหมือนกับสายน้ำ ดวงตาทรงสวย คิ้ว และไหล่ที่ขาวเนียนนั้น ความสวยงามของเธอดึงดูดหัวใจของคนดูทุกคนเข้าไป
มองแค่ครั้งเดียว ลมหายใจและหัวใจของ เซิน หนิงซิน ก็หยุดไป
สมแล้วที่เป็น คิว อีไป๋
เซิน หนิงซิน เพิ่มเสียงขึ้นด้วยหูที่แดงขึ้นมา เธอฟังคำพูดของ คิว อีไป๋ แล้วจดคำศัพท์ที่ต้องใช้งานเอาไว้
ขณะที่เธอกำลังเรียนรู้อยู่นั้นออฟฟิศก็เริ่มส่งเสียงดัง
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่ได้สนใจมัน เธอเลื่อนวิดีโอกลับไปฟังประโยคที่ คิว อีไป๋ พูดซ้ำๆ แต่เธอก็ยังฟังไม่เข้าใจอยู่ดี
ชิ
เธอค่อนข้างจะหงุดหงิด ตอนที่เธอกำลังจะเลื่อนมันกลับไปอีกครั้งนั้นเอง ใครบางคนก็ยืนมือมาถอดหูฟังของเธอออก
ปลายนิ้วมือนั้นโดนใบหูของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ มันเย็นและเสียวซ่า
เซิน หนิงซิน ชะงักไปแล้วเผลอเงยหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเธอก็เห็น คิว อีไป๋ ผู้ที่เดินทางไปทำธุรกิจมาหลายวันยืนอยู่ข้างเธอและนำหูฟังไปสวมเอง
หลังจากฟังอยู่ซักพัก เธอพูดประโยคภาษาอังกฤษออกมาอยากชัดเจน
“Our glass beads will eventually spread to the world.”
‘Our glass beads will eventually spread to the world.’
มันชัดเจนกว่าในคลิปวิดีโอ เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหูของเธอเหมือนระบบเสียงสเตอริโอ
เซิน หนิงซิน หน้าแดงทันที
“ประธาน คิว!” เธอตกใจและรีบปิดวิดีโอทันที่ “คุณกลับมาแล้วหรอคะ?”
“ฉันต้องแจ้งเธอก่อนที่ฉันจะกลับมาหรอ?” คิว อีไป๋ ตอบแล้วกวาดตามองเธอ ถอดหูฟังแล้วส่งมันคืนให้เธอ
“ตั้งใจเรียนหละ” เธอพูด โดยไม่รอให้ เซิน หนิงซิน ตอบอะไรเธอหันหลังและเดินจากไปพร้อมกับเอกสารในมือ เส้นผมของเธอยังคงสวยเหมือนเดิม
“ยังมีอะไรที่เธอต้องเรียนรู้อีกเยอะ”
ความภาคภูมิแอบแทรกอยู่ในน้ำเสียงของเธอจนยากจะสังเกตุ
—
ก่อนจะถึงเวลาเลิกงาน หวัง ฉี ได้เข้าไปที่ออฟฟิศของผู้จัดการ หลู๋ เพื่อเอาเอกสาร และเมื่อเธอกลับมาเธอก็นำข่าวดีมาด้วย
“ถาพวกเธอไม่มีแผนอะไรตอนเย็น อย่าพึ่งรีบกลับนะ” เธอบอก “ผู้จัดการ หลู๋ บอกว่าเรื่องที่จัดการไปครั้งนี้ทำให้ประธาน คิว มีความสุขมากและเชิญชวนทุกคนไปกินเลี้ยงกัน”
เมื่อเธอพูดจบออฟฟิศก็เสียงดังขึ้นมา
“….”
ไม่นานเวลาเลิกงานก็มาถึง
คนในออฟฟิศหลายคนขับรถมา และทุกที่นั่งก็มีคนจองแล้ว มันมากพอที่จะรองรับทุกคน
เซิน หนิงซิน พึ่งจะเข้ามาทำงานไม่นาน ถึงแม้ว่าเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานทุกคน แต่ก็ยังไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษ เพื่อนร่วมงานของเธอแยกย้ายกันเป็นกลุ่มๆเหลือแค่เธอที่ถูกทิ้งเอาไว้
ขณะที่เธอกำลังรวบรวมพลังให้หน้าของตัวเธอเองหนาพอที่จะขอติดรถใครไปด้วยนั้นเอง มาเซราติสีดำที่ดูหรูหราก็ขับมาจอดด้านหลังเธอ
หลังจากนั้นหน้าต่างของรถก็เลื่อนลงช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าของ คิว อีไป๋
เซิน หนิงซิน สบตากับเธออยู่แว๊บหนึ่งก็ที่จะพูดขึ้นอย่างสุภาพ “ประธาน คิว…”
“อืม” คิว อีไป๋ พยักหน้าไม่ได้พูดหรือขยับตัวแต่จ้องมองเธอนิ่งๆเหมือนก่อนหน้านี้
บรรยายกาศนั้นเงียบเชียบอยู่พักหนึ่ง
มนุษย์คนไหนก็บอกได้ว่าเธอโดนทิ้งไว้ และ คิว อีไป๋ คงมีเป้าหมายอะไรบางอย่างถึงได้จงใจนั่งจ้องเธอจากในรถแบบนั้น
คงไม่ใช่ว่าเธออยากจะให้เธอเปิดปากขอติดรถไปด้วยหรอนะ?
ไม่มีทาง ประธาน คิว คุณจำเป็นต้องทำตัวหยิ่งยโสขนาดนี้เลยหรอ!
เซิน หนิงซิน เงียบและหลังจากลังเลอยู่ซักพัก เธอก็เปิดปากของเธออย่างระมัดระวัง ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เธอก็เห็น เป๋ย ฉิง วิ่งมาทางเธอ
“เซิน หนิงซิน ยืนบื่ออะไรอยู่?” เธอรีบเดินเข้ามา กล่าวสวัสดี คิว อีไป๋ แล้วคว้าแขน เซิน หนิงซิน แล้วดึงเธอเอาไว้ “รีบไปขึ้นรถเร็ว”
ก่อนจะได้พูดอะไร เธอก็ถูกลากตัวออกไป
ทิ้ง คิว อีไป๋ ที่นั่งอยู่บนมาเซราติไว้คนเดียว
ผ่านไปซักพัก คิว อีไป๋ ก็พ้นเสียง “หืม” เย็นๆออกมาก่อนจะสตาร์ทเครื่องรถอย่างรุนแรง
—
หลังจากดื่มแอลกอฮอไปไม่กี่แก้ว บรรยากาศก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ประธาน คิว นั้นร่ำรวยและใจกว้าง และไม่เคยขี้เหนียวเวลาเลี้ยงอาหารคนอื่น ทุกๆงานเลี้ยงเธอจะเลือกร้านอาหารระดับไฮเอนด์ที่มีการตกแต่งที่ดีและใช้วัตถุิบชั้นยอด
ทุกคนกินกันอย่างมีความสุข คนแล้วคนเล่า ยกแก้วขึ้นมาชนแก้วกับประธาน คิว แก้วแล้วแก้วเล่า
หลังจากผ่านไปหลายรอบ มันก็เริ่มชัดเจนแล้วว่าประธาน คิว เริ่มจะเมาแล้ว
“หยุดชนแก้วได้แล้ว…” เซิน หนิงซิน เริ่มจะกังวล กลัวว่า คิด อีไป๋ จะไม่สบายเพราะดื่มมากเกินไป เธอเลยพยายามกันเธอไว้
“ฉันคิดว่าเธอเริ่มจะเมาแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก” เพื่อนร่วมงานใกล้ๆมองเธอ “พวกเรากำลังสนุกกัน”
“อีกอย่างเธอพึ่งจะมาเธอเลยไม่รู้” เธอบอก เข้ามาใกล้ๆ เซิน หนิงซิน แล้วกระซิบข้างหูเธอ “เวลาประธาน คิว เมาจะไม่เหมือนตอนปกติ”
“เธอที่ปกติจะดุมากกลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลยเวลาเมา เธอจะนั่งอยู่เฉยๆไม่ขยับไปไหนหรือคุยกับใครทำแค่นั่งกินผักอย่างเชื่อฟัง”
“จะว่ายังไงดี” เธอเงียบไปชักพักก่อจจะพูดออกมา
“เธอค้อนข้างจะ….น่ารัก?”
“แค๊ก!” เซิน หนิงซิน สำลักเครื่องดื่มเมื่อได้ยินมัน น้ำตาของเธอเริ่มจะไหล่ออกมา
“เป็นอะไรไหม?” เพื่อนรวมงานผงะแล้วตบหลังเธอเพื่อช่วยให้เธอหายใจได้ง่ายขึ้น
“ฉันโอเค” เซิน หนิงซิน สายหน้า ก่อนจะกลับมาหายใจได้ตามปกติ เธอรีบถาม “เธอทำอะไรอีกไหมเวลาเมา?”
เพราะเจ้าช่วย เธอไม่ได้ร้องไห้ออกมาหรอก ใช่ไหม?
“ไม่มีอะไรอีกแล้วนะ” เพื่อนร่วมงานสายหน้าก่อนจะพูดต่อ “เซี่ยว เซิน เธอนี้มันแย่มากเลยนะเธออยากเห็นประธาน คิว ทำตัวน่าอายหรอ?”
แน่นอน ว่า ไม่!
เซิน หนิงซิน ไม่ได้ตอบแล้วจิ๊บเครื่องดื่มของเธอเพื่อซ้อนความเขินอาย
‘ฉันกำลังกลัวเธอจะทำเรื่องน่าอายต่างหากหละ…’
เธอคิดแบบนั้น หวัง ฉี ก็เดินผ่านเพื่อนร่วมงานหญิงคนนั้นมาแล้วเคาะหัวเธอ “บรรยากาศกำลังดีเดินไปชนแก้วกับประธาน คิว เลยนะ”
ช่างมันละกัน
ดวงตาของ เซิน หนิงซิน แสดงออกมาว่าไม่อยากทำเพราะกลัวว่า คิว อีไป๋ จะเมาไปมากกว่านี้แล้วเธอจะเริ่มร้องไห้ออกต่อหน้าทุกคน
“ไม่ต้องเขินหรอก” เห็นเธอลังเล หวัง ฉี ก็หัวเราะ “อย่ากังวลไปเลย ประธาน คิว ตอนนี้นะคุยง่ายจะตาย เธอไม่รุ่นแรงกับเธอหรอก ไป ไป”
หลังจากที่พูดจบ คิว อีไป๋ ที่ตอนแรกนั่งกินอาหารของเธอเงียบๆก็วางตะเกียบลง
แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองมาทาง เซิน หนิงซิน ยกนิ้วชี้ของเธอขึ้นมาเคาะโต๊ะสองสามครั้ง
ตอนนี้ เซิน หนิงซิน รู้สึกว่าปากของ หวัง ฉี กำลังจะหล่นลงไปที่พื้น
หัวใจของเเธอเต้นรัว แล้วในที่สุดที่ก็รวบรวมความกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไปจ้องตากับ คิว อีไป๋
“เซิน หนิงซิน” คิว อีไป๋ พูดในขณะที่กำลังเมา ดวงตาของเธอส่องประกาย น้ำเสียงของเธอนิ่มนวลกว่าปกติ แต่เธอก็ยังพยายามที่จะรักษาภาพลักษณ์จริงจังของเธอเอาไว้
เสือกระดาษ
คำพูดที่ไม่เกรงใจอีกฝ่ายลอยขึ้นมาในหัวของ เซิน หนิงซิน
“เอาแก้วของเธอมานี้” คิว อีไป๋ ไม่สนใจว่าเธอคิดอะไรอยู่และไม่ว่าเธอจะว่าอยากหรือไม่อยากเธอก็ย่นคิ้วของเธอไปแล้ว
มันมีความไม่พอใจในเสียงนั้น “ทำไมเธอต้องหลบด้วย”
“แค่ชนแก้วกับเจ้านายเธอ มันจะทำให้เธอตายหรอไง?”
แก้มของเธอกำลังแดง เธอเน้นคำที่ท้ายประโยค เหมือนพยายามทำให้เธอรู้สึกผิด
ทำให้ตายได้เลยหละ
—
เริ่มเห็นมุมน่ารักๆของประธานกันแล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ ส่วนผมนั้นอมยิ้มตลอดเวลาที่อ่านเลยครับ
-A Cup of Owls
MANGA DISCUSSION