หลังจากโพสต์ภาพน้องหมาต่อแถว คิว อีไป๋ ก็ไม่ได้อัพเดทโมเม็นของเธออีกเป็นเวลาหลายวัน
สาเหตุหลักมันเป็นเพราะว่าเธอไม่มีเวลามันมีปัญหากับลูกค้าฝั่งญี่ปุ่นและ คิว อีไป๋ ก็ออกเดินทางไปพร้อมกับพนักงานขายที่เกี่ยวข้องทันทีที่ได้รับข้อความและพวกเธอก็ยังไม่ได้กลับมา
5 วันแล้วที่ เซิน หนิงซิน ไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้เห็นแม้แต่เงาของเธอ
อย่างน้อยเธอก็ทำงานในมือเสร็จหมดแล้ว หลังจากช่วงสิ้นเดือนผ่านไปออฟฟิศก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้งนอกจากงานที่จำเป็นต้องทำสิ่งที่เหลืออยู่ก็มีแค่เวลาว่าง
ภายใต้ช่วงเวลาที่แสนจะสบายนี้น้ำหนักของ เซิน หนิงซิน ก็เพิ่มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันบอกแล้วไง” หวัง ฉี ยิ้มแล้วพูดคุยกับ เซิน หนิงซิน ขณะที่เธอกำลังกินเมล็ดแตงโม “บริษัทเราขุ่นพนักงานได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ? เซี่ยวเซิน น้ำหนักเธอขึ้นใช่ไหม?”
เซิน หนิงซิน ผงะยกมือขึ้นมาจับหน้าของเธอโดยไม่รู้ตัว
มันชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ?
เธอสูง 165 เซนติเมตรและต่อให้น้ำหนักไปเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยเธอก็ยังหนักน้อยกว่า 45 กิโล เธอมีรูปร่างที่สมส่วนเอวเป็นเอวขาเป็นขาไม่มีตรงไหนของเธอที่ดูจ่ำม่ำ
เธอไม่รู้เลยว่าคนอื่นจะมองออกได้ยังไง
ขณะกำลังสงสัยเธอก็ได้ยิน หวัง ฉี พูดต่อ “ฉันแอบเห็นเธอชั่งน้ำหนักที่หน้าประตูเมื่อเช้า”
เสียงของเธอค่อนข้างจะดังมีคนหลายคนที่หันมามองทางพวกเธอ พวกเขามีรอยยิ้มเอ็นดูอยู่บนหน้าเหมือนกำลังบอกว่าการที่น้ำหนักขึ้นเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้
นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว
เซิน หนิงซิน ยิ้มและหัวเราะออกมาแต่แก้มของเธอนั้นกำลังกลายเป็นสีแดง
เธอควรจะ…เริ่มลดน้ำหนักตั้งแต่วันนี้สินะ
มันเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆในวันนั้น
ก่อนที่จะหมดเวลางาน ฉ่าง เจ๋ มีธุระด่วนเข้ามาพอดีและทำเรื่องขอลากลับบ้านก่อนครึ่งชั่วโมง ก่อนเธอจะกลับ เธอบอกให้ เซิน หนิงซิน ช่วยดูอีเมลล์จากลูกค้าที่อินเดียด้วย
“โอเคค่ะ” เซิน หนิงซิน หยักหน้ารับแล้วบอกลาเธอ “รักษาตัวด้วยนะคะ”
“โอเค ขอบคุณที่ช่วยนะ” ฉ่าง เจ๋ โบกมือแล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
เซิน หนิงซิน มองตามทางที่เธอจากไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตามาดูเมลล์บ็อค
อีเมลล์ล่าสุดส่งมาเมื่อ หนึ่งชั่วโมงก่อน หลังจากที่อีกฝ่ายอธิบายว่าพวกเขาต้องการต้องตรวจสอบรุ่นก่อนจะสั่งซื้อ พวกเขาก็ยังไม่ได้ตอบอะไรอีกเลย
ตอนนี้มันเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อนเลิกงาน และ เซิน หนิงซิน คิดว่าพวกเขาคงไม่ตอบกลับมาในวันนี้แล้ว
แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น
ก่อนเวลาเลิกงานเพียงแค่ สามนาที เธอก็ได้รับอีเมลล์บอกว่าพวกเขาได้แนบไฟล์ที่บอกรุ่นของสินค้าที่พวกเขาอยากจะซื้อเอาไว้ และต้องการให้ส่งสัญญาซื้อขายกลับไปให้เร็วที่สุด
เมื่อเธอเห็นมัน เธอก็ทำเป็นไม่สนใจมันไม่ได้จริงๆ เซิน หนิงซิน คลิกที่ไฟล์แนบ
แล้วเธอก็เกือบจะเป็นลม
ต่างกับลูกค้าทั่วไป ลูกค้าเจ้านี้ต้องการเมล็ดแก้วจำนวนน้อยสำหรับแต่ละคำสั่งซื้อ มันมีมากกว่าสิบประเภท จำนวนในแต่ละคำสั่งซื้อมีแค่ 2 หรือ 3 ตัน และราคาของแต่ละประเภทก็ต่างกัน
สำหรับ เซิน หนิงซิน แค่คำนวณราคาและจำนวนก็ใช้เวลานานมากแล้ว
ตอนที่เธอทำมันจนเสร็จ ออฟฟิศก็ไม่เหลือใครแล้ว
ยังโชคดีที่เธอคุ้นเคยกับการทำงานล่วงเวลามากแล้วในช่วงหลายวันนี้เธอจึงรีบร่างสัญญาและปริ้นมันออกมา ประทับตรา แสกนพวกมัน และส่งมันกลับไป
ทันที่ทำเสร็จ เธอก็เตรียมรายการสั่งซื้อและรายการบรรจุหีบหอเอาไว้ล้วงหน้าเลย
เมื่อมองอีกทีเวลาก็ผ่านไป 20 นาทีแล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วขยับคอไปมา ก่อนที่ เซิน หนิงซิน จะหยิบกระเป๋าของเธอและกลับบ้าน เมื่อเธอมาถึงลิฟต์ ก่อนที่เธอจะได้กดปุ่ม เธอก็พบกับ คิว อีไป๋ ที่พึ่งจะกลับมาจากการเดินทางไปทำธุรกิจ
“…..”
ลิฟต์นี้มันเป็นจุดนัดพบของพวกเธอจริงๆ
ตอนนี้เธอไม่ตกใจแล้วด้วยซ้ำ
เซิน หนิงซิน ยิ้มและทักทายเธอ “ยินดีตอนรับกลับ ประธาน คิว”
“อืม” คงจะไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอ เซิน หนิงซิน ในเวลานี้ ใบหน้าของ คิว อีไป๋ แสดงความตกใจออกมา “ทำไมเธอยังไม่กลับอีก?”
เซิน หนิงซิน ตอบกลับตามความจริง “ฉันมีเอกสารต้องทำก่อนจะถึงเวลาเลิกพอดีค่ะ และใช้เวลากับมันพอสมควร ฉันกำลังจะกลับพอดีเลย….”
ก่อนที่เธอจะได้พูดจบ เธอก็เห็น คิว อีไป๋ ส่งสัญญาณมาทางเธอ มานี้และช่วยอะไรฉันหน่อย ใช้เวลาของเธอไม่นานหรอก”
มันเป็นฉากที่คุ้นๆยังไงไม่รู้
กลัวว่าเธอจะเอาไปเขียนลงเวย์ปั๋วอีก เซิน หนิงซิน ทำได้แค่พยักหน้า “ค่ะ”
ยังไงเธอไม่มีแผ่นอะไรหลังเลิกงานอยู่แล้ว
เธอตาม คิว อีไป๋ เข้าไปในออฟฟิศของเธอ แล้วนั่งลง จัดเอกสารพล่างมอง คิว อีไป๋ ทำงานไปด้วยจากหางตาของเธอ
ผ่านไป 20 นาที เธอก็จัดเอกสารจนเสร็จ
คิว อีไป๋ กวาดตามองพวกมันคร่าวๆก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่เธอจะหยิบกระเป๋าเดินทางที่เธอนำไปด้วยตอนเธอเดินทางออกมา
เธอคล้ำหาอยู่ซักพักก่อจะหยิบช็อกโกแลตถุงใหญ่ออกมา
มันเป็นยี่ห้อที่ เซิน หนิงซิน เคยเห็นในอินเตอร์เน็ตมาก่อน แค่ชิ้นเดียวมันก็แพงมากแล้ว เธอสงสัยว่าทั้งหมดนั้นมันจะราคาเท่าไหรกัน
“ฉันซื้อมาเยอะเกินไป” เธอพูดก่อนจะดันมันมาใกล้ๆเธอ เหมือนเธอไม่สนใจมัน “เธอช่วยฉันจัดการมันให้ฉันหน่อยนะ”
คงไม่ใช่ว่าเธอกำลังขอบคุณที่เธอช่วยงานอีกหรอกนะ ใช่ไหม?
คิว อีไป๋ เธอไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้!
เซิน หนิงซิน พูดไม่ออกไปซักพัก ก่อนจะสายหน้าของเธอ สื่อว่าเธอไม่อยากได้พวกมัน
เธอพึ่งจะตัดสิ้นใจจะลดน้ำหนักวันนี้ เธอยังไม่ยอมแพ้ให้กับช็อกโกแลตพวกนี้
อีกอย่าง เธอรู้สึกเขินนิดหน่อย
ไม่กี่วันก่อน เธอนึกถึงการ์ดที่ คิว อีไป๋ ให้เธอมา แล้วลองเอาไปตรวจสอบแล้วพบว่ามันยังมีเงินอีก 1000 หยวน เหลืออยู่ มันแทบจะเท่ากับรายได้ของเธอหลายวันเลย
เพราะงั้นครั้งนี้เธอรับมันไว้ไม่ได้จริงๆ
เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่เธอต้องการ คิว อีไป๋ นิ่งไป บรรยากาศเย็นเฉียบขึ้นมาทันตา
ทั้งสองคนยืนนิ่งกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ คิว อีไป๋ จะขยับ เธอเอื่อมมือของเธออกมาดันถุงช็อกโกแลตมาข้างหน้า เธอยกคิ้วของเธอขึ้น เป็นสัญญาว่าให้เธอเอามันไป
เซิน หนิงซิน ยังคงสายหน้า
“งั้นก็กลับไปได้แล้ว” คิว อีไป๋ พูด “แล้วก็ปิดประตูด้วย”
น้ำเสียงของเธอดูปกติ เธอคงจะไม่ได้โกรธอะไร
เซิน หนิงซิน พยักหน้าแล้วออกมาหลังจากบอกลาแล้ว
เธอไม่ได้สังเกตุว่า คิว อีไป๋ แอบเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดเวย์ปั๋วด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“…..”
—
กว่า เซิน หนิงซิน จะรู้ตัว มันก็เป็นบ่ายวันต่อมาแล้ว
คิว อีไป๋ ซื้อของฝากมามากมายจากต่างประเทศให้กับพนักงานในบริษัท ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกจากความชอบของแต่คน เช่น ของขึ้นชื่อประจำถิ่น งานทำมือ เครื่องสำอาง และ อื่นๆ
เธอขอให้ผู้ช่วยฯ ฮั๋น ช่วยส่งมันให้กับทุกคน แต่มันไม่มีของ เซิน หนิงซิน
ผู้ช่วยฯ ฮั๋น คิดว่ามันแปลก เธอเลยเดินไปหา เซิน หนิงซิน ที่โต๊ะของเธอแล้วถามเบาๆ “เธอทำประธาน คิว โกรธหรอ?”
เธอไม่ได้คิดว่าเธอทำนะ
ตอนที่ เซิน หนิงซิน กำลังจะสายหน้านั้นเอง เธอก็นึกย้อนไปถึงช็อกโกแลตเมื่อคืน
กลายเป็นว่านั้นเป็นแค่หนึ่งในของฝากที่ ประธาน คิว ซื้อกลับมา มันไม่ได้เป็นของที่จะให้เธอเป็นพิเศษ
เมื่อรู้ตัวสีหน้าของ เซิน หนิงซิน ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วพยักหน้าช้าๆ
ผู้ช่วยฯ ฮั๋น ยกมือของเธอขึ้นมาตบไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะปลอบ “เธอควรหาเวลาไปขอโทษเธอนะ”
หลังจากพูดแบบนั้น เธอก็เดินไปแจกของต่อ ทิ้ง เซิน หนิงซิน นั่งงุนงงอยู่ตรงนั้น ผ่านไปซักพักเธอก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและเปิดเวย์ปั๋วขึ้นมา
อย่างที่คิดมันมีอัพเดต
“หลังจากที่ฉันพยายามเอาช็อกโกแลตถุงนั้นกลับมา เซิน หนิงซินกลับไม่อยากได้มัน! ฉันโกรธมากๆ ฉันจะกินมันให้หมด จะไม่เหลือให้เธอซักชิ้นเลย!”
“….”
เซิน หนิงซิน ปิดโทรศัพท์ของเธอ แล้วเงยหน้าขึ้น เธอพบว่าถุงช็อกโกแลตนั้นวางอยู่ข้างๆ คิว อีไป๋ จริงๆ
เธอยืนขึ้นเล็กน้อยและแอบเห็นกระดาษห่อที่ว่างเปล่าหลายอันถูกทิ้งอยู่ในถังขยะใกล้ๆเธอ
คำสองคำลอยขึ้นมาในหัวของเธอ ‘แย่แล้ว’
เธอไม่รู้ว่าครั้งนี้ คิว อีไป๋ จะเก็บมันไปคิดแค้นอีกกี่วัน
—
ส่งที่เกิดขึ้นมันพิสูจน์ว่าเธอคิดถูก หลังจากวันนั้น คิว อีไป๋ ก็หลบหน้าเธอตลอด และในเวลาเดียวกันถุงช็อกโกแลตนั้นก็ค่อยๆแฟบลงเรื่อยๆ
เซิน หนิงซิน หาโอกาสดีๆที่จะคืนดีกับเธอไม่ได้ เพราะงั้นทั้งสองคนเลยปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นต่อไป
จนกระทั้งวันที่สามที่เธอพบว่าอยู่ๆ คิว อีไป๋ ก็ส่วมหน้ากากอนามัย
มันมีฝนตกมาหลายวัน อากาศเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว หลายคนในออฟฟิศก็เริ่มเป็นหวัดกัน เสียงคนจามดังไปทั่วทุกที่
เซิน หนิงซิน คิดว่าเธอคงจะไม่สบายเหมือนกัน เพราะงั้นเธอเลยจะใช้โอกาสนี้ในการคืนดี เธอเอายาแก้หวัดให้กับเธอด้วย
แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง คิว อีไป๋ มองหน้าเธอแล้วเดินหนีไป เธอไม่พูดอะไรหรือแม้แต่จะพยักหน้าเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง
เธอยังโกรธอยู่หรอเนี้ย
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับโต๊ะของเธอไปด้วยความผิดหวัง ขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีอื่น เธอก็ได้รับไฟล์จาก คิว อีไป๋
มันเป็นเอกสาร ตามด้วยประโยค “ฉ่าง เจ๋ กำลังยุ่ง ช่วยตรวจมันให้เธอแล้วส่งกลับมาให้ฉันทีหลังด้วย”
‘เธอคุยกับฉันด้วย’
เซิน หนิงซิน ดีใจมากๆ น้ำหนักที่กดทับเธออยู่ได้หายไปทันที่ เธอค่อยๆตรวจสอบเอกสารอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะส่งมันกลับไป
ไม่นาน คิว อีไป๋ ก็ตอบกลับมาว่า “ไม่เลว”
เซิน หนิงซิน รีบตอบกลับด้วย ใบหน้ายิ้ม แล้วลุกขึ้นอยากมีความสุขแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
ในระหว่างที่เธอกำลังจะออกมาจากโต๊ะทำงานของเธอ เธอกำลังคิดว่าเด็กขี้แยคนนี้โกรธเธอนานมากเลยครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะต้องระวังมากกว่านี้ในอนาคต และต้องพยายามเข้าใจ คิว อีไป๋ มากกว่านี้
ขณะที่คิดตอนที่เธอกำลังจะเลี้ยวพอดี เธอก็เห็น คิว อีไป๋ รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอมองไปรอบๆและเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ เธอก็ยืนมองกระจกแล้วยกมือขึ้นมาจับแก้มของเธอ
ก่อนที่ เซิน หนิงซิน จะได้ทักทายเธอ เธอก็ได้ยิน คิว อีไป๋ คุยกับตัวเอง เธอไม่รู้ว่าเธอพุดด้วยภาษาอะไรและใช้เวลาอยู่ซักพักถึงจะเข้าใจ
มันเป็นภาษาจีนที่ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานเท่าไหร่ มันเบาและอู่อี้ บวกกับสายตาที่แสดงความหงุดหงิดของเธอ มันค้อนข้างจะน่าสนใจเลยหละ
“ฉัมไม่ได้คินเยอะคนาดนั้น ทามไมมันคึงบวมคนาดอี้…”
“มัมเค็บคะคายอู่แล้ว!”
มันน่าสงสารและก็น่าขันในเวลาเดียวกัน
ในที่สุด เซิน หนิงซิน ก็เข้าใจว่าทำไมเธอไม่พูดอะไรเลย
กลายเป็นว่ามันไม่ใช่เพราะเธอไม่สบาย แต่เป็นเพราะเธอกินช็อกโกแลตมากเกินไปด้วยความโกรธและปวดฟันเพราะมัน เธอเลยพูดไม่ได้จริงๆ
ทำไมเธอยังมาทำงานอยู่หละ ไปหาหมอฟันสิ!
—
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ
“ฉันไม่ได้กินเยอะขนาดนั้น ทำไมมันถึงบวมขนาดนี้…”
“มันเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
โอ๊ยยย ยัยเด็กนี้มันน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ งอนเขาจนตัวเองปวดฟันเลย 555
ซินซินเองก็แอบเหมือนเด็กง้อแฟนเหมือนกันนะ
-A Cup of Owls
MANGA DISCUSSION