ไม่นาน เซิน หนิงซิน ก็ลืมเรื่องโน๊ตที่ คิว อีไป๋ ติดไว้ที่ถุงน้ำร้อน
ไม่นานมานี้ ลูกค้าต่างชาติที่พึ่งจะเซ็นสัญญากันไว้จะเข้ามาเยี่ยมชมโรงงาน เจ้ฉาง เลยวุ่นอยู่กับการรับรองพวกเขา และเพราะว่าเธอไม่สามารถจัดการกับงานที่มีอยู่ได้ เธอเลยส่งพวกมันต่อให้กับ เซิน หนิงซิน
เธอต้องติดต่อคนกลาง ว่างแผนการจัดส่งกับฝ่ายโลจิสติก ทำเอกสารหลายแบบ จัดเรียงเอกสารที่ซับซ้อนเป็นจำนวนมาก ตรวจสอบการบรรจุสิ้นค้าที่โรงงาน…
เมื่อทุกอย่างรวมกับ เซิน หนิงซิน ก็ยุ่งจนหัวแทบจะระเบิด เธอไม่มีแม้แต่เวลาจะแอบพักไปฝันกลางวันเลย
หลังจากทำงานมาทั้งวัน สมองของเธอก็เกือบจะหยุดทำงาน
เธอต้องการพักผ่อนจริงๆ
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจและเปิดแชทกลุ่มกดส่ง “?” ไป
มันมีความหมายว่า “ออกไปดื่มกันไหม?”
ไม่นาน เหม้ง เหย้า และคนอื่นๆก็โผล่กันมา ส่ง “!!!!!” มาอย่างดุเดือด
ดูเหมือนว่าพวกเธอกำลังโหยหาการได้ออกไปผ่อนคลาย
เหมือนได้เห็นเครื่องหมายตกใจยาวเป็นหางว่าว เซิน หนิงซิน ก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา
พักหลังมานี้ทุกคนยุ่งกันมาก โดยเฉพาะ เจียง เยว้ ที่ติดพันกับการออกเดตในโลกออนไลน์จนถึงขนาดเดินทางไปต่างเมือง หลังจากได้เจอกันเธอก็พบว่าอีกคนนั้นอายุน้อยกว่าเธอสิบกว่าปี ยังไม่ขึ้นม.ต้นด้วยซ้ำ
เธออดไม่ได้ที่จะถามออกไป เมื่อเธอถามอีกคนไป เธอก็ได้คำตอบมาว่า รูปภาพเป็นของปลอม เรื่องที่เล่าก็แต่งขึ้น และเทคนิคการจีบก็อ่านมาจากออนไลน์
แต่หัวใจนั้นเป็นของจริง
เจียง เยว้ ตกตะลึงซะจนอดขำออกมาไม่ได้ เธอดุเด็กคนนั้นอยู่ซักพัก บอกให้เธอทำตัวดีๆและตั้งใจเรียน หลังจากนั้นเธอยัรู้สึกหงุดหงิดอยู่เลยกลับรถแล้วขับไปที่ชายหาดยัดกุ้งมังกรหลายสิบตัวลงท้อง
แต่เธอโชคไม่ดี ร้านที่เธอไปคงไม่สะอาดเท่าไหร่
ตอนที่ เจียง เยว้ กินเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านเธอก็ป่วยและท้องเสียไปหลายวัน เธอนอนซมอยู่ตลอดเวลาในช่วงนั้น
เธอพึ่งจะหายดี
ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องนอนซมอีกต่อไป
ทำให้พอ เซิน หนิงซิน ส่งขอข้อความไปเธอก็โผล่มาทันที
เธอก็ยังเป็นคนที่ส่งเครื่องหมายตกใจมาเยอะที่สุดด้วยในแชทกลุ่ม
ชัดเจนว่าเธอพร้อมจะออกตลอดเวลา
—
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสี่คนมาเจอกันที่โซนการค้าที่ใจกลางเมือง
เพื่อนคนหนึ่งของ เหมิง เหย้า เปิดร้านอาหารใหม่และเขาก็ชวนพวกเธอมาลองกินเมื่อนานมาแล้ว เพราะว่าตอนนั้นพวกเธอไม่มีเวลากันพวกเธอก็เลื่อนมันมาตลอด วันนี้ในที่สุดโอกาสก็มาถึง
เมื่อเห็นคนรู้จักมาหา เพื่อนคนนั้นก็กระตือรือร้นมาก เขาให้ซี่โครงแกะ ผลไม้ทานเล่น และเบียร์ ฟรีหลายขวด
เหมิง เหย้า รีบทำตัวสุภาพแล้วบอกว่าเธอกับ หลี่ ฉ่าน ขับรถมากันและเพื่อนๆอีกสองคนไม่สามารถดื่มเบียร์ทั้งหมดนี้ได้ เพราะงั้นเขาควรจะเก็บมันกลับไป
“ฉันเอามันออกมาแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องคิดมากแล้วดื่มไปซะ ฉันจะหาคนขับรถแทนให้เอง!” คุณเพื่อนหัวเราะแล้วตบหลัง เหมิง เหย้า โดยไม่รอให้เธอได้พูดอะไรเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปทาง เจียง เยว้ แล้วแสยะยิ้ม “ดูเธอสิ มีความสุขกับการดื่มขนาดนั้น”
“หา?” เหมิง เหย้า ชะงักเมื่อได้ยิน ก่อนจะรีบหันไปมองแล้วพบ เจียง เยว้ ที่ดื่มเบียร์ไปครึ่งขวดแล้วตอนที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน
“….”
นี้มันเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ
เหมิง เหย้า ไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้ เธอเลยขอบคุณเพื่อนของเธอแล้วรับเบียร์มา
หลังจากนั้นเธอก็เดินไปตบหัว เจียง เยว้ แรงๆ “ทำไมเธอรีบดื่มจังเลย เธอบ้าไปแล้วหรอ!”
เจียง เยว้ คำรามเพราะแรงที่ตบหัวเธอ “ฉันเจ็บ”
“ไม่ใช่ว่าเธอพึ่งจะหายดีหรอ?” เหมิง เหย้า ถอนหายใจเมื่อได้ยิน “มันเจ็บตรงไหนอีก?”
เมื่อได้ยิน เจียง เยว้ ก็ชี้ที่หน้าอก “มันเจ็บตรงนี้!”
“หัวใจเจ็บ มันแตกสลายเป็นชิ้นๆ….” เธอพึมพำขณะที่รินเบียร์อีกแก้วแล้วพูดอีกประโยค “ความรักทำให้ใจสลาย ความรักทำให้เสียน้ำตา”
“ความรักเ*ี้ยๆ ฉันคงจะผู้หญิงสำส่อนถ้าฉันจะตกหลุมรักใครอีก!”
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินเธอพูด
เหมิง เหย้า รู้สึกเหนื่อยใจ และคิดว่าคนๆนี้พึ่งจะหายดีและไม่ควรดื่มเยอะเกินไป เธออยากจะหยุดเธอ
แต่ก่อนที่เธอจะได้ยื่นมือออกไป เธอก็ถูก หลี่ ฉ่าน ขวางไว้
“ให้เธอดื่มซักพักเถอะ” หลี่ ฉ่าน บอก ดวงตาของเธอกำลังยิ้ม น้ำเสียงของเธอเต็มไปการหยอกล้อ “เธอตอนนี้เธอกำลังเศร้า”
“มากินกันเถอะ” กลัวว่า เจียง เยว้ จะได้ยินเธอ หยุดแล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ เหมิง เหย้า ลดเสียงของเธอลง “เดียวเราไปหยุดเธอ”
เธอยิ้มตลอดเวลาที่พูดทั้งหมดนี้
มือของเธอยังมีกลิ่นของสดชื่นของสบู่ล้างมือที่ล่องลอยออกมาในอากาศช้าๆตามลมจากเครื่องปรับอากาศ และกลิ่นของมันก็หอมจนน่าตกใจ
ผ่านไปซักพัก ไม่นาน เหมิง เหย้า ก็ผ่อนคลายลง
“งั้นก็มาดื่มกันเถอะ” เธอถอนหายใจ ก่อนจะดึงเก้าอี้เพื่อนั่งลงและส่งตะเกียบให้กับ เซิน หนิงซิน และคนอื่นๆ
ก่อนจะลุกขึ้นอีกครั้ง หยิบเหยือกน้ำแล้วรินลงแก้วให้กับทุกคนยกเว้น เจียง เยว้
เธอเหล่มอง หลี่ ฉ๋าน ก่อนจะยกแก้วขึ้นแล้วพูด “เปลี่ยนจากเบียร์เป็นน้ำแทนนะ”
“แล้วก็ชนแก้ว….แด่ความเป็นเพื่อนของพวกเรา”
—
มื้ออาหารยาวนานถึงสองชั่วโมง
จริงๆแล้ว เซิน หนิงซิน ไม่ได้ชอบดื่มมากนัก นอกจากกรณีพิเศษแล้วเธอแทบจะไม่เตะต้องแอลกอฮอเลย หลังจากกินกันจนเสร็จ เหมือนกัน หลี่ ฉ่าน และ เหมิง เหย้า เธอไม่เมาเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อมองไปที่ เจียง เยว้ เธอนั้นเมาจนถึงจุดที่เธอเริ่มยิ้มและเหม่อลอย
หลังจากจ่ายค่าอาหาร ทั้งกลุ่มก็ช่วยกันพา เจียง เยว้ออกจากร้าน เดินโยกไปมาตามเธอ
และพักเธอพูดอะไรก็ไม่รู้ตลอดทั้งทาง
เซิน หนิงซิน อยู่ใกล้เธอที่สุดเพราะงั้นเธอจึงทรมานที่สุด
เธอเกือบจะงอกพังผืดในหู ถ้ามันเป็นไปได้ละนะ
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็มาถึงบ้าน
เพราะกลิ้นของอาหารที่ติดตัวเธออยู่ เซิน หนิงซิน เรียกถอดเสื้อผ้าและโยนมันใส่เครื่องซักผ้า ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำให้สดชื่น
หลังจากเป๋าผมของเธอจนแห้ง เธอเปิดแชทกลุ่มเพื่อบอกพวกเธอว่าเธอถึงบ้านอย่างปลอดภัย
แต่ตอนที่เธอกำลังกดปุ่มบันทึกเสียง เธอก็จามออกมา
เดาว่าคงจะเป็นเพราะเธอยืนตากลมนานเกินไปตอนอาบน้ำ เซิน หนิงซิน ไม่ได้คิดอะไรมากนั้น ตอนที่เธอกำลังจะกดปุ่มบันทึกอีกครั้ง เธอก็จามออกมาอีก
ครั้งนี้มันเป็นเสียง “ฮัดชิ้ว!!!” เสียงดัง
เธองงงวย
เธอยืนนิ่งพยายามตั้งสติ ความคิดไม่ดีก็ลอยเข้ามาในหัวเธอ
เธอติดหวัดจาก เจียง เยว้ หรอ?
ไม่จริงน่า….
—
วันต่อมา เซิน หนิงซิน ไม่มีแรงไปทั้งเช้า
ร่างกายของเธอหนักอึง มีอาการคัดจมูก และเธอก็แทบจะลืมตาไม่ไหว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นหวัด
เซิน หนิงซิน สายหน้าและถอนหายใจหลายครั้งขณะที่เธอออกไปเอาตัวอย่างสิ้นค้า
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้า เธอก็รู้ตัวแล้วว่าเธอป่วย เธออยากจะขอลาป่วย แต่เธอก็นึกถึงงานที่ เจ้ฉาง ทิ้งไว้ให้เธอ
งานมากมาย แต่ละอันก็ซับซ้อน ถ้าเธอไม่ทำพวกมันก็คงไม่มีใครทำ
และถ้าเธอไม่ทำมันให้เสร็จมันจะมีปัญหาร้ายแรงตามมา
เพราะงั้น…เธอเลยไม่มีทางเลือกนอกจากมาทำงาน
เมื่อเธอรู้เรื่องนี้ เซิน หนิงซิน อยากจะร้องไห้ เธอกลิ้งไปมาบนเตียงอยู่หลายครั้งก่อนจะสามารถลุกขึ้นมาเพื่อไปทาง
และเหมือนที่เธอคิดไว้ เธอวิ่งเข้าห้องน้ำหลายครั้งตลอดทั้งเช้า จนเกือบจะถึงพักเทียงเธอถึงได้พักผ่อน
มันยังมีเวลาอีกมากกว่า 10 นาทีก่อนจะถึงเวลาพัก ตอนนี้เธอทั้งง่วงและเหนื่อยล้าและอยากจะทนไปถึงเวลาพักเพื่อที่จะได้งีบหลับ
แต่เธอทนไม่ไหวร่างกายของเธอไม่แข่งแรงพอ หลังจากฝืนอยู่ซักพัก เซิน หนิงซิน ก็เผลอหลับไป
ถ้าพูดตามจริงแล้ว ในสถานการณ์ปกติ ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ว่าเธอนั้นโชคร้ายมากๆ หลังจากที่เธอหลับไป คิว อีไป๋ ก็กลับมาจากการเดินทางไปทำธุรกิจพอดี
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเธอก็จับคนที่กำลังอู้ได้
คิว อีไป๋ หยุดที่เท้าของเธอ ใบหน้าของเธอเย็นชาขึ้นทันดี
เธอหยุดและกระแอมอย่างมีความหมาย เหมือนพยายามจะปลุก เซิน หนิงซิน
หลังจากพบว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล เธอก็ยืนมือออกไปแขว้งนิ้วกลางและนิ้วชี้เข้าด้วยกันแล้วเคาะโต๊ะ
(ทำยังไงนะ??? ผู้แปลทำแล้วได้ยินแต่เสียงนิ้วลั่น อ๊ากกกก)
มันเป็นการเคาะเบาๆเหมือนกับเสียงกระซิบของปีศาจ
เซิน หนิงซิน ตกใจและตื่นขึ้นเพราะเสียงและเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วก็พบกับสายตาของ คิว อีไป๋ พอดี
ความง่วงครึ่งหนึ่งถูกความกลัวไล่ออกไป คำไม่กี่คำลอยเข้ามาในหัวของเธอ
มันจบแล้ว เธอต้องโดนดุแน่
อย่างที่คิด หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถูกเรียกไปที่ออฟฟิศ
ถึงตอนนี้พักเที่ยงก็เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากทุกคนลงเวลาออกกัน พวกเขารวมกลุ่มกันสองสามคนแล้วตรงไปที่โรงอาหารด้วยกัน บรรยากาศนั้นช่างรื่นรม
ยกเว้นแค่เธอ ยืนอยู่ตรงนี้เหมือนกับเด็ก อดทนรับแรงกดดันจาก คิว อีไป๋
เด็กขี้แย่กำลังโมโหมากตอนนี้
เมื่อเข้ามาในออฟฟิศ คิว อีไป๋ ก็ขมวดคิ้ว สีหน้าของเธอเย็นชาขณะที่เธอถามทีละคำ “เป็นอะไรไป เซิน หนิงซิน? ไม่ใช่ว่าปกติแล้วเธอจะตั้งใจทำงานมากหรอกหรอ ทำไมเธอถึงเริ่มทำตัวขี้เกียจแล้วหละ?”
“เหลือเวลาอีกไม่ถึง 20 นาทีก่อนที่จะถึงเวลาพัก เธอง่วงมากจากรอนานแค่นั้นไม่ไหวเลยหรอ?”
น้ำเสียงของเธอเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
น่ากลัวเกินไป
เซิน หนิงซิน รู้ตัวว่าเธอผิด เพราะเลยไม่ได้พูดอะไรออกไปและฟังอย่างเงียบๆ
เธอไม่เคยว่าง่ายขนาดนี้มาก่อน
ว่าง่ายจน คิว อีไป๋ คนนั้นอึงไปเล็กน้อยและลืมไปว่าจะพูดอะไรต่อ
บรรยากาศเงียบสงบไปซักพักก่อนที่ คิว อีไป๋ จะถอนหายใจช้าๆ
หลังจากนั้นน้ำเสียงของเธอก็อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม และเธอพูดออกมาอย่างจริงจัง “ฉันแค่อยากพูดคุยปัญหากันตรงๆ ฉันไม่ได้เพ่งเล็งเธอหรอกนะ”
“มันก็แค่ในฐานะพนักงานที่ได้รับเงินเดือนจากบริษัทและมีสวัสดิการของบริษัท มันจำเป็นที่จะต้องทำตามกฏและระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นที่ เค๋อรุ่ย หรือที่บริษัทอื่น”
เธอเงียบไปซักพัก และอาจจะเพราะรู้ตัวว่าพูดมากเกินไปเธอมีสีหน้าไม่สบายใจ
หลังจากลังเลอยู่อยู่ซักพักเธอเบาเสียงลงแล้วรีบสรุป “โ ดนฉันตักเตือนมันดีกว่าที่จะโดน…คนอื่นว่าที่หลัง “
เธอพยายามจะใช้เหตุผลกับเธอ
เซิน หนิงซิน เงยหน้ามาก คิว อีไป๋ ด้วยความแปลกใจ หลังจากผ่านไปซักพักเธอก็ก้มหัวแล้วตอบไป “เข้าใจแล้วค่ะ”
เสียงของเธออู้อี้อย่างเห็นได้ชัด
คิว อีไป๋ ชะงักไปเมื่อได้ยิน คิดว่าเธอร้องไห้ ความตื่นตระหนกก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเธอ เธอรีบยืนมือออกไปหยิบกระดาษชิดชู่แล้วส่งมันให้เธอ “รีบเช็ดมันนะ”
“เธอก็โตแล้ว ทำไมถึงร้องไห้กับเรื่องแค่นี้หละ”
เธอกำลังพูดถึงตัวเองอยู่หรอ?
เมื่อได้ยิน เซิน หนิงซิน ก็อารมณ์ดีขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
เธอรับกระดาษชิดชูมาแล้วสายหน้า เงยหน้าขึ้นเพื่ออธิบาย “ฉันไม่ได้ร้องไห้นะคะ ฉันแค่มีไข้นิดหน่อย”
“ไข้?” คิว อีไป๋ คิดอยู่ซักพักก่อนจะพยักหน้า “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สบาย”
“แล้วทำไหมเธอถึงไม่ขอลาหละ?”
“ฉันมีงานต้องทำอีกเยอะเลยค่ะ” เซิน หนิงซิน ตอบตามความจริง “ฉันกลัวว่าฉันจะทำมันไม่ทันก็เลยมาทำงานค่ะ”
เมื่อเธอพูดจบ คิว อีไป๋ ก็มุ๋ยปากโดยไม่ได้ตั้งใจ คนๆนี้พึ่งจะบอกเธอไปไม่นานว่าให้รักษาสุขภาพ แต่ตอนนี้เธอกลับทำตัวเป็นดีตอนนี้ มันค้อนข้างจะเกินไป…
ที่แย่กว่าเลยคือพึ่งจะว่า เซิน หนิงซิน ไปโดยไม่ถามหาสาเหตุก่อน
เมื่อรู้ตัว คิว อีไป๋ ก็เงียบไป หลังจากยืนนิ่งอยู่นาน เธอก็ยืนมือออกมา
เซิน หนิงซิน ไม่เข้าใจ “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เอางานที่ยังไม่เสร็จมาให้ฉันดูสิ” คิว อีไป๋ บอก “ฉันพึ่งจะกลับมาจากการเดินทางและกำลังว่างอยู่พอดี”
“ตอนนี้เธอควรไปพักผ่อนที่ห้องพัก ถ้ามีอะไรแบบนี้อีกให้บอกฉันได้เลย ฉันไม่ใช่หัวหน้าที่ใจจืดใจดำขนาดนั้น”
เธอพูดโดยซ้อนความไม่พอใจเอาไว้ คิว อีไป๋ รีบเดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอ เปิดลิ้นชักออกและหยิบกล่องยาออกมาว่างไว้บนโต๊ะ
“ดื่มมันแล้วไปนอนนะ” เธอพุด
เซิน หนิงซิน รู้สึกซึ้งใจ
เธอหายใจเข้าลึกๆ และกำลังจะขอบคุณ ก่อนจะได้ยินคนๆนั้นพูดขึ้นมาซะก่อน “ห้องพักนั้นมีราคาอยู่นะ อ่อใช่ ชั่วโมงละหนึ่งร้อยหละ”
เซิน หนิงซิน “…….”
ทุกอย่างที่เธอกำลังจะพูดมันติดอยู่ในคอ
เธอใจดำขนาดนี้เลยหรอ?!
—
ต้นฉบับมีว่างขายแบบรูปเล่ม Special box หน้าปกนั้นรูปของประธาน คิว ซึ่ง…ประธานคิวหล่อมาก….
ไม่แปลกใจที่ซินซินจะหลงขนาดนั้น
MANGA DISCUSSION