เซิน หนิงซิน รู้สึกหดหู่มากๆ
ฉาง เจ๋ ที่ทำหน้าที่ดูแลแนะนำเธอไม่ได้มีงานเยอะมากนักในวันนี้และสั่งให้เธอเรียนรู้วิธีการทำใบสั่งผลิดและเอกสารบรรจุหีบห่อก่อนจะไล่เธอออกมา แล้วไปนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เปิดโซเซียลมีเดียขึ้นมาเล่น
เซิน หนิงซิน ฝึกฝนอยู่ครึ่งชม.ก่อนจะเข้าใจวิธีการทำ พอหันไปอีกที ฉาง เจ๋ ก็หายไปไหนไม่รู้แล้ว
เธอถอนหายใจแล้วเปิดดูใบสั่งผลิตที่ถูกเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทีละอัน แต่ความคิดของเธอนั้นกำลังล่องลอยออกไป
แล้วเธอก็นึกถึงใบหน้าของ คิว อีไป๋ อีกครั้ง
ในโรงอาหารทีเต็มไปด้วยผู้คนลมหายใจของ คิว อีไป๋ กระทบตัวเธอเมื่อเธออยู่ใกล้ กลิ่นหอมที่น่ารื่นรมลอยล่องออกมาจากตัวของเธอ เสียงที่ฟังแล้วเพลิดเพลิน ทุกอย่างนั้นทำให้หัวใจขอเธอเต้นรัว
แต่ทว่าคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอนั้นคือ ฉันไม่เคยเจอเธอมาก่อน
เซิน หนิงซิน ตกตะลึงหลังจากได้ยินมันจนเธอเผลอทำตะเกียบหลุดออกจากมือ
เราจะไม่รู้จักกันได้ยังไง? เธอทักทายฉันที่หน้าซุปเปอร์ฯด้วยซ้ำ!
เธอรู้สึกหดหู่มากๆ เธอเอื่อมมือไปหยิบกระดาษเปล่าออกมา ยกปากกาขึ้น และวาดลงไปบนนั้น ไล่รายการการพบเจอกันของเธอกับ คิว อีไป๋
บนรถ นุ่มนิ่มและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ในออฟฟิศ ไม่สนใจและไม่ใส่ใจ
ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ยิ้มและทักทายอย่างอบอุ่น
แล้วก็ในโรงอาหาร…. เธอบอกอย่างเข้มงวดว่าเข็มกลัดของเธอเบี๊ยวและบอกว่าเธอไม่สามารถกินของที่คนแปลกหน้าให้มา
เซิน หนิงซิน เขียนรายการทั้งหมดเสร็จแล้วมองที่กระดาษอย่างตั้งใจ หลังจากไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง เธอก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่สมเหตุสมผลได้เลย
ทำไมเธอถึงจำฉันได้ แล้วก็จำฉันไม่ได้อีกหละ? คิว อีไป๋ เธอมีสองบุคลิคหรอ!
เธอเงียบไปพักหนึง ก่อนจะเปิดกลุ่มแชทขึ้นมา ต้องการจะถาม เหมิง เหย้า กับคนอื่นๆเกี่ยวกับความสับสนของเธอ
แต่เธอพิมพ์ไปได้ไม่ถึงครึ่ง ก็มีโทรศัพท์เข้ามา เธอถูกบอกให้ลงไปรับพัสดุ
“ค่ะ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้เลย” เซิน หนิงซิน ตอบอย่างสุภาพแล้วว่างสายไป
“มันน่าจะเป็นของฉันเอง” ฉาง เจ๋ ผู้ที่กลับมานั่งที่โต๊ะของเธอเมื่อไหร่ก็ไม่รู้พูดขึ้น “ฉันไปเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเอง” เซิน หนิงซิน ยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน “คุณทำงานของคุณต่อนะคะ เดียวฉันกลับมา”
หลังจากพูดจบ เธอก็ไปถึงประตูแล้ว เธอเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว
ฉาง เจ๋ มองไปทางที่เธอออกมาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะว่างคีย์การ์ดลงก้นของเธอไม่ได้ขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำ
เธอไม่ได้คิดจะลงไปแต่แรกอยู่แล้ว
แล้วทำไม เซิน หนิงซิน จะไม่รู้เรื่องนั้นหละ
ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ที่นี้มาได้ไม่กี่วัน เธอก็มองนิสัยของคนหลายคนในออฟฟิศออกแล้ว เธอรู้ว่าต้องพูดอะไรยังไงกับใคร
ฉาง เจ๋ อยู่ที่นี้มานานแล้ว เริ่มตั้งแต่ตอนที่แผนกพึ่งเปิดได้ไม่นาน ตอนแรกเธออยู่ที่แผนกขายภายในประเทศแต่ถูกย้ายมาที่นี้เมื่อสองปีก่อนเพื่อช่วยพัฒนา เธอมีความสามารถแต่ก็นิสัยที่ไม่ดีอยู่
คนที่พึ่งมาใหม่แบบ เซิน หนิงซิน ไม่กล้าที่จะทำให้เธอขุ่นเคืองใจได้
นอกจากนั้นเธอเองก็กำลังว่างอยู่ตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรถ้าเธอจะออกไปทำธุระให้ คิดซะว่าออกมาสูดอากาศก็ได้
เซิน หนิงซิน คิดขณะรูดการ์ดเพื่อเข้าไปในลิฟต์และลงไปเพื่อเซ็นรับพัสดุ
เมื่อเธอเดินกลับมา ลิฟต์ก็มาหยุดทีชั้นหนึ่งและค่อยๆเปิดออกโดยที่เธอยังไม่ได้รูดบัตร
แล้ว… ใบหน้าสวยงามและเย็นชาของ คิว อีไป๋ ก็ปรากฎตรงหน้าของ เซิน หนิงซิน
เธออีกแล้ว!
เซิน หนิงซิน ก้มหน้าลงทันที
ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่าเธอควรว่างตัวยังไงต่อหน้า คิว อีไป๋ กลัวว่าเธอจะโดนเรียกว่าคนแปลกหน้าอีก เธอก้มหัวลงทำตัวเป็นนกกระจอกเทศ
โชคดีที่ คิว อีไป๋ กำลังลงมาส่วนเธอกำลังจะขึ้นไป พวกเธอแค่มาเจอกันโดยบังเอิญเพราะงั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นลิฟต์ด้วยกัน
เธอหายใจออกอย่างโล่งอก หลังจาก คิว อีไป๋ เดินออกมาเธอก็เดินเข้าไปก่อนที่เธอจะได้มีโอกาสกดปุ่มเลือกชั้นเธอได้ยินเสียงของ คิว อีไป๋ ลอยมาในอากาศ
“เข็มกลัดของเธอเบี้ยวอีกแล้วนะ” เธอบอก
“หมุนเข็มกลับด้านแล้วใส่มันอีกครั้ง” เธอบอกต่อด้วยว่า “ใส่ใจหน่อย เซิน หนิงซิน”
เซิน หนิงซิน แทบจะสำลักออกมาเป็นเลือด
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะประธาน คิว…” เธอตะลึงไปแว๊บหนึ่งก่อนจะตั้งสติได้แล้วตอบกลับไปแล้วก้มหัวให้อีกฝ่ายก่อนจะยืนนิ่งรอเธอจากไป
หัวใจของเธอเต้นตุบตับเหมือนจะระเบิดออกมา
“อาาา นี้มันน่าหงุดหงิดจริงๆ”เธอคำรามขณะที่เธอยืนอยู่ในลิฟต์ในมือถือพัสดุอยู่ “ทำไมครั้งนี่เธอจำฉันได้หละ! แถมยังจำชื่อฉันได้อีก!”
“ฉันจะรับอะไรแบบนี้ไม่ไหวแล้ว!”
—
เธอซึมไปตลอดทั้งบ่าย
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เซิน หนิงซิน เก็บของและลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปที่ลิฟต์
“ฉันไปด้วย” เป๋ย ฉิง เดินตามเธอมา เอื่อมมือมาเตะที่ไหล่ของเธอ “เธอมีอะไรทำหลังเลิกงานไหม? ฉันรู้จักที่ดังๆแถวนี้นะ ไปด้วยกันไหม?”
“ไว้ครั้งหน้านะคะ” เซิน หนิงซินยิ้ม “ฉันมีนัดแล้ววันนี้”
“น่าเสียดาย” เป๋ย ฉิง ตอบเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น เธอหยิบแว่นกันแดดออกมาจากกระเป๋าแล้วพึมพำ “แต่ฉันเดาว่าเด็กใสซื่อแบบเธอคงไม่ไปพวกบาร์หรือร้านเหล้าหรอกเนอะ”
เธอพูดเสียงต่ำ แต่จงใจขึ้นเสียงในช่วงท้ายทำให้คนฟังรู้สึกไม่สบายใจ
แต่เธอสวมแว่นกันแดดอยู่ดวงตาของเธอถูกปิดมิดทำให้ไม่รู้เลยว่าเธอทำสีหน้าแบบไหนอยู่ เซิน หนิงซิน ไม่เข้าใจว่าเธอพยายามจะบอกอะไร
เธอทำแค่ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรไป
แต่ภายใจในเธอตอบกลับไปว่า ใครบอกว่าฉันจะไม่ไป
มันก็แค่เป็นร้านเหล้าอีกแบบหนึ่ง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เซิน หนิงซิน ถอดเสื้อโค๊ทสีอ่อนออกแล้วปลอมผมของเธอลง
เธอนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งของเธอ วาดอายไลเนอร์ไปตามขอบตาของเธอ ป้ายอายแชโดว์เบาๆ และจบด้วยลิปสติกสีเชอร์รี่
หลังจากนั้นเธอก็หยิบที่หนีบผมขึ้นมาและม้วนผมให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแต่ก็ยังคงภาพลักษณ์ความใส่ซื่อเอาไว้
หลังจากทั้งหมดนั้นเด็กเงียบๆที่ดูว่านอนสอนง่ายก็กลายเป็นนางฟ้าที่แสนซุกซน
ครั้งนี้จะไม่มีใครกล้าเรียกเธอว่าเป็นเด็กอีก
เซิน หนิงซิน นึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่เธอไปที่ไนน์ท็อคกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ ครั้งนั้นมีคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็นเด็ก พอนึกย้อนกลับไปแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม
โชคดีที่เธอเจอ เหมิง เหย้า และคนอื่นๆ และหลังจากอธิบายกันความเข้าใจผิดก็ได้รับการแก้ไข
เสียงเรียกเข้าดังขัดความคิดของเธอ เซิน หนิงซิน รีบกดรับสาย และเสียงของ เหมิง เหย้า ก็ดังออกมา
“เธอเตรียมตัวเสร็จยัง?” เธอถาม “เจียง เยว้ กับ หลี่ ฉ่าน ไปถึงแล้ว ฉันจะไปรับเธอแล้วเราค่อยไปพร้อมกัน”
“ฉันเตรียมตัวเสร็จแล้ว” เซิน หนิงซิน พยักหน้าแล้วรีบเดินลงบรรไดโดยถือกระเป๋าของเธอไปด้วย เธอโดดขึ้นรถของ เหมิง เหย้า เหมือนลูกนก
“หลายวันมานี้เธอเป็นไงบ้าง? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? บอกฉันได้เลยนะ” เหมิง เหย้า ถามขณะกำลังออกรถ
หลังจากที่ได้ยินคำนั้นใบหน้าของ เซิน หนิงซิน ก็เหมือนคนที่จะร้องไห้
—
“พวกเธอไม่เข้าใจหรอก!” ในบาร์ที่เสียงดัง เซิน หนิงซิน ถือแก้วไวน์ขึ้นมาจิบแล้วบ่นกับ เหมิง เหย้า และคนอื่นๆ “ทุกครั้งที่เธอเจอฉันท่าทางของเธอเปลี่ยนไปตลอดเลย เธอยิ้มหวานในครั้งหนึ่งแล้วก็หน้าบึ้งในครั้งต่อไป”
“เธอดุฉันด้วยตอนบ่ายวันนี้” เธอบ่นเบาๆ แก้มแดงปากยู้โดยไม่รู้ตัว “เธอบอกว่าเข็มกลัดของฉันไม่เป็นไปตามมาตรฐาน”
“ใช่ แบบนั้นมันก็เกินไป!” หลี่ ฉ่าน ตอบแล้วยิ้ม “แต่มันแปลกมากเลยนะ”
“เซิน หนิงซิน สภาพเธอตอนนี้ก็ไม่ปกติเหมือนกันนะ”
เมื่อได้ยิน เซิน หนิงซิน ก็เหล่มอง “หมายความว่าไง?”
“มันเหมือนแบบ” หลี่ ฉ่าน กระแอมเบาๆ “แฟนสาวบ่นที่คนรักไม่เข้าใจพวกเธอ?”
“….”
เซิน หนิงซิน อยากจะกระโดดไปวัดกับเธอให้รู้แล้วรู้รอด
หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนก็นั่งคุยไปซักพัก แล้วไฟในบาร์ก็เริ่มเปลี่ยนไป เป็นสัญญาณว่าการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น
“ไปกันเถอะ!” เหมิง เหย้า มองไปข้างหน้า “พวกเขามีนักร้องด้วยวันนี้! ไปดูกันเถอะ!”
“พวกเธอไปกันเลย” เซิน หนิงซินสายหัวแล้วปฏิเสธ “ฉันจะนั่งเฝ้าของให้”
เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีนักตอนนี้
เห็นเธอพูดแบบนั้น เหมิง เหย้า และคนอื่นๆก็ไม่ได้ว่าอะไร และจากไปโดยทิ้งคำพูดไว้ไม่กี่คำ
เซิน หนิงซิน มองแผนหลังของพวกกเธอที่เดินจากไปก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาแล้วดื่มต่อไป
ไม่นานนักใครบางคนก็แตะเธอเบาๆสองครั้ง
“สนใจมาดื่มด้วยกันไหม?”
มันชัดเจนว่าเขากำลังจีบเธออยู่
เซิน หนิงซิน เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนแล้วเหมือนกัน
แต่ว่าเธอไม่เคยสนใจอะไรแบบนั้น เมื่อมีเข้ามาหนึ่งคน เธอก็ปฏิเสธกลับไปหนึ่งคน เมื่อมีเข้ามาสองคน เธอก็ปฏิเสธไปทั้งคู่
บวกกับว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี เธอเลยไม่มีแม้แต่อารมณ์จะตอบคนคนนี้กลับไป
ผู้หญิงด้านหลังเธอน่าจะสังเกตุว่าเธอไม่ให้ความร่วมมือ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเขินนิดหน่อย แต่เธอก็ยังพูดต่อ
“ฉันเก่งมากเลยนะ” เธอพูด ดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆ เซิน หนิงซิน เสียงนิ่งๆของเธอแฝงความมีเสน่ห์เอาไว้ “ไม่อยากลองกับฉันหน่อยหรอ? จะบนจะล่าง ฉันก็เล่นได้หมดเลยนะ”
“ไม่หละ ฉันไม่สนใจ” เซิน หนิงซิน ถอนหายใจแล้วหันมาเพื่อปฏิเสธให้ชัดเจน “ฉันไม่….”
ก่อนที่เธอจะได้พูดจบ พวกเธอทั้งสองก็ตกตะลึง
“เซิน หนิงซิน?!”
“ผู้ช่วยฯ ฮั๋น?!”
โลกมันกลมดีนะ….
เซิน หนิงซิน อยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
—
บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมาทันที่ แล้วผู้ช่วยฯ ฮั๋น ก็ทำลายความเงียบลง ความตื่นตระหนกนั้นชัดเจนในน้ำเสียงของเธอ “เรื่องที่เกิดขึ้น…อย่าไปบอกใครนะ”
“เรื่องอะไรหรอคะ?” เซิน หนิงซิน ตอบอย่างรวดเร็วกระพริบตาปริบๆ เหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราหรอคะ?”
ผู้ช่วยฯ ฮั๋น หยักหน้าตอบรับก่อนจะเอื่อมมือมาเตะไหล่ของเธอ
ไวน์ในแก้วยังเหลืออยู่และไม่มีใครกล้าที่ออกมาก่อน หลังจากนั่งเงียบกับไปพักหนึ่งพวกเธอก็เริ่มคุยกัน
“เธอคุ้นเคยกับงานหรือยัง?” เธอถามน้ำเสียงของเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว “เธอมาหาฉันได้นะถ้าเธอเจอปัญหา”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะ” เซิน หนิงซิน พยักหน้า
อันที่จริงแล้วเธอมีปัญหาเยอะมากตอนนี้
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจลังเล่เล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจถามผู้ช่วยฯ ฮั๋น เกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง
อย่างเช่น-
“ฉันมีเรื่องที่อย่างจะรู้มากซักพักแล้วค่ะ” เธอเริ่มพยายามระวังคำพูดของเธอไว้ “ฉันอยากรู้ว่าประธาน คิว…เธอมีฝาแฝดหรือเปล่าคะ?”
ดูสิว่าเด็กคนนี้ต้องดูอะไรออกมา
ผู้ช่วยฯ ฮั๋น ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะสายหน้า “ไม่มีนะ ทำเธอถึงถามแบบนั้นหละ?”
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจแล้วอธิบายเหตุผลออกไป
ผู้ช่วยฯ ฮั๋น เกือบจะขำจนขาดอากาศตายหลังจากได้ยินคำตอบของเธอ
“โอ๊ย!” เธอเอื่อมมือมาตบไหล่ของ เซิน หนิงซิน และบอกให้เธอใจเย็นลง เธอขยับเข้ามาใกล้ๆแล้วเปิดเผยความลับบางอย่างออกมา “อย่าคิดมากเลย นะ เธอไม่ได้ไม่ชอบเธอหรอกนะ”
ระหว่างที่เธอพูดเธอยักคิ้วของเธอขึ้นทำหน้าแบบ รู้ใช่ไหมฉันหมายถึงอะไร
“ประธาน คิว เธอมีภาวะไม่รู้ใบหน้านะ”
—
ภาวะไม่รู้ใบหน้า คือภาวะที่ทำให้จำหน้าคนไม่ได้ครับ
เป็นตอนที่แอบขำมากตอนหนึ่ง ไม่แอบหรอกขำกลางรถไฟฟ้าเลยนี้หละ 5555 ผู้ช่วยฯ ฮั๋น นี้ก็เอาเรื่องนะ ขนาดบอกว่าไม่มีอะไรก็ยังแอบแต่พอตัวน้องอยู่เลย ส่วนซินซิน ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน
จะว่าไปมีใครสังเกตไหมครับว่าคนเขียนชอบใช้คำสองแง่สองง่าม ถ้าไม่มี ก็มีแล้วนะครับ 555
-A Cup of Owls
MANGA DISCUSSION