บรรยากาศในออฟฟิศตึงเครียดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อีก
หลังจาก คิว อีไป๋ ดุ เซียวหยาง เธอก็ออกคำสั่งไม่กี่คำกับ เซียวหยาง ก่อนจะเดินต่อไปทางออฟฟิศของเธอ ผมของเธอถูกมันรวบไว้อย่างสวยงาม รูปร่างสมส่วน และออร่าที่ดึงดูดหัวใจ
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะของ เซิน หนิงซิน เท้าของเธอก็หยุดลง และเธอก็ทอดสายตามาทางเธอ
สายตาที่แสนจะอบอุ่นในความทรงจำตอนนี้ได้กลายสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยการพินิจ
เซิน หนิงซิน ผงะไปเพราะสายตาของเธอ และเผลอลดสายลงไปจ้องมองคอมพิวเตอร์ของเธอโดยไม่รู้ตัว หลังจากตรวจสอบแล้วว่ามันไม่มีความผิดพลาดในเอกสารถึงสามรอบ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเงยหน้าขึ้น
มันค่อนข้างกระอักกระอ่วน เธอพยายามยิ้มแต่มันก็เหมือนไม่ได้ยิ้ม
อันที่จริงแล้วเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องพูดอะไร
ต้องขอบคุณที่ คิว อีไป๋ เป็นคนพูดก่อน
แต่คนที่เธอพูดด้วยไม่ใช่เธอแต่เป็น เป๋ย ฉิง ที่อยู่ด้านหลังของเธอ “เดียวมาที่ออฟฟิศของฉันด้วย”
“ได้ค่ะท่านประธาน” เป๋ย ฉิง ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
คิว อีไป๋ พยักหน้าด้วยความพอใจและเดินจากไป เธอไม่ได้มอง เซิน หนิงซิน เลยแม้แต่น้อย
เธอ…จำเธอไม่ได้?
เซิน หนิงซิน งุนงง เธอรวบรวมสติและคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คิว อีไป๋ เป็นผู้หญิงที่เธอเจอเมื่อเช้าแน่นอน แต่ออร่าของเธอนั้นต่างกันเกินไป
แต่ความจริงที่ว่าเธอจำเธอไม่ได้ก็ยังเป็นเรื่องปกติ พวกเธอพึ่งจะเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว แถมเมื่อเช้าเธอปลอยผมเอาไว้ ส่วนตอนนี้เธอมัดรวบไว้เป็นหางม้า มันค้อนข้างจะแต่งต่างกัน
เซิน หนิงซิน พยักหน้าและเลิกคิดถึงมัน เธอกลับไปทำงานในมือและทำงานตลอดทั้งบ่าย
เธอได้ยิน คิว อีไป๋ ดุคนอื่นอยู่ทั้งบ่าย
แผนกขายต่างประเทศนั้นมีขนาดใหญ่มาก และแบ่งออกเป็นหลายฝ่ายย่อย หนึ่งในนั้นคือฝ่ายตรวจสอบเอกสาร ที่ทำหน้าที่ในการจัดการตราสารเครดิตที่ส่งมาจากต่างประเทศและติดต่อกับธนาคาร
มันมีการจัดข้อมูลที่เข้มงวดมากๆ คำนวนความถูกต้องถึงทศนิยมสองตำแหน่ง มัรสำคัญในขนาดที่ว่าตัวเลขเดียวก็ห้ามผิด
แต่พักหลังมานี้คนที่ทำหน้าที่ดูแลในส่วนของข้อมูลเป็นผู้หญิงอายุน้อยและได้ตรวจสอบไม่พบข้อผิดพลาดในขั้นตอนการตรวจสอบ ก่อนที่จะมีการตรวจสอบรายการที่เหลือทั้งหมดเธอรีบติดต่อไปยังฝั่งต่างประเทศ แล้วพบว่ามันสายไปแล้ว มันมีจุดที่ผิดไปสามจุดในข้อมูล
ตราสารเครดิตเกือบจะถูกปฏิเสธ
โชคดีที่ คิว อีไป๋ ตรวจสอบ อีเมลล์ภายในของบริษัทในช่วงที่เดินทางไปทำธุรกิจ หลังจากพบปัญหาเธอประสานงานกับทางธนาคารและผู้นำเข้าทันที จ่ายค่าปรับที่เกี่ยวข้องและรักษาความสัมพันธ์ของทุกฝ่ายเอาไว้ได้ มันเป็นเพราะเรื่องนั้นขั้นตอนการซื้อขายถึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น
แต่ทว่า มันก็ยังมีความเสียหาย ความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีให้กับเค๋อรุ่ยนั้นลดลง และเค๋อรุ่ยอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกในรายชื่อที่พวกเขาจะร่วมมือด้วยอีกในอนาคต
การสูญเสียลูกค้านั้นเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับบริษัทที่กำลังอยู่ช่วงพัฒนา
ผู้หญิงคนนั้นโดนดุเป็นเวลานาน เมื่อเธอเดินออกมา ขอบตาของเธอก็เริ่มเป็นสีแดง หลายคนในออฟฟิศมองด้วยความเห็นใจ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปปลอบเธอเลย
อำนาจของประธานคิวไม่ใช่อะไรที่จะเข้าไปท้าทายได้
น่ากลัวเกินไป
เซิน หนิงซิน เหล่ตามองไปทางห้องของ คิว อีไป๋ ก่อนที่จะรีบหลบตากลับมา เพิ่มคำไม่กี่คำเข้าไปในภาพความประทับใจที่เธอมีให้กับ คิว อีไป๋
คิว ‘เข้มงวด ชอบความสมบูรณ์แบบ ดุมาก แต่ก็สวยมาก’ อีไป๋
—
ช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กดลงเวลาออก เซิน หนิงซินก็ได้รับสายเรียกเข้าจาก เหมิง เหย้า ถามเธอว่าเธออยากจะไปหาอะไรกินด้วยกันไหม
“ฉันคงไม่ได้ไป” เซิน หนิงซิน ตอบด้วยการหาวและขยี้ตา “วันนี้ฉันเพลียและง่วงมากเลย ฉันจะกลับไปนอนงีบที่บ้าน”
“ถึงแม้ว่าจะมีสาวสวยๆ เธอก็จะไม่มางั้นหรอ?” เหมิง เหย้า ถามต่อ
“ม๊าย” เซิน หนิงซินสายหน้า
เพราะว่า….ถึงพวกเข้าจะดูดีแค่ไหนพวกเขาก็ไม่มีทางเทียบกับประธานได้
รถโดยสารหยุดที่เวลานี้พอดี เซิน หนิงซิน บอกลา เหมิงเหย้าแล้วกดว่างสายก่อนจะเดินขึ้นรถโดยสาร
เมื่อถึงบ้าน เธอก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วหลับไป
เธอลื่มตาขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลา หนึ่งทุ่มแล้ว
ท้องของเธอร้องด้วยความไม่พอใจ หลังจากล้างหน้า เซิน หนิงซิน เปิดตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร
เมื่อเปิดออกมาเธอเจอแค่แครอทครึ่งหัวนอนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ
“….”
เธอพึ่งนึกได้ว่าเธอใช้วัตถุดิบที่เหลือทั้งหมดไปกับการทำข้าวกล่องสุดแฟนชีเมื่อคืน
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สวมเสื้อคลุมแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะลงบรรไดไปซื้ออะไรกิน
ผู้คนที่พึ่งเลิกงานและนักเรียนกำลังกลับบ้านกันในช่วงเวลานี้เพราะงั้นมันเลยมีคนเยอะมากในซุปเปอร์มาร์เก็ต มันมีคนเยอะเป็นพิเศษที่ช่องจ่ายเงิน วิญญาณของ เซิน หนิงซิน แทบจะลอยออกมาจากร่าง
เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ไปกินข้าวกับ เหมิง เหย้า….
ในขณะที่เธอกำลังเสียใจกับสิ่งที่เธอเลือกอยู่นั้นเองใครบอกคนก็เดินผ่านมาก่อนจะมาหยุดที่หน้าเธอ
เซิน หนิงซิน จำคนตรงหน้าได้ทันที นั้นคือ คิว อีไป๋!
หัวใจของเธอเต้นรัว เธอยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ก่อนที่เธอจะได้มีโอกาสพูดสวัสดี เธอก็เห็น คิว อีไป๋ หันมามองเธอเหมือนกัน
เธอมองที่หน้าเธอก่อน ก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมาหยุดที่พวงกุจแจน้องหมาที่ห้อยออกมาจากกระเป๋าของของ เซิน หนิงซิน
แล้วเธอก็ยิ้ม
คิ้วของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เธอดูเย็นชาเพราะเธอเข้มงวดมากในช่วงบ่าย ในตอนนี้เธอกำลังยิ้ม ความเย็นชานั้นก็หายไปเหลือไว้เพียงแค่ความอบอุ่น
ริมฝีปากสีแดงและฟันสีขาว ดวงตาที่สองประกายเพราะแสงรอบๆ เธอนั้นสวยงามและน่าหลงไหล
เซิน หนิงซิน ลืมหายไปใจชั่วขณะ
“เธอมาซื้อของหรอ?” คิว อีไป๋ ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เธอยังไม่ได้กินอะไรหรอ?”
ดูเหมือนว่าเธอจะจำฉันได้
เซิน หนิงซิน พยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“กินบะหมี่กึ่งฯให้น้อยลงนะ” คิว อีไป๋ตอบแล้วลดสายตาลงไปดูของในมือของเธอ “มันไม่ดีกับสุขภาพของเธอ”
‘เธอเป็นห่วงฉันด้วย’
“เข้าใจแล้วค่ะ” เซิน หนิงซิน ขอบคุณเธอและยืนอยู่ตรงนั้น มองดู คิว อีไป๋ จากไป เธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามุมปากของเธอกำลังยกขึ้น
ประธานคิว คนที่เข้มงวดขนาดนั้น ก็มีด้านที่อ่อนโยนเหมือนกัน
—
ทั้งเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางงานที่เต็มไปหมด
เมื่อพักเที่ยงมาถึง ทุกคนก็ลงเวลาออกแล้วเริ่มมุ้งหน้าไปโรงอาหารเพื่อหาอะไรกิน
จำคำแนะนำของ คิว อีไป๋ เมื่อคืนได้ เซิน หนิงซิน มองไปยังแซนวิทนำมันใส่กลับเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นแล้วมุ้งหน้าไปที่โรงอาหารเหมือนกันคนอื่นๆ
ขณะเดินเธอแชทคุยกับเพื่อนในกลุ่มไปด้วย พอเธอหันขึ้นมามองอีกที เธอพบว่าโรงอาหารนั้นเกือบจะเต็มแล้ว
เธอชะงัก เซิน หนิงซิน เก็บโทรศัพท์แล้วรีบเดินไปหาอะไรกิน
สวัสดิการของบริษัทนั้นดีมาก และอาหารในโรงอาหารก็รสชาติดี มันมีเมนูอาหารที่หลากหลาย มีโปรตีนหลายแบบและยังเสริฟในปริมาณมาก
ตอนที่เธอเข้ามาทำงาน หวัง ฉี บอกกับเธอว่าตอนเธอเขามาทำงานเธอหนัดแค่ประมาณ 45 กิโล แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาน้ำหนักเธอเพิ่มขึ้นมาจบเกือบ 70 กิโลเลย
อาหารที่ดีเลี้ยงคนได้ดีจริงๆ
เซิน หนิงซิน ยิม และถือถาดอาหารของเธอเดินไปหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่
มันมีคนเยอะกว่ามากในแผนกขายในประเทศเมื่อเทียบกับฝั่งนอกประเทศ และเพราะทุกคนใช้โรงอาหารเดียวกันมันเลยแทบไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว
เซิน หนิงซิน ไม่สามารถหาที่นั่งใกล้ๆได้เธอเลยมองหาที่นั่งที่ห่างออกไป เธอเห็นจุดหนึ่งที่เด่นออกมา
โต๊ะที่สามารถรองรับคนได้ถึงแปดคนมีคนนั่งอยู่แค่คนเดียว ที่นั่งรอบๆไม่มีใครนั่งเลย
มันก็แค่ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือ… ประธานของพวกเขา คิว อีไป๋
จากคำพูดของ หวัง ฉี คนระดับ คิว อีไป๋ จะมีพื้นที่สำหรับกินอาหารของตัวเองและจะไม่มาที่โรงอาหารกับคนอื่น
‘วันนี้เธอคิดอะไรอยู่กันนะ?’
เซิน หนิงซิน ลังเลแต่พอนึกถึงรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นของประธานเมื่อคืนเธอก็ก้าวเดินออกไปโดยไม่รู้ตัว
คิว อีไป๋ พึ่งจะกลับมาจากโรงงานในตอนเที่ยงและยังสวมยูนิฟอมชุดสีขาวฟ้าที่มีคำว่า ‘เค๋อรุ่ยเมล็ดแก้ว’ พิมพ์ไว้อยู่ มันไม่ได้ออกแบบดีอะไร และการตัดเย็บก็ธรรมดาๆ แต่ คิว อีไป๋ ก็ยังดูดีเวลาใส่มัน
แขนของเธอขาวเนียนและเอวของเธอก็เรียวบาง
เมื่อเข้ามาใกล้ เธอก็สังเกตุว่า คิว อีไป๋ กินอาหารน้อยมาก มันมีแค่ผัดผักนิดหน่อย เต๋าหู้เย็น แล้วข้าวถ้วยเล็กๆถ้วยเดียว
เซิน หนิงซิน มองที่ถาดอาหารของเธอแล้วหน้าขึ้นสีเล็กน้อย
เธอเดินออกไปไม่กี่ก้าว ยืนอยู่ด้านตรงข้ามกับ คิว อีไป๋ และทักทายเธออย่างสุภาพ เธอยิ้มจนดวงตาเมล็ดซิ่งของเธอโค๊งงอ “ประธาน คิว”
คิว อีไป๋ หยุดมือของเธอแล้วเลื่อนสายตาขึ้นมามอง ดวงตาจ้องมองใบหน้าของเธอโดยไม่มีสัญญาณของความสุขหรือความโกรธอะไร เธอตอบกลับสั้นๆ “อืม”
ก่อนที่เธอจะก้มลงไปกินต่อ
“…..”
“…..?”
เซิน หนิงซิน งุนงงนิดหน่อย
ทำไมท่าทางที่ คิว อีไป๋ มีให้กับเธอตอนนี้ถึงต่างกับเมื่อคืนมากขนาดนี้ ดวงตาของเธอนั้นไม่สนใจเธอเลย เหมือนเธอกำลังมองคนแปลกหน้า
เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่หรอ?
เซิน หนิงซิน นึกขึ้นได้ว่าเธอดุแค่ไหนตอนเธอดุคนอื่นตอนบ่ายเมื่อวาน เธออยากจะหนีแต่ตอนนี้เธอทำได้แค่นั่งลง
เมื่อนั่งลงไปหัวใจของ เซิน หนิงซิน ก็ตกลงตามลงไปที่ตามการเคลื่อนไหวนั้น
ความรู้สึกขมขื่นก็ไหล่เข้ามาในใจเธอ เซิน หนิงซิน ไม่กล้าขยับตะเกียบของเธอ และหลังจากลังเลอยู่ซักพักเธอเลื่อนถาดเล็กๆของเธอออกไปแล้วถามอย่างกล้าๆกลัวๆ “ประธาน คิว คุณลองชิม….ไก่ทอดของฉันไหมคะ?”
วินาทีต่อมา คิว อีไป๋ ยกมือของเธอขึ้นแล้วไม่พูดอะไร
บรรกายาศรอบๆเงียบๆไปแว๊บหนึ่ง เซิน หนิงซิน อยากจะขุดหลุมแล้วโดนลงไปเพราะความอาย
หลังจากนั้นไม่ถึงนาที คิว อีไป๋ ก็พูดขึ้นสายตาของเธอมองมาที่ใบหน้าของเธอ
“เข็มกลัดเธอเบี้ยวนะ”
เซิน หนิงซิน ผงะ รีบขอโทษและปรับเข็มกลัดของเธอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา คิว อีไป๋ ก็ลุกขึ้นแล้ว
เธอเดินไปไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดเมื่อเธออยู่ใกล้ เซิน หนิงซิน กลิ่นหอมจากตัวของเธอยังคงชัดเจน
“เธอลืมสิ่งที่ครูสอนในโรงเรียนไปแล้วหรอ?” เธอพูดจ้องมองที่ใบหูที่กลายเป็นสีแดงของ เซิน หนิงซิน “อย่ารับของจากคนแปลกหน้า”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินจากไปเหลือไวแค่ เซิน หนิงซิน ที่กำลังงุนงง
พวกเราเป็นแค่…คนแปลกหน้า?
—
ตอนอ่านเองก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาแปลแล้ว ซินซินนี้เพ้อเอาเรื่องนะ โดยเฉพาะเวลาเห็นคนสวยๆ
-A Cup of Owls
MANGA DISCUSSION