คิว อีไป๋ ต้องทนทรมานไปอีกหลายวันก่อนที่อาการปวดฟันจะหายดี
นอกจาก เซิน หนิงซิน กับผู้ช่วยฯ ฮั๋น ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ คนอื่นๆคิดว่าเธอแค่ไม่สบาย ซึ่งก็สมเหตุสมผลที่เธอจะไม่ค่อยพูดบ่อยๆทุกคนคิดกันว่าเสียงของเธอคงจะแหบแห้งมาก
มันค้อนข้างจะเป็นปัญหากับผู้ช่วยฯ ฮั๋น เธอต้องเป็นคนนำการประชุม อธิบายสไลด์นำเสนอ และเป็นคนกลางสำหรับคำขอของ คิว อีไป๋
ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังค่อยดูแลให้หัวหน้าเธอกินยาด้วย
เธอคงจะจำไปอีกนาน…
เซิน หนิงซิน เหล่มองถุงช็อกโกแลตที่เธอโยนทิ้งไป ก่อนจะปัดโทรศัพท์ของเธอมองสัญลักษณ์ร้องไห้ที่ คิว อีไป๋ โพสต์ในเวย์ปั๋ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ
เธอเองก็มีส่วนผิด ถ้าเธอรับมันมาแต่แรกเรื่องนี้มันก็คงจะไม่เกิดขึ้น
ส่วนเรื่องกระบวนการคิดของยัยเด็กขี้แยนี้ ดูเหมือนว่าเธอควรจะคิดอย่างอย่างรอบคอบมากกว่านี้ในอนาคต
“…..”
หลังจากนั้นมันก็ผ่านมาหลายวัน
ฟันของ คิว อีไป๋ หายดีแล้วและพลังงานของเธอก็กลับมาอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มทำงานที่เธอหยุดไว้หลายวันและเริ่มดุคนที่ไม่ตั้งใจทำงานอีกครั้ง
ตลอดทั้งเช้า เซิน หนิงซิน ได้ยินเสียงเธอลอยออกมาจากห้องของเธอ
มันเสียงดังและดุเดือดมาก!
แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกโล่งอกที่ได้ยินมันหละ!
เธอสายหน้าแล้วหัวเราะกับตัวเอง ไม่ได้คิดถึงมันอีก ถือเอกสารที่เธอปริ้นออกมาก่อนจะเดินไปหาผู้ช่วยฯ ฮั๋น
ว่ากันว่าลูกค้าอยากจะมาดูบริษัทของเราและพวกเขาก็มีสิ่งที่คาดหวังอยู่พอสมควร ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงพวกเขาระเบิดข้อความหาวีแชทของตัวแทนติดต่อเพื่อออกคำสั่ง ขอให้พวกเราช่วยจองโรงแรมให้
พวกเขาอยากได้โรงแรมที่เดินทางสะดวกต้องมีซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆแต่ต้องไม่มีโรงเรียนและต้องห่างกับโรงงานไม่เกินครึ่งชั่วโมงหากเดินทางด้วยรถ
พวกเขาถึงกับมีเงื่อนไขว่าอาหารต้องไม่มีหมู ไม่มีไข่ ไม่มีแตงกวา ไม่มีต้นหอม….เลือกกินกันจัง
“ถ้าถามฉันนะ เราควรจะให้ที่โรงงานทำอาหารที่มีแต่ผักให้พวกเขา!” ผู้ช่วยฯ ฮั๋น พูดด้วยความโมโหตอนที่เธอกำลังคัดเลือกโรงแรม
ทำไมมันยากอย่างนี้
เซิน หนิงซิน ว่างเอกสารบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอากาแฟมาให้เธอแล้วปลอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ตอนที่เธอหันหลังแล้วกำลังจะออกมาผู้ช่วยฯ ฮั๋น ก็หยุดเธอเอาไว้
“ว่าจะไปแล้วเซี่ยวเซิน” อยู่ๆเธอก็ถามขึ้นมา “พรุ่งนี้เธอมีแผนอะไรไหม?”
“พรุ่งนี้หรอคะ?” เซิน หนิงซิน คิดอยู่ซักพักก่อนที่จะสายหน้า “ไม่มีอะไรมากนะคะ”
“แบบนั้นก็ดีเลย” ช่วยฯ ฮั๋น ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วโน้มตัวมาหาเธอ เธอยิ้มก่อนจะถาม “เธอช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
เซิน หนิงซิน “คะ?”
เธอเป็นแค่เด็กฝึกงาน….เธอจะช่วยอะไรผู้ช่วยฯ ฮั๋น ได้กัน?
—
แปดโมงเช้าวันต่อมา เซิน หนิงซิน ในชุดเดรสยืนอยู่ที่ป้ายรถโดยสาร เฝ้ารอมาเซราตีสีดำของ คิว อีไป๋
นี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ออกไปทำงานด้านนอกทำให้อดไม่ได้ที่จะกังวล
เธอเองก็สับสนเล็กน้อยเพราะจุดหมายปลายทางไม่ใช่โรงงานหรือโรงแรม
แต่เป็นโรงเรียน
โรงเรียนของ คิว อีไป๋
ก่อนหน้านี้เธอรู้ว่าผลการเรียนของ คิว อีไป๋ ตอนเรียนอยู่นั้นจัดได้ว่ายอดเยี่ยม แต่เธอไม่รู้ว่ามันดีขนาดไหน จนกระทั้งเมื่อว่านหลังจากได้ยินคำพูดของผู้ช่วยฯ ฮั๋น เธอก็รู้ว่าคนคนนั้นสุดยอดแค่ไหน
ในช่วงเกาเข่า(สอบเข้ามหาลัยของจีน) เธอได้คะแนนเต็มในวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ เรียงความของเธอถูกเลือกเป็นให้เป็นต้นแบบ….เธอเป็นคนที่ได้คะแนนสูงที่สุดในภูมิภาค
ทำไมเธอถึงสุดยอดได้ขนาดนั้น?
เซิน หนิงซิน ตกตะลึง
เพราะงั้นงานของเธอวันนี้ก็คือการพา คิว อีไป๋ ไปโรงเรียนของเธอเพื่อที่เธอจะไปกล่าวสุนทรพจน์
ถ้าจะให้ถูกคือ เธอมีหน้าที่ซื้อน้ำและจัดการธุระให้ คิว อีไป๋
“…..”
ตอนที่กำลังคิดอยู่ คิว อีไป๋ ก็ขับ มาเซราตีเข้ามาอย่างงดงาม
วันนี้เธอส่วมชุดสูทสีขาว มันทำมาจากผ้าคุณภาพสูงและมีการทักทอที่วิจิตรบรรจง เธอมีหุ่นที่ผอมเพรียว และเอวที่บาง เธอยังปล่อยออร่าที่ทรงพลังออกมาด้วย
และเมื่อเธอเปิดปากของเธอ แม้แต่เสียงของเธอก็ยังน่ารื่รม เหมือนกับฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่าน
แต่น้ำเสียงของเธอกลับดุดันและถามเธอด้วยความแปลกใจ “ทำไมถึงเป็นเธอหละ เซิน หนิงซิน?”
‘เธอคิดจริงๆหรอว่าฉันอยากจะมา….’
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจในใจ แต่เธอทำได้แค่อธิบายไปตรงๆ “ผู้ช่วยฯ ฮั๋นมีธุระที่ไม่สามารถทิ้งได้ เธอเลยรบกวนให้ฉันมาแทนค่ะ”
รู้ว่าเธอจะต้องไม่พอใจในเรื่องนี้แน่นอน เธอรีบพูดไปอีกประโยคเพื่อหยุดไม่ให้เธอได้พูดทันที่ “ฉันสัญญาค่ะ ว่าฉันจะทำงานที่ได้รับหมอบหมายให้สำเร็จทั้งหมด และไม่เป็นภาระให้คุณแน่นอนค่ะ”
เมื่อได้ยินบรรยากาศก็เย็นยะเยือกไปพักหนึ่ง
คิว อีไป๋ ไม่ได้พูดอะไร แต่จ้องมองเธอก่อนจะเปิดปากหัวเราะเบาๆ
เงียบต่อไปยังดีกว่าส่งเสียงแบบนั้นเลย เซิน หนิงซิน โกรธจนมือสั่น
ยัยเด็กขี้แงนี้กำลังเยาะเยยเธออยู่ใช่ไหม? ใช่ไหม!
รู้ตัวว่ายังไงเธอก็เอาชนะไม่ได้ เซิน หนิงซิน ไม่มีทางเลือกนอกจากจะถอนหายใจแล้วรีบขึ้นรถ
หลังจากจัดกระโปรงของเธอ เธอก็เห็น คิว อีไป๋ โยนเสื้อคลุมมาให้เธอ
“ชุดเดรสของเธอสั้นมาก” เธอพูด ทำไมเป็นพึมพำเหมือนเป็นเรื่องปกติแล้วสตาร์ทรถ “มันยังเช้าอยู่ แค่เห็นเธอฉันก็หนาวแทนแล้ว”
“รีบๆใส่อะไรปิดมันได้แล้ว”
—
รถมาถึงที่หมายในเวลาไม่นาน
หลังจากจับมือกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนและพูดคุยกันเล็กน้อย ทุกคนก็เดินเข้าไปยังห้องจัดงานเพื่อเตรียมเตรียมตัว
เซิน หนิงซิน หาที่นั่งเหมาะๆในแถวหน้า ก่อนจะเปิดกล้องของเธอและเตรียมตัวจะฟังสุนทรพจน์ของคิว อีไป๋
ที่งานมีผู้เชียวชาญที่จะบันทึกภาพอยู่แล้ว เพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก เธอเปิดกล้องของเธอเพราะว่าเธอแค่อยากถ่ายรูปเอาไว้บ้าง
มันเป็น คิว อีไป๋ ที่ขึ้นไปพูดสุนทรพจน์แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงประหม่ากว่าเธออีก
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ขณะที่คิด สไลด์นำเสนอก็เปิดขึ้น แล้ว คิว อีไป๋ ก็ค่อยๆเดินขึ้นไปบนเวที โค้งคำนับ ยิ้ม แล้วเริ่มกล่าวสุนทรพจน์
เธอไม่จำเป็นต้องอ่านสคริปด้วยซ้ำ และเธอยังพูดได้ชัดเจนและลื่นไหล นอกจากเล่าเรื่องร่าวในอดีตเธอก็ยังเน้นไปที่การบอกให้ทุกคนมองไปยังอนาคตและรู้จักถ่อมตน
ทุกๆรอยยิ้มของเธอนั้นช่างสวยงาม
เซิน หนิงซิน ฟังตามตลอดทั้งสุนทรพจน์และยังถ่ายรูปไม่หยุด
หลังจากจบงาน เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเชิญพวกเธอให้รับประทานอาหารด้วยกัน
คิว อีไป๋ ปฏิเสธให้เหตุผลว่าเธอมีงานที่ต้องทำที่บริษัท และหลังจากแลกเปลี่ยนคำพูดกันนิดหน่อยเธอก็รีบขึ้นรถ เมื่อเธอนั่งบนเบาะรถเธอก็พูดขึ้นมาทันทีว่าเธออยากจะดื่มน้ำ
“ทำไมคุณไม่ดื่มตอนอยู่ในโรงเรียนหละคะ?” เซิน หนิงซิน อดไม่ได้ที่จะพูด
“ลิปสติกของฉันจะเลอะหลังจากดื่มนะสิ” คิว อีไป็ มองเธอหยิบเงิน 100 หยวน แล้วโบกมันไปมา “เร็วๆหน่อย ฉันอยากดื่ม ไป๋ซุยซาน”
(จีนเตียน ไป่ ซุย ซาน : Ganten BaiSuiShan น้ำแร่แบรนที่นิยมมากในจีน)
เธอถึงกับเลือกแบรนไว้ด้วย
อยากที่คิดพอเธอออกจากสายตาของประชาชนเธอก็กลับมาเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง
เซิน หนิงซิน สายหน้าก่อนะรับเงินมาแล้วเดินออกจากรถตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
หลังจากซื้อไป๋ซุยซานที่ คิว อีไป๋ ต้องการ เซิน หนิงซิน ก็กลับไปที่รถ เมื่อเธอเปิดประตูรถเธอก็พบว่า คิว อีไป๋ คนนั้นหลับไปแล้ว
กระดุมสองเม็ดบนของเธอถูกปลดออก หัวของเธอที่พิงอยู่ที่พนักพิงเอียงมาทางเธอ เส้นผมบางส่วนติดอยู่ที่ใบหน้าของเธอ
เพราะว่าเธอหายใจแรงกว่าปกติ ผมของเธอแกว่งไปมาเหมือนกำลังโบกมือให้
เธอทำตัวดีและน่ารักมาก
เซิน หนิงซิน เฝ้ามอง คิว อีไป๋ กลัวว่าจะทำให้เธอตื่นเธอจึงไม่กล้าจะขยับตัวแม้แต่น้อย
คิว อีไป๋ ดูจะเหนื่อยมากจริงๆ
เซิน หนิงซิน กลั้นหายใจขณะค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆเธอ อย่างที่คิดใต้ตาของเธอนั้นมีรอบคล้ำจางๆ
มันไม่เคยชัดขนาดนี้มากก่อน แต่มันคงเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานและความทรมานจากความอาการปวดฟันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
น่าสงสาร…
เซิน หนิงซิน ถนหายใจ นั่งตัวตรงและสำรวจเธออยู่ซักพักก่อนจะปิดแอร์รถอย่างเบามือกลัวว่าเธอจะไม่สบาย
ไม่เป็นไรนะตอนนี้นอนให้เต็มที่นะ
—
สุดท้ายแล้ว คิว อีไป๋ ก็นอนได้ไม่นานเท่าไหร
มันมียังมีงานเหลืออีกเยอะมากที่บริษัท เพราะว่าเธออยู่ในสภาพที่ไม่ดีเท่าไหรและกลัวว่าจะลืมอะไรไป เธอตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้เพื่อเตือนตัวเธอเอง
เสียงแจ้งเตือนที่เธอตั้งไว้เป็นเสียงของ อาจิ ที่กำลังร้องเพลงด้วยเสียงเห่าของเขา เมื่อเสียงเตือนดัง เธอก็ตื่นขึ้นมาทันที่
และงัวเงียเล็กน้อย
น่าจะเพราะลืมไปว่ามีคนอีกคนอยู่กับเธอ คิว อีไป๋ ชะงักไปก่อนจะพิงหัวของเธอกับพวงมาลัยรถพึมพำอะไรบางอย่าง น้ำเสียงของเธอฟังดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ “น่ารำคาญชะมัดเลย ฉันไม่อยากทำงานแล้ว ฉันไม่อยากกลับไป….”
หลังจากพึมพัมอะไรคล้ายๆกันอีกสามสี่ครั้ง เธอก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเธอเห็น เซิน หนิงซิน เธอก็ตัวแข็งไปทันที
ใบหน้าของเธอกำลังแสดงความอับอายออกมา
“…..”
กลัวว่าเธอจะเก็บไปคิดแค้นอีก เซิน หนิงซิน รีบหยิบเอาไป่ซุยซานออกมาและพูดกับเธอเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “ฉันซื้อน้ำมาให้คุณแล้วค่ะ”
“โอ๋” คิว อีไป๋ ทำเป็นนิ่งแล้วเอื่อมมือมาหยิบมันไป เธอเปิดฝาขวดแล้วจิ๊บสองสามครั้ง ก่อนที่เธอจะไอออกมาเบาๆแล้วเตรียมตัวจะสตาร์ทรถและหนีออกมาสถานการณ์นี้
ก่อนที่เธอจะได้ขยับตัวเธอก็ได้ยิน เซิน หนิงซิน พูด “ประธาน คิว วันนี้คุณมีงานต้องทำอีกเยอะหรอคะ?”
ไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอถามแบบนั้น คิว อีไป๋ ตอบเหมือนไม่ใส่ใจ “ก็พอได้”
“คุณจำเป็นต้องทำมันให้เสร็จในวันนี้เลยหรอ?”
“มันมีเรื่องที่ต้องทำให้เสร็จก่อนวันพรุ่งนี้” เธอบอก ก่อนจะรีบถาม “เธอจะถามไปทำไม?”
“ไม่มีอะไรค่ะ” เซิน หนิงซิน สายหน้า และหลังจากลังเลนิดหน่อยเธอก็ตอบ “คุณแค่ดูเหนื่อยมาก”
“ถ้างานไม่ได้เร่งด่วนมาก ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าคุณพักผ่อนบ้าง”
เธอรู้สึกว่ายัยเด็กขี้แยนี้ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร
มันชัดเจนว่ามีงานมากมายที่เธอสามารถส่งต่อให้ลูกน้องได้แต่เธอก็เลือกที่จะทำด้วยตัวเอง
เธอทำงานทุกวันและทำงานล่วงเวลาทุกคืน แม้แต่ตอนที่เธอมีอาการปวดฟันอย่างรุนแรงเธอก็ยังมุ่งมั่นจะไปทำงานและไม่พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย
แบบนั้นมันไม่ดีเลย….
ดูเหมือนจะไม่คาดคิดว่าเธอจะเป็นคนพูดเรื่องพวกนี้ออกมา คิว อีไป๋ งุนงงไปซักพักในตอนนี้แม้แต่ความสามารถในการควบคุมสีหน้าของเธอที่แสนจะภูมิใจก็ยังไม่สามารถควบคุมมันได้ มันใช้เวลาพักใหญ่ก่อนที่เธอจะกลับมาเป็นปกติ
เธอยกคิ้วขึ้นแล้วพึมพาเบาๆ “ถ้าฉันหยุดพักแล้วใครจะทำงานให้ฉันหละ”
“ฉันช่วยได้นะคะ” เซิน หนิงซิน พูดทันทีที่ได้ยิน
“ตราบเท่าที่ฉันรู้วิธีทำ ฉันสามารถช่วยคุณทำมันได้ค่ะ”
บรรยากาศเงียบลงเป็นเวลานาน และ คิว อีไป๋ ก็ไม่พูดอะไร
ตอนที่ เซิน หนิงซิน คิดว่าเธอกำลังจะโดนปฏิเสธนั้นเอง คิว อีไป๋ ก็พูดออกมา
เธอหันหน้าหนีเพื่อซ้อนดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ เธอถาม “โอเค บอกฉันหน่อยสิเราควรทำอะไรกันดี”
เมื่อได้ยิน เซิน หนิงซิน ก็ยิ้ม
เธอเห็นเวย์ปั๋วของ คิว อีไป๋ เมื่อสองวันก่อน ยัยคนนี้รีโพสต์อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสวนสนุก เซิน หนิงซิน คิดว่าเธอคงอยากจะไปเที่ยวและลองแนะนำเธอดู
คิว อีไป๋ รีบสายหน้าหลังจากได้ยิน “ไม่ นั้นเป็นที่ๆเด็กไปกันฉันไม่ไปหรอก”
“ผู้ใหญ่ก็ไปได้นะ” รู้ว่าเธอคงตอบแบบนี้ เซิน หนิงซิน ล้อลวงเธอต่อไป “พวกเขาพึ่งจะเพิ่มเครื่องเล่นใหม่ๆมาเยอะเลย เค้กเองก็อรอ่ยแถมยังมีละครตุ๊กตาด้วย…”
เธอพูดเยอะมาก และเป็นอย่างที่เธอคิด คิว อีไป๋ เริ่มสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็ยังไม่ชอบแสดงมันออกมา ถามคำถามกลับมา “เธออยากไปขนาดนั้นเลยหรอ?”
‘ใช่ ใช่ ใช่ เป็นฉันเองแหละที่อยากไป’
เซิน หนิงซิน ยิ้มและพยักหน้า ดวงตาของเธอกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว เธอบอก “ขอบคุณค่ะประธาน คิว”
ตอนนี้ คิว อีไป๋ ไม่สามารถปฏิเสธเธอได้อีกแล้ว
ใช้เวลาไม่นาน เธอก็พยักหน้า “พูดให้เข้าใจก่อนนะ ฉันแค่ไปเป็นเพื่อนเธอ”
“ฉันไม่มีทางอยากไปที่เด็กๆแบบนั้นหรอก”
แต่ว่าความตื่นเต้นและความคาดหวังในดวงตาของเธอนั้นชัดเจนจนยากที่จะไม่สังเกตุ….
—
เขาไปเด-…เที่ยวกันแล้ว ทั้งสองคนเริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ น่ารักจริงๆ
-A Cup of Owls
MANGA DISCUSSION