หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 56
วันที่สิบสองเดือนสิบสอง ทางหอพักตัดไฟฟ้า
กู้สวงส่วงเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า หนังสือเรียน และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเธอ กลับไปยังคฤหาสน์ฮวาซี
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ติดต่อกับเธอในช่วงนี้ ต่างรับรู้ได้ถึงความเซื่องซึม เหนื่อยล้า และอ่อนเพลีย ที่ออกมาจากก้นบึ้งภายในใจเธอ
ป้าโจวถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า
กู้สวงส่วงชะงัก แล้วยิ้มเศร้าๆ “สายตาก็เอาแต่คอยมองผู้ชายที่มองไม่ได้อยู่เรื่อยเลย อกหักอีกแล้วสินะ”
ป้าโจวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบโทรศัพท์กลับไปหานายท่าน
แต่ทว่า เมื่อเธอรายงานเรื่องราวทั้งหมดจบลง นายท่านกลับไม่พูดอะไร และกดตัดสายไปอีก!
-
ช่วงปิดเทอมภาคฤดูหนาวของนักศึกษาคือการอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรให้ทำ แต่ป้าโจวกลับรู้สึกว่าปิดเทอมหน้าหนาวปีนี้ไม่ปกติ คุณผู้หญิงใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกวัน เธอล็อกประตูขังตัวเองอยู่ในห้องนอนเอาแต่นั่งแก้แบบร่างบนโต๊ะหนังสือ แม้เวลาออกไปข้างนอกก็แค่เพื่อออกไปสัมภาษณ์งานพาร์ทไทม์เท่านั้น
และนายท่านก็เช่นกัน อย่าพูดถึงการโพล่หน้าออกมาให้เห็นในตอนกลางคืน แม้แต่โทรศัพท์ยังไม่รับสักสาย
ป้าโจวว้าวุ่นใจ เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้กันแน่?
กู้สวงส่วงเกลียดที่ทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนี้ เธอกดดันเวลาและตัวเอง เพราะตราบใดที่รู้สึกผ่อนคลาย ใบหน้าเคร่งขรึมนั่นก็จะผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัวทันที
แบบร่างถูกแก้ไขเป็นครั้งที่สอง ทุกครั้งที่นึกถึงลู่ซีหลี ทุกอย่างจะย้อนกลับมาอย่างไร้ความปรานี
กล่าวได้ว่า หญิงสาวอ่อนโยนผู้นี้ เวลาทำงานเธอจริงจังและแข็งกร้าวอย่างมาก
ไม่มีเส้นทางลัด มีเพียงแค่แรงบันดาลใจ ความอดทนและการแก้ไขปรับปรุงเท่านั้น
ปิดเทอมภาคฤดูหนาวเป็นระยะเวลาเดือนกว่าๆ กู้สวงส่วงไม่อยากสุรุ่ยสุร่าย ทุกวันนี้เธอกับเสี่ยวซวงกำลังคิดหาหนทางเพิ่มรายได้
พวกเธอพบข้อมูลงานพาร์ทไทม์บนอินเทอร์เน็ตของสโมสรแห่งหนึ่ง เป็นสปอร์ตคลับ
ดูเงื่อนไขการรับสมัครงานคร่าวๆ ส่วนในเรื่องของเงินเดือนทั้งสองคนคิดว่าโอเค ทั้งคู่จึงใช้เวลาช่วงบ่ายไปสัมภาษณ์งาน
รูปลักษณ์ภายนอกทั้งรูปร่างหน้าตาของทั้งคู่สะดุดตา ทำให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพึงพอใจอย่างมาก
หลังจากที่ตัดสินใจ ก็เริ่มทำงานได้ทันที
ภายนอกและภายในของสโมสรแห่งนี้หรูหรา ทั้งรถและป้ายทะเบียนรถดูก็รู้ว่าลูกค้าที่ต้องเผชิญเป็นคนระดับไหน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการชั้นสูงและนักธุรกิจมีชื่อเสียง
งานของกู้สวงส่วงเป็นงานสำหรับผู้หญิง เมื่อมีลูกค้าผู้ชายสั่งมา พวกเธอต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา ราวกับเป็นไม้ประดับ ทำให้ลูกค้าประทับใจ และคอยส่งน้ำส่งผ้าให้เป็นครั้งคราว
ทำงานสามวัน ได้ยืนทั้งสามวัน เสี่ยวซวงบ่นว่าเจ็บข้อเท้า ข้อเท้าของกู้สวงส่วงเองก็ได้แผลไม่ต่างกัน
“กลับไปก็ให้รุ่นพี่เจียงโจวนวดให้เธอสิ” กู้สวงส่วงวางจานซ่อนกันไว้เป็นชั้นๆ
ทั้งสองคนเดินออกมาจากโรงอาหารสำหรับพนักงาน ทางประตูข้างของสโมสร เวลางานช่วงบ่ายกำลังจะมาถึง
เสี่ยวซวงเหน็บแนม พูดว่าแขกเหล่านี้เป็นพวกคนมีเงิน แต่พระเจ้าก็ช่างไม่ยุติธรรม ให้เกิดมาหน้าตาน่าขี้เหร่ขนาดนี้
กู้สวงส่วงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั่นต้องหยุดชะงักทันที เพราะขายาวๆ ของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา
เสี่ยวซวงมองตามเธอไป แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง
เพิ่งบ่นเรื่องพวกคนหน้าตาขี้เหร่ไปเมื่อสักครู่ ตอนนี้เทพบุตรก็ปรากฏตัวออกมา!
ทางด้านเวินจิ่นไหวมองเห็นกู้สวงส่วงได้ทันที เสียงพูดคำว่า ‘เสี่ยวกู้กู้’ ยังไม่พ้นออกมาจากปาก
สายตาพลันมองเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มั่วเฉิง?”
เสิ่นมั่วเฉิงไม่สนใจเวินจิ่นไหว รีบปรี่เข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ท่าทีของเขายังคงเคร่งขรึมเช่นเดิม ชายหนุ่มเดินผ่านไปโดยไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดเลยสักนิด
กู้สวงส่วงยืนอยู่ตรงนั้น รวดเร็ว ราวกับว่ามีลมหนาวพัดผ่านไปข้างๆ
ไม่ได้เจอกันนานหลายวัน ชายหนุ่มรูปหล่อในชุดลำลองสีขาว กับใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่สายของเขาราวกับคนแปลกหน้า ไม่มองมาที่เธอเลยด้วยซ้ำ
เขาเดินผ่านไป อย่างไม่แยแส
เสี่ยวซวงจ้องมองแผนหลังของเทพบุตรทั้งสองอย่างงุนงง เมื่อชื่นชมหนำใจแล้ว จึงหันไปมองพี่สาวที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ
กู้สวงส่วงกะพริบตาอันเจ็บปวดของตนเอง แล้วกำลังจะเดินออกไป
เสี่ยวซวงนิ่งไปชั่วขณะ จับแขนเธอแน่น “ลุงตัวท็อปของแกคนไหน? คนที่หน้าร้ายๆ หรือคนที่หน้าตาเย็นชาๆ คนนั้น?”
ตามเข้ามาก่อกวนไม่หยุดถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า กู้สวงส่วงจึงกำชับไป
เสี่ยวซวงพยักหน้า “มิน่าล่ะแกถึงได้ตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เป็นชายทั้งแท่ง และยังดูเด็กมาก จะมีลูกชายอายุเจ็ดขวบได้ยังไง?”
กู้สวงส่วงเงียบ ตอนนี้เรื่องทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
เสี่ยวซวงเจอลุงตัวท็อปที่เคยได้ยินเพียงชื่อเป็นครั้งแรก หญิงสาวเนื้อเต้น พูดพร่ำไม่หยุด
ทั้งสองได้รับงานจากลูกค้าไม่เหมือนกัน ก่อนจากกันเสี่ยวซวงคว้าตัวเธอไว้แล้วพูดว่า “แกตาบอดหรือไง ผู้ชายคนนั้นทั้งดูดีมีชาติตระกูล และดูสูงศักดิ์ขนาดนั้น แกมองว่าเขาเป็นเด็กบาร์โฮสต์?”
“แกมองยังไงว่าเขาเป็นคนสูงศักดิ์?”
กู้สวงส่วงสนิทสนมกับผู้ชายคนนี้ พออยู่บนแท่นเขาก็เป็นพวกไม่สนโลก เสียยิ่งกว่านักพรตเฒ่าซะอีก
“ราศีไง! แกมองไม่เห็นความมีสง่าราศีของเขาเหรอ! และอีกอย่าง สถานที่แบบนี้คนธรรมดาๆ จะมีปัญญาเข้ามาใช้บริการไหม? เอ้อ น่าเสียดายจัง มีลูกซะแล้ว ทะเลกลายคงเป็นนาไปแล้วแน่ๆ”
คำพูดประโยคนี้ กระแทกเข้าไปในก้นบึ้งหัวใจของกู้สวงส่วงอย่างจัง
เมื่อเข้าไปในสนามเทนนิส ลูกค้ามาถึงแล้ว เป็นคู่สามีภรรยาวัยกลางคน
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวในห้องโถงเมื่อครู่ ทำให้กู้สวงส่วงกลัดกลุ้มใจไม่หยุด เวลาทำงานความคิดจึงฟุ้งซ่าน
ไอ้ผู้ชายเฮงซวย มาแล้วก็ไปราวกับสายลม ปล่อยให้เธอว้าวุ่นและอัดอั้นตันใจอยู่คนเดียว
หญิงวัยกลางคนเรียกเธอถึงสอง กู้สวงส่วงค่อยได้สติกลับมา ร้อนรนรีบส่งน้ำให้เธอ
จึงถูกลูกเทนนิสกระแทกเข้าเต็มๆ ชายวัยกลางคนจึงถามอย่างเป็นห่วง กู้สวงส่วงยิ้มอย่างเขินอาย ต่อมาตอนที่ส่งผ้าให้ก็ทำพลาดอีก
กู้สวงส่วงกังวลมากว่าจะเป็นปัญหา และผลสุดท้าย เธอก็ยังโดนตำหนิอยู่ดี
ภายในห้องโถงของสโมสร ผู้จัดการยืนยิ้มอยู่ข้างๆ มองดูกู้สวงส่วงถูกหญิงสาววัยกลางคนคนนั้นชี้นิ้วด่า
“บริการยังไง! ผู้จัดการจาง ครั้งนี้ห้ามหักค่าธรรมเนียมบัตรVIPของฉัน เงินทั้งหมดให้หักจากเงินเดือนของหล่อน! คิดว่าตัวเองยังสาวยังสวย แค่มีหน้าอกมีก้นก็ไม่ต้องทำการทำงานตามหน้าที่ตัวเองแล้วงั้นสิ? ใครใช้ให้หล่อนมาพูดคุยกับสามีฉัน ฉันเคยเจอผู้หญิงบริการแบบหล่อนมาเยอะ จ้องแต่จะหาแฟนรวยๆ!”
“กู้สวงส่วง รีบขอโทษคุณหญิงจางซะสิ”
กู้สวงส่วงถูกสายตาและทำพูดเหล่านี้คาดคั้น เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่กลับโต้แย้งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ได้รับเงินเดือน
มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ครั้นเมื่อก้มศีรษะลงเพื่อขอโทษ
สายตาพลันมองเห็นเงาของใครบางคนเดินออกมาจากห้องสควอช ร่างเพรียวสูงและกำยำ มือทั้งสองข้างล่วงไว้ในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ สายตาที่ทอดมองมาราวกับว่ากำลังดูละครฉากใหญ่
เธอเลือดขึ้นหน้า เวลาหยุดชะงัก ความอับอายทั้งหมดถูกขยายใหญ่ขึ้น
ขนตาสั่นไหวจนน้ำตาข้างในแทบไหลรินลงมา ลำตัวยังคงโค้งลงต่อไปเรื่อยๆ หมดสิ้นแล้วความภาคภูมิในใจตัวเอง “คุณผู้หญิงจาง ฉันขอ…”
เวินจิ่นไหวตัดสินใจกำลังจะเดินเข้าไป แต่กลับถูกแขนยาวๆ ของชายหนุ่มขวางไว้ ท่าทางน่ากลัวจนทำให้เขาไม่กล้าเดินไปข้างหน้า
“มั่วเฉิง! แกคิดว่ายัยเด็กหัวดื้อนั่นผิดเหรอ?”
สีหน้าของชายหนุ่มราบเรียบ เขาละสายตากลับมาอย่างอ้อยอิ่ง แล้วก้าวเท้าเดินจากไป
หลังจากที่กู้สวงส่วงกล่าวขอโทษเสร็จเรียบร้อย เธอเงยหน้าขึ้น ที่หน้าประตูห้องสควอชไร้แม้เงาของเขา
ราวกับว่าเป็นหุ่นกระบอก เธอยืนอยู่ตรงนั้น และยังคงโดนด่าต่อไป
ภายในใจเจ็บปวดขึ้นมา เพราะจำได้ว่าเมื่อสี่เดือนก่อน ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย เขาช่วยชีวิตเธอไว้อย่างกล้าหาญ
ณ วันนี้ตอนนี้ ในสถานการณ์เดียวกัน เขากลับไม่แยแสเลยสักนิด เธอไม่ได้โชคดีอย่างในเทพนิยายอีกต่อไป
เธอเองไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อนเลยสินะ ท่าทีเฉยเมยและเย็นชาของเขา ช่างน่ากลัวเสียจริง
………………
ณ ห้องอาบน้ำ
เวินจิ่นไหวจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธแค้น แล้วค่อยๆ ถอดเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออกอย่างไม่สนใจไยดี เผยให้เห็นกล้ามท้องแน่นๆ ของเขา
อยากเอ่ยปากพูดอีกครั้ง แต่ทั้งหมดกลับถูกกดเอาไว้
เสิ่นมั่วเฉิงชำระร่างกายจนสะอาด แต่งกายด้วยชุดแบบเป็นทางการ ขณะดื่มน้ำเขาชำเลืองมองแล้วเอ่ยถาม “ผู้หญิงคนเมื่อกี้ เป็นเมียของใคร?”
“ฉีย่ามีเดีย จางหย่งเจี่ยน!” เวินจิ่นไหวกระแนะกระแหนหน้าตาย “แล้วยังไง ทำให้ฉีย่ามีเดียล้มละลายเดี๋ยวนี้? เกิดอยากเป็นวีรบุรุษปกป้องสาวงามตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา?”
ชายหนุ่มจ้องตาเขม็ง แม้ว่าสีหน้าของเวินจิ่นไหวดูไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก