หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 567 น่าเวทนาอย่างเหลือแสน
ตอนที่ 567 น่าเวทนาอย่างเหลือแสน
มังกรทองตัวน้อยเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะเบียงสายตามองท่านเลี่ยวด้วยท่าที่ตื่นเต้นเร้าใจ
“นายท่านโปรดวางใจ มีภารกิจใดที่นายท่านมอบหมายแล้วข้าไม่อาจทําให้ลุล่วงถึงผลสําเร็จ
“ว่าแต่นายท่านเก่งจริง ๆ นี่มันผงโอสถอันใดแปลกประหลาดยิ่งนัก”
“คิดไม่ถึงเลยว่าใต้หล้าจะมีผงโอสถเยี่ยงนี้อยู่ด้วย…ฮ่าฮ่าฮ่า นี่หากพวกเราไม่ต้องออกจากเทือกเขาสลายวิญญาณ ข้าคงตั้งตารอชมวาระสุดท้ายของเจ้านี้อย่างใจจดใจจ่ออย่างแน่นอน”
หญิงสาวลูบหัวน้อย ๆ ของอีกฝ่ายพลางกล่าว
“ไม่ต้องมาทําประจบประแจงเลย หากเจ้าอยากรู้ไว้ข้าจะหาเวลามาสอนการปรุงผงโอสถชุดนี้ให้เจ้า”
“โอ้ว !! ขอบคุณนายท่าน !”
มังกรทองตัวน้อยดีดตัวสูงขึ้นถึงสามศอก ก่อนจะเหาะลงมาเตรียมเกี่ยวรวบร่างของท่านเดี่ยว
“นายท่าน เช่นนั้นข้าขอตัวไปหาสถานที่สงบ ๆ ให้เจ้านี่ได้สงบสติอารมณ์สียก่อน”
เพิ่งจะยามนี้เองที่ความหวาดกลัวเริ่มพาดผ่านนัยน์ตาของท่านเดี่ยว เขาไม่เข้าใจบทสนทนาระหว่างนายและสัตว์เวทคู่นี้จริง ๆ หากแต่เขารับรู้ได้ว่าตนอาจประสบกับชะตากรรมอันโหดร้าย
เพียงกรงเล็บของมังกรทองตัวน้อยเกี่ยวร่างของเขาลอยขึ้นฟ้า ท่านเลี้ยวก็ร้องตะโกน โหวกเหวกด้วยอาการเดือดดาล
“ซีเยว่ นางหญิงสารเลว เจ้าคนไร้ยางอาย ! ข้าจะรอดู รอดูอาจารย์ของข้ากลับมาล้างแค้นให้ข้า ข้าจะจับเจ้ามาทําหุ่นเชิด จะให้คลานสีขาเข้ามาเลียแข้งเลียขาข้า..ซีเยว่ หากเจ้าสังหารข้า ผู้พิทักษ์ในเงามืดผู้เป็นอาจารย์ของข้าจะไม่มีวันละเว้นเจ้าอย่างแน่นอน ! ตระกูลเพิ่งจะไม่มีวันรามือจากเจ้าอย่างแน่นอน”
มุมปากของนางขยับยกยิ้มเยาะ กระทั่งปลายหางตาก็ไม่เหลือบแลมองสวะที่น่ารังเกียจนั่นอีกหญิงสาวหันหลังเดินจากไปอย่างไรเยื่อใย
ตระกูลเฟิง ไม่ข้าก็เจ้าจักต้องแดดิ้นกันไปสักข้าง ข้าจะรอชมวันที่เจ้าต้องสิ้นชื่อไปจากยุทธภพ
มังกรทองตัวน้อยขยุ่มชายเสื้อท่านเลี่ยวเหาะเหินสํารวจไปตามสถานที่น้อยใหญ่ทั้งหลายกระทั่งที่สุด เขาจึงพบช่องเขาที่ลึกลงไปหลายร้อยจ้าง
*1 จ้างคือ 3.3 เมตร
ช่องเขานี้มีลักษณะทั้งล็กทั้งแคบ สามารถเบียดร่างผ่านได้คราละหนึ่งคนเท่านั้น บริเวณก้นเขามืดสนิททั้งยังอับชื้น แม้แต่แสงตะวันก็มิอาจเล็ดลอดส่องถึง เพียงชะโงกแลมองย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นเย็นยะเยือกที่บริเวณด้านล่าง
มังกรทองตัวน้อยหัวเราะร่วนเมื่อได้พบสถานที่อันน่าพึงพอใจ
เขาจิกร่างท่านเลี่ยวโฉบลงเหนือช่องเขา ครั้นเมื่อถึงตําแหน่งที่เล็งแลไว้แต่แรกจึงคลายกรงเล็บทิ้งร่างที่ไร้แขนขาของท่านเอี่ยวลงในช่องเขานั้น
มันส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความตื่นตกใจ พยายามขยับหมายดิ้นรนหาทางรอด หากทว่ากลับต้องสิ้นหวัง
ยามนี้มันต้องพบกับความน่าตื่นผวาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด เมื่อต้องถูกทิ้งไว้ในช่องเขามืดดําเล็กแคบที่ไม่อาจแม้กระทั่งขยับเขยื้อนกาย
มังกรทองตัวน้อยผู้ลอยคว้างกลางอากาศก้มลงมองมันจากเบื้องบนพลางกล่าวทอดอาลัย
“สถานที่นี้นับว่ายอดเยี่ยม ถึงเจ้ามิอาจเห็นเดือนเห็นตะวัน ทว่าสถานที่แห่งนี้ก็ปกคลุมไปด้วยขุมพลังที่เบาบางเพียงพอจะประคองลมหายใจของเจ้ามิให้ถึงแก่ความตาย แม้นว่าเจ้าจะปรารถนาในความตายสักเพียงไรก็ตามที อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังล็กห่างจากผืนดิน ช่องเขาก็คับแคบเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเหล่าสัตว์เวทยังมิอาจพลัดหล่น เช่นนั้นต่อให้เจ้าเพียรใช้กระแสจิตสื่อสารเพิ่นนานถึงพันปีย่อมไม่มีผู้ใดสามารถพบเจอตัวเจ้า”
สองตาของมันตื่นผวา น้ําเสียงของมันสั่นเครือ
“เจ้า…เจ้าหมายความเช่นไร ? เจ้าจะทิ้งข้าไว้ที่นี่เช่นนี้หรือ ? ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน…หากตะเกียงชีวิตของข้ามอดดับ อาจารย์ของข้าจะล่วงรู้ได้ทันที ท่านอาจารย์คือผู้สามารถบรรลุถึงพลังฝีมือขันย้ายเคลือนจิตวิญญาณ เขาจะไม่ละเว้นพวกเจ้าอย่างแน่นอน !”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
มังกรทองตัวน้อยระเบิดเสียงหัวเราะลัน
“คลายใจได้ ตะเกียงชีวิตของเจ้าจะไม่มีวันมอดดับลงโดยง่าย นายท่านบอกแล้วมิใช่หรือ ว่าไม่สมควรให้เจ้าถึงแก่ความตายโดยง่าย หาไม่แล้วจะเป็นการดูถูกเจ้าเกินไป! เจ้าไม่อยากรู้จริง กระนั้นหรือ ว่านายท่านโปรยผงใดลงบนร่างของเจ้า ? อ้อ ! จริงสิ อีกไม่นาน เจ้าก็จะได้รู้เอง !”
***จบตอน น่าเวทนาอย่างเหลือแสน***