หัวหน้าของฉันเป็นเด็กขี้แย - ตอนที่ 30 นี้เป็นการชดเชยให้เธอ
บางที่คงจะเพราะคำชมของ คิว อีไป๋ เซิน หนิงซิน เลยฝันดีเป็นครั้งแรก
เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็มีความสุขทั้งกายและใจ
เพื่อไม่ได้ไปสายเธอตั้งใจตั้งเวลาปลุกลวงหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน และมันก็ยังมีเวลาอีกเกือบสองชั่วโฒงก่อนจะถึงเวลานัด
คิดว่าวันนี้เธอจะได้มีโอกาศได้เจอกับลูกค้าวันนี้ เซิน หนิงซิน ตื่นเต้นเกินกว่าจะจะกลับไปนอน เธอเลยรีบลุกขึ้นแล้วหาชุดสุภาพเพื่อสวมแล้วที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วแต่งหน้าเบาๆ
มันยังมีเวลาเหลืออีกเยอะหลังจากเธอทำทุกอย่างเสร็จ
เธอหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเปิดแอปบันทึกเสียงของโทรศัพท์ของเธอและหาบันทึกเสียงจากตอนที่เธอคุยกับ คิว อีไป๋ เมื่อคืน
เธอจงใจบันทึกอันที่สำคัญเอาไว้
คิว อีไป๋ สอนเธอเยอะมาก และ เซิน หนิงซิน กลัวว่าเธอจะไม่เข้าใจมันทั้งหมด เธอเลยบันทึกบทสนทนาเอาไว้เพื่อเก็บไว้
แบบนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธออยากจะทบทวน เธอก็เปิดมันได้ทันที
เธอยิ้มแล้วเปิดบันทึกเสียงซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้บ เพื่อให้มันใจว่าความรู้เหล่านั้นฝั่งลึกลงไปในหัวของเธอ หลังจากนั้นเธอก็กินอาหารเช้าง่ายๆก่อนจะออกมาและลงไปด้านล่าง
เพราะว่าพวกเธออยู่ใกล้กัน พวกเธอทั้งคู่เลยตกลงกันว่าจะมาเจอกันที่ทางเช้าเขตที่อยู่อาศัย แต่เมื่อ เซิน หนิงซิน ลงมา เธอก็ไม่เห็นใครมาตามเวลานัด
บางที คิว อีไป๋ อาจจะมีอะไรต้องทำขึ้นมา
เธอไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว และเลื่อนผ่านโทรศัพท์ของเธอตอนที่เธอรอ
เกือบจะเป็นนิสัยไปแล้ว เธอเปิดเวย์ปั๋วลับของ คิว อีไป๋ ขึ้นมา
เซิน หนิงซิน พบว่าเธอได้อัพเดตโพสต์บนสุดแล้ว
มันเป็นรุปภาพและข้อความที่คุ้นเคย เธอถ่ายรูปเช็ตของอาจิที่รวมถึงตัวที่ เซิน หนิงซิน ให้เธอก่อนหน้านี้ ตุ๊กตาดินเหนียวตัวน้อย และ ตุ๊กตานุ่มนิ่มที่ดูน่าจับ
คิว อีไป๋ ชอบพวกมันมาก ขนาดที่ เซิน หนิงซิน พบว่าเธอซื้อชึดสำหรับเปลี่ยนของพวกอาจิ พวกมันมีทุกเฉดสี ไม่ว่าจะ แดง ฟ้า หรือ ชมพู
ตัวที่อยู่หน้าสุดเป็นใส่ชุดสีเครสเหลืองอ่อน
เซิน หนิงซิน ค้อนข้างแปลกใจที่ได้เห็นมัน คิดว่าสีนั้นและรูปแบบของชุดเดรสนั้นคล้ายกับเธอเมื่อคืนเลย เธอรีบเลื่อนลงไปอ่านข้อความที่ คิว อีไป๋ พิมพ์ไว้
“ชุดเดรสสีเหลืองอ่อนนั้นสวยมาก ฉันคิดว่า เซิน หนิงซิน ดูดีมากเมื่อได้ส่วมมัน ฉันเลยลองใส่มันกับอาจิดู”
เซิน หนิงซิน “….”
เธอเกือบจะตายด้วยความโกรธเพราะ คิว อีไป๋
เอาเธอไปเปรียบเทียบกับหมาอีกแล้ว!
เซิน หนิงซิน ค้อนข้างจะหมดคำพูดกับคนคนนี้ ตอนที่กำลังพูดอะไรไม่ออกอยู่นั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเธอก็เห็น คิว อีไป๋ มาถึงพร้อมกับมาเซราติของเธอ
มาพอดีเลยนะ
เห็นแบบนั้น เซิน หนิงซิน ก็รีบเขย่งเท้ามองประตูรถ และเธอก็ไม่เห็นร่องรอยของเจ้าเต๋านั้นเลย
ไม่น่าละเธอถึงอารมณ์จังเมื่อวาน
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจและรีบเดินเข้าไปสองสามก้าวเพื่อพูดอรุณสวัสดิ์กับ คิว อีไป๋ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปด้านใจ
“พวกเราจะไปรับเจ้ฉางที่ไหนกันหรอคะ?” เธอถาม
“เจ้ฉางไปที่โรงงานล่วงหน้าแล้ว” คิว อีไป๋ เหล่มามองเธอ “ไม่จำเป็นต้องไปรับเธอ เราสามารถตรงไปที่นั้นกันเลย”
“โอเคค่ะ” เซิน หนิงซิน ตอบกลับด้วยการพยักหน้า ก่อนจะจัดกระโปร่งของเธอ
ตอนที่เธอคิดว่าจะพูดอะไรดีนั้นเอง เธอก็ได้ยิน คิว อีไป๋ พุดอีกครั้ง “แต่ก่อนเราจะไปที่โณง เราต้องไปรับอีกคนก่อน”
เซิน หนิงซิน ตามคำพูดของเธอแล้วถามออกไป “ใครหรอคะ?”
คิว อีไป๋ เลิกคิว “ล่ามนะ”
ล่าม?
เซิน หนิงซิน ผงะไปเมื่อได้ยินแบบนั้น
ทำไมต้องมีล่ามด้วยหละ?
ถ้างั้น… มันก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยภาษาอังกฤษกับลูกค้าในวันนี้นะสิ?
คงเพราะเห็น เซิน หนิงซิน งุนงง คิว อีไป๋ เลยพูดต่อ “ลูกค้าของเราวันนี้เป็นคนเกาหลี และพวกเขาก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้น เพื่อไม่ได้เกิดความผิดพลาดตอนที่พวกเราหารือกัน มันมีความจำเป็นจะต้องให้ล่ามช่วย”
“อย่างแรกเลยเพื่อเป็นการแสดงความใสใจต่อลูกค้า และสอง เพื่อประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงปัญหา”
เพราะแบบนั้นเองสินะ
เซิน หนิงซิน ตอบด้วยการพยักหน้า อยู่ๆก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย
ดูเหมือนว่าที่เธอฝึกซ้อมเมื่อคืนจะไม่ได้นำมาใช้ซะแล้ว
ตอนที่คิดแบบนั้น คิว อีไป๋ ก็พูดอีกครั้ง “แต่การฝึกเมื่อคืนก็ยังจำเป็น เธอจะได้ใช้มันในการทำงานในอนาคแน่นอน”
เซิน หนิงซิน อึ้งนิดหน่อยเมื่อได้ยินเธอพูด
คนคนนี้สามารถเดาควาคิดเธอได้ทันที
มันฟังดูเหมือนเธอสามารถอ่านใจได้ แต่ทำเธอถึงไม่สามารถบอกได้ว่าเธอคิดอะไรในเวลาปกติหละ
มันเป็นพลังที่มจำนวณจำกัดหรอ?
คิดแบบนั้น เซิน หนิงซิน ก็อยากจะหัวเราะออกมา ดวงตาของเธอโค้งงอเป็นพระจันทร์เสี้ยวโดยไม่รู้ตัว “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
ร้อยยิ้มของเธอนั้นสวยมากจริงๆ
บางทีอาจจะเพราะ เซิน หนิงซิน กำลังอารมณ์ดี แม้แต่น้ำเสียงของเธอก็หวานกว่าปกติ มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
คิว อีไป๋ อดไม่ได้ที่จะเหมอลอยเมื่อได้ยิน หูของเธอเริ่มแดงอย่างห้ามไม่ได้
เธอเหล่ตามอง เซิน หนิงซิน จากข้างๆอยู่ซักพัก ก่อนจะกระแอมเบาๆแล้วพูด “อย่าลืมเลี้ยงข้าวฉันหลังจากนี้ด้วยหละ”
เซิน หนิงซิน งงงวยเมื่อได้ยินเธอ
คนคนนี้ออกตัวขอให้เธอเลี้ยงข้าวเธออีกแล้ว!
เธออดไม่ได้ที่จะถามออกไป “ทำไมหรอคะ?”
“เธอคิดว่าที่สอนเธอตั้งนานเมื่อคืนมันฟรีหรอ?” คิว อีไป๋ พูด “คอสเรียนที่เธอหาได้ทั่วไปก็มีราคาหลายร้อยแล้ว และโปรแกรมมืออาชีพก็ต้องสมัครสมาชิกด้วย”
เซิน หนิงซิน พยักหน้าตอบ เข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องจริง
แล้วเธอก็รู้ตัว หรือว่าเธอเห็นเธอฝึกที่หน้าลิฟต์เมื่อคืนกันนะ?
ไม่น่าละ… เธอถึงโทรมาเมื่อคืนเพื่อสอนเธอ
ดูเหมือนว่าประธานคิวของเราจะใจดีกว่าที่คิด
เมื่อเธอเข้าใจในเรื่องนี้ เซิน หนิงซิน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ และพยักหน้าตอบเบาๆ
ริมฝีปากของเธอยกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดออกมาอย่างจริงใจว่า “ได้ค่ะ ได้ค่ะ”
“ฉันเป็นหนี้ประธานคิวอีกแล้วครั้งนี้”
—
ขับรถขึ้นเหนือมาตลอดทาง พวกเธอก็มาถึงแหล่งชุมชนแห่งหนึ่งเพื่อมารับล่ามก่อนที่ทั้งคณะจะเดินทางไปที่โรงงานด้วยกัน
พวกเธอมาถึงเร็ว ลูกค้าก็เลยยังไม่ได้มากัน
คิว อีไป๋ ขึ้นบรรไดไปเพื่อไปห้องประชุมพร้อมกับเอกสารในมือ ก่อนจะแจกจ่ายเอกสารที่เธอเตรียมมา หลังจากนั้นเธอก็อธิบายกับล่ามเกี่ยวกับจุดมุ้งหมายขอประชุมในครั้งนี้
ในช่วงนั้นเอง เซิน หนิงซิน ตั้งใจฟังเต็มที่
ในฐานะหน้าใหม่ เธอไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มากนัก อย่างรู้หน้าที่เธอรินน้ำให้แต่ละคนหลังจากนั้นเธอก็หาที่นั่งที่ไม่เกะกะใครแล้วนั่งลง ก่อนจะตั้งใจฟังสิ่งที่ คิว อีไป๋ กำลังอธิบาย
หลังจากนั้นไม่นานลูกค้าก็มาถึง
พวกเธอลงไปเพื่อรับพวกเขาขึ้นมา และการประชุมก็เริ่มขึ้นในเวลาไม่นาน
เธอต้องยอมรับว่า คิว อีไป๋ นั้นสุดยอดจริงๆ
สำหรับหน้าใหม่หน้าที่ของ เซิน หนิงซิน มีเพียงแค่นั่งฟังอยู่ข้างๆ มันไม่มีโอกาศให้เธอได้พูดเลย แต่เพราะแบบนั้น เธอสามารถที่จะเฝ้ามองขั้นตอนทั้งหมดของการประชุมได้อยากเต็มที่
มีคนจำนวณ 5 คนมาจากฝั่งลูกค้า แต่ในฝั่งเรานั้นมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่มีอำนาจในการพูด
คิว อีไป๋ และ เจ้ฉาง
แต่ทว่า แม้จะมีจำนวณน้อยกว่า พวกเธอก็ยังมีแต้มต่อมากพอที่จะไม่แพ้อีกฝั่งเลย พวกเขาวิเคราะห์จุดเด่นของเค่อรุ๋ยเมื่อเปรียบกับบริษัทคล้ายๆกัน นำเสนอข้อมูลจริงๆที่แสดงถึงความแตกต่างระหว่างเมล็ดแก้วของเค่อรุ๋ย วิเคราะห์คำถามของพวกเข้าที่ละข้อและตอบด้วยคำตอบและวิธีการแก้ปัญหาและอื่นๆ
มันชัดเจนว่าลูกค้ามาที่เพื่อต่อรองราคา แต่ท้ายที่สุด นอกจากพวกเธอจะไม่ได้ลดราคาแม้แต่น้อยเลย คิว อีไป๋ นั้นได้รับผลประโยชน์มากมายเลยด้วยซ้ำ
แต่มันยังฟังดูเหมือนทั้งสองฝั่งจะได้รับประโยชน์ทั้งคู่
เมื่อพูดถึงการเจรจาทางธุรกิจ มันเป็นการแข่งขันกันว่าใครจะเป็นคนที่พูดเก่งกว่า
หลังจากประชุมกันเสร็จ คิว อีไป๋ ก็เชิญชวนให้ทุกคนอยู่ทานมื้ออาหารด้วยกันที่ย่านธุรกิจใกล้ๆ
มันเป็นร้านอาหารเปิดใหม่ที่มีชื่อเรื่องในเมนูพระกระโดดกำแพง อาหารจานอื่นนั้นไม่สามารถทราบได้จะขึ้นอยู่อารมณ์ของพ่อครัว
นี้เป็นครั้งแรกที่ เซิน หนิงซิน ได้มาที่ร้านอาหารชั้นสูงแบบนี้ แค่นี้เธอก็รู้สึกไม่ดีแล้วและเมื่อคิดถึงราคาอาหาาต่อคนเธอก็ยิ่งรู้สึกแย่
ในอีกด้านหนึ่ง คิว อีไป๋ ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ เธอไม่แม้แต่จะกระพริบตา
“อย่าคิดมากเลย” เจ้ฉางขยับเข้ามาพูดเบาๆ “ขนแกะมาจากหลังของแกะ พวกเราแค่ใช้เงินของลูกค้าเท่านั้น”
(ผู้แปล : อันนี้หมายถึงลูกค้าอาจจะเหมือนได้รับผลประโยชน์แต่จริงๆพวกเขาจ่ายเงินมาแล้ว)
คิดดูดีๆมันก็ใช่
เซิน หนิงซิน อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินไปเปิดประตูให้พวกเขา
—
ลูกค้าบอกว่าพวกเขามีธรรมเนียมไม่ดื่มในช่วงกลางวัน คิว อีไป๋ เลยขอให้พนักงานเสริฟนำน้ำดื่มและเครื่องดื่มออกมาตามความต้องการของพวกเขา
ช่วงนี้เองเธอก็ถามความคิดเห็นของ เซิน หนิงซิน ว่าเธออยากดื่มอะไร
“ฉันขอเป็นแค่น้ำส้มก็พอค่ะ” เซิน หนิงซิน รีบตอบ
คิว อีไป๋ พยักหน้าก่อนจะหันไปถามล่าม
หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็คุยกันอย่างสบายๆและไม่นานเครื่องดื่มก็ถูกนำมาเสริฟ
พนักงานเสริฟนั้นมีสายตาที่และเข้าใจทันที่ว่าพวกเธอกำลังเอาใจลูกค้า เธอเลยว่างเครื่องส่วนใหญ่ไว้ที่ฝั่งลุกค้าก่อนจะส่งน้ำเปล่าที่เหลือมาทาง คิว อีไป๋
มันมีสองขวด อันหนึ่งของ คิว อีไป๋ และอีกอันของล่าม
เครื่องดื่มของ เซิน หนิงซิน ไปอยู่ในฝั่งของลูกค้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
เห็นแบบนั้น เซิน หนิงซิน ก็นิ่งไป เงยหน้ามองขวดน้ำส้ม แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่สามารถออกตัวขอมันมาได้
มันไม่ใช่ว่าเธอจำเป็นต้องดื่มมัน เธอแค่… กินอาหารแล้วกัน
เธอถอนหายใจข้างใน ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาแล้วเริ่มดื่มน้ำซุปตรงหน้าเธอแทน
เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย และเธอก็ไม่ได้สังเกตุว่า คิว อีไป๋ ดูเหมือนจะเหล่มามองเธออยู่
—
บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี
คิว อีไป๋ และ เจ้ฉาง เป็นคนประเภทที่รู้จักพูด พวกเธอดูแลลูกค้าได้เป็นอย่างดีในช่วงมื้ออาหาร พวกเขาลืมแม้แต่ธรรมเนียมที่จะไม่ดื่มในช่วงบ่ายของพวกเขาสะ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากพนักงานเสริฟตอนไหนก็ไม่รู้
ทุกคนต่างชนแก้วและดื่มด้วยกัน และกลังจากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วว่าพวกเขาอยากจะชนแก้วกับใคร
เซิน หนิงซิน ชนแก้วกับลูกค้าทั้ง 5 คน คนละครั้ง และหลังจากเห็นว่า คิว อีไป๋ และ เจ้ฉาง ยังดื่มกับพวกเขาเธอก็ตัดสินใจไปชนแก้วกับพวกเขาอีกครั้ง
แต่ก่อนที่เธอจะได้ขยับตัว คิว อีไป๋ ก็ลุกขึ้นที่อีกด้านหนึ่ง
มันเกิดขึ้นหลายครั้ง และเธอก็ไม่มีโอกาศอีกจนเครื่องดื่มหมดไป
เห็นแบบนั้น เซิน หนิงซิน ก็งุนงงนิดหน่อย และความคิดก็ลอยเข้ามาในหัวเธอ
บางที่เธออาจจะคิดไปเอง แต่เธอรู้สึกว่า คิว อีไป๋ ตั้งใจ
หรือว่าเธอจำเรื่องที่เกิดที่งานเลี้ยงบริษัทก่อนหน้านี้ได้และคิดว่าเธอดื่มไม่ได้ เธอเลย… ทำแบบนี้?
หลังจากมื้ออาหาร คิว อีไป๋ ก็เรียกรถมาพาลูกค้ากลับโรงแรมโดยเฉพาะ และโทรเรียกคนขับรถชั่วคร่าวมาพาพวกเธอกลับบริษัท
“เซิน หนิงซิน เธอกับเจ้ฉาง ควรจะตรงกลับบ้านไปเลย” เธอบอก “มันเหลือเวลาอีกแค่สองชั่วโมงก่อนจะหมดเวลางาน พวกเธอตั้งใจทำงานมาทั้งวันแล้ว กลับบ้านเร็วนิดหนึ่งก็ไม่เป็นไรหรอก”
หัวใจช่างอบอุ่นจริงๆ
เจ้ฉางพยักหน้าตอบ พูดคุยกับ คิว อีไป๋ อีกนิดหน่อย ก่อนจะนั่งแท๊กซี่จากไป
เหลือแค่ เซิน หนิงซิน ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
เหมือนเห็นแบบนั้น คิว อีไป๋ ก็หันมามองเธอ “ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีกหละ?”
ถึงแม้ว่าวันนี้ คิว อีไป๋ จะดื่มไปเยอะ แต่เธอไม่ได้เมา แค่มึนๆนิดหน่อย นอกจากใบหน้าที่แดงเล็กน้อย ทุกอย่างก็ดูปกติดี
เธอเดินได้ตรงเหมือนปกติ พูดคุยได้ตามปกติ และไม่มีท่าทางจะร้องไห้เลย
แต่ เซิน หนิงซิน ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อได้ยิน คิว อีไป๋ ถามเธอ เธอก็สายหน้าและบอกว่า “ให้ฉันกลับไปบริษัทกับคุณนะคะ”
“เจ้ฉางเองก็กลับไปแล้ว ทำไมเธอถึงไม่กลับหละ?” ได้ยินเธอพูด คิว อีไป๋ ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วของเธอขึ้น “ไม่ใช่ว่าเธอดื่มไปหลายแก้วแล้วหรอ? และเธอก็ดื่มไม่เก่งด้วย เธอควรจะรีบกลับบ้านไปพักผ่อนมากกว่านะ”
นี้คือเหตุผลสินะ
ได้ยินคำว่า “เธอดื่มไม่เก่ง” เซิน หนิงซิน ก็รู้สึกงุนงง
ตอนนั้นเองคนขับรถชั่วคร่าวก็มาถึง หลังจากพูดคุยกับ คิว อีไป๋ คนขับรถก็ขึ้นไปบนรถและเตรียมตัวออก
คิว อีไป๋ หันมามอง เซิน หนิงซิน บอกให้เธอรีบกลับบ้าน ก่อนจะหันหลังไป
แต่ก่อนที่เธอจะได้ออกมา เซิน หนิงซิน ก็จับชายเสื้อของเธอเอาไว้
“ฉันเป็นห่วงคุณค่ะ” คิว อีไป๋ ได้ยินเธอพด “ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณระหว่างทางตอนที่คุณเมา”
“เพราะงั้นมันจะดีกว่าถ้าฉันกลับไปบริษัทกับคุณ”
นี้เป็นครั้งแรกที่ คิว อีไป๋ เห็นคนที่มีความตั้งใจจะทำงานขนาดนี้ เธอไม่สามารถบังคับให้เธอกลับได้ด้วยซ้ำ
เห็นแบบนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ฉันไม่ได้เมา มันไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่ากำลังดื่มกับใครอยู่ซักหน่อย ฉันคงจะโง่มากถ้าปล่อยให้ตัวเองเมาต่อหน้าลูกค้า”
มันเป็นความจริง
อาจจะเพราะรีอธิบายเธอเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น
และ เซิน หนิงซิน ก็สังเกตุเห็นอะไรบางอย่างทันที
ถ้างั้นการที่เธอจะเมามันก็ขึ้นอยู่ว่ากำลังดื่มกับใครอยู่งั้นหรอ? เพราะว่าเป็นลูกค้าคือคนที่เธอดื่มด้วย เธอเลยระมัดระวังและไม่ปล่อยให้ตัวเองเมา
แต่คนคนนี้ก็ปล่อยให้ตัวเองเมาหลายครั้งเวลากินข้าวกับเธอ
มันเป็นเพราะว่า… เธอสามารถผ่อนคลายลงได้เวลาอยู่กับเธอหรอ?
มั่นใจในตัวเองไปนิดหนึ่งนะ เซิน หนิงซิน
เมื่อเธอรู้ตัวเรื่องนี้ เซิน หนิงซิน ก็รีบสายหน้าและปัดความคิดนั้นออกไปจากหัวเธอ
แต่เธอก็ยังไม่ปล่อยมือของเธอออกจากชายเสื้อของ คิว อีไป๋ และแสดงชัดเจนว่าต้องการจะกลับไปกับ คิว อีไป๋
สุดท้ายแล้ว คิว อีไป๋ ไม่สามารถไล่เธอกลับไปได้ เธอเลยพยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก็ยังพูดออกมาว่า “ระวังอย่างทำงานของเธอพลาดเพราะเธอเมาหละ”
“ไม่งั้นฉันจะหักเงินเดือนเธอ”
เธอพูดแบบนี้ตลอดแต่ก็ไม่เคยหักเงินเธอเลยซักครั้ง
เซิน หนิงซิน ทำเหมือนคำพูดของเธอเป็นเรื่องไม่มีสาระแล้วรีบตอบตกลง ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นเพื่อดูท่าทางของ คิว อีไป๋
แล้วเธอก็รู้ตัวทันที่ว่าถึงคนคนนี้จะบอกว่าเธอไม่ต้องการ แต่มันก็ยังมีความสุขอยู่อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ
ช่างหยิ่งยโสจริงๆ
—
บนรถ คิว อีไป๋ ไม่ได้พูดอะไรตลอดทาง เอ่นหลังพิงเบาะและหลับตาเพื่อฟื้นตัวอยู่ซักพักแล้ว
เซิน หนิงซิน กลัวว่าจะไปรบกวนเธอเลยไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย กลับไปที่บริษัทกับเธอโดยไม่ส่งเสียงอะไร
หลังจากมองคนขับรถชั่วคร่าวจอดรถและ คิว อีไป๋ จ่ายเงิน เซิน หนิงซิน ก็รีบก้าวออกไปเพื่อช่วยเธอเดินไปที่ลิฟต์
แต่โดยไม่คาดคิด คิว อีไป๋ ไม่ตอบและไม่รู้ว่าเธอนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเลี้ยวอีกสองสามครั้งและพาเธอมาที่ซุปเปอร์มาร์คเก็ต
“พวกเรามาทำอะไรกันหรอคะ?” เมื่อเห็นแบบนี้ เซิน หนิงซิน รีบถาม
“มาซื้อน้ำนะ” คิว อีไป๋ ตอบ
“ไป๋ซุยซานใช่ไหมคะ?” เซิน หนิงซินยิ้มทันที ก่อนจะปลอบเธอ “ประธานคิว คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ ฉันจะไปซื้อมันให้เอง ยืนรอตรงนี้นะคะ…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอก็เห็นคนคนนั้นได้ก้าวเท้าเข้าไปแล้ว
คิว อีไป๋ เดินไปรอบๆชั้นที่วางเครื่องดื่มและท้ายที่สุด โดยไม่ได้คาดคิด หยิบขวดน้ำส้มออกมา
วันนี้รสนิยมของคนคนนี้เปลี่ยนไปงั้นหรอ?
เซิน หนิงซิน คิดขณะที่มองเธอจ่ายเงิน
ระหว่างที่คิดอยู่เธอก็เงยหน้าขึ้นไปเห็นว่า คิว อีไป๋ จ่ายเงินเสร็จแล้วและหันกลับมา
แต่ไม่ใช่เธอไม่เปิดฝาขวดและดื่มมัน เธอกลับส่งน้ำส้มในมือมาให้เธอแทน
เซิน หนิงซิน อดไม่ได้ที่งุนงงเล็กน้อย “ประธานคิว คุณไม่ได้อยากดื่มมันหรอคะ? ทำไมคุณเอามันให้ฉันหละ?”
“ฉันให้เธอ เอาไปเถอะน่า” เห็นเธอปฏิเสธ คิว อีไป๋ ก็ขวดคิวอย่างไม่พอใจ
ก้าวออกมาสองสามก้าวก่อนจะยัดน้ำส้มลงในมือของ เซิน หนิงซิน ทำอย่างนั้นเธอถึงสามารถพยักหน้าอย่างพอใจได้และเตรียมตัวจะออกไป
ดูเหมือนเธอพูดอะไรก่อนจะออกไป
เซิน หนิงซิน รีบเดินตามเธอไปและในที่สุดก็สามารถเข้าในเนื้อหาที่เธอพูดได้
เธอบอก “ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ดื่มน้ำตอนกินข้าวหรอ?”
“คิดซะว่านี้เป็นการชดเชยให้เธอแล้วกัน”
—
บางทีประธานก็ 555 แบบ 5555 น่ารักแหละ แต่แบบ 55555
แถมให้อีกตอนครับ แล้วเจอกันอีกทีปีหน้าเลยครับ น่าจะยุ่งๆ อาจจะมาหลังจากวันที่ 6 เลย
-A Cup of Owls