หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 50
เขาเพียงแต่มอบใบหน้าที่เย็นชาและออร่าอันน่าเกรงขามของคนแก่กว่าไว้ให้กู้สวงส่วง
จนเขาสัมผัสได้ว่าคนตัวเล็กนั้นเริ่มจะไม่เป็นตัวของตัวเอง แถมริมฝีปากอวบอิ่มของเธอยังบึ้งตึงอีกด้วย ดังนั้นเสิ่นมั่วเฉิงจึงอดใจหันไปถามเธอไม่ได้ว่า “เวลาขับรถฉันไม่ชอบพูดน่ะ เบื่อแล้วเหรอ?”
“เปล่า”
แต่เสิ่นมั่วเฉิงก็ยังหันหน้ามาถามย้ำอีกว่า “อยู่กับผู้ชายอายุเยอะอย่างฉันเนี่ย น่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ?”
“…..เปล่าค่ะ” จะถามทำไมนักหนา
เสิ่นมั่วเฉิงจึงเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเบิกบานใจ ว่า “เดี๋ยวพอฉันสั่งอาหารมาให้เธอเต็มโต๊ะ เธอก็หายเบื่อแล้วล่ะ”
“……….” ทำเหมือนเธอเป็นเด็ก ๆ ไปได้
แต่พอทั้งคู่กินมื้อค่ำกันจนเสร็จสรรพ เสิ่นมั่วเฉิงก็ขับรถพาเธอกลับออกมาจากสวนอาหารทันที ทั้ง ๆ ที่ในเวลานี้ยังคงเป็นแค่เพียงช่วงหัวค่ำเท่านั้น
และกู้สวงส่วงเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ที่เขาเรียกเธอออกมากินมื้อค่ำด้วยกัน และแค่กินมื้อค่ำด้วยกันเท่านั้นจริง ๆ
แต่ในขณะที่รถของเสิ่นมั่วเฉิงเริ่มเข้าใกล้เขตมหาวิทยาลัยแล้วนั้น จู่ ๆ เสิ่นมั่วเฉิงก็หักพวงมาลัยลงจอดข้างทางไปเสียก่อน และเมื่อกู้สวงส่วงเห็นเขาเดินลงจากรถไปแบบนั้น ตัวเธอเองจึงรีบกระโดดลงจากรถตามไปทันที
แล้วทั้งคู่ก็ยืนหันหน้าเข้าหากันแบบนั้นอยู่นาน ทั้งที่ใจจริงแล้ว กู้สวงส่วงอยากจะถามเขาว่า เขาต้องการจะทำอะไร?
แต่จู่ ๆ เขากลับดึงผ้าพันคอสีเทาเข้มที่คล้องอยู่บนบ่าทั้งสองข้างของเขานั้น ลงมาพันรอบ ๆ คอขาวเนียนของเธอ
แล้วจากนั้นเขาก็จูงมือเรียวเล็กของเธอเดินตรงไปเรื่อย ๆ
กู้สวงส่วงตกตะลึงกับสิ่งที่เขาทำ
จนดวงตาทั้งสองข้างของเธอเบิกกว้าง พร้อมทั้งจับจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาด้วยความไม่เข้าใจ
เมื่อเสิ่นมั่วเฉิงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาจึงหันกลับมาพูดกับเธอว่า “มองอะไรล่ะ เดินต่อไป”
“คุณลุงคะ นี่เรากำลังเดินเล่นกันอย่างนั้นเหรอคะ?”
เสิ่นมั่วเฉิงนิ่งเงียบ ก่อนจะหันหน้าหนีไป โดยไม่ตอบอะไรกลับมาอีก
กู้สวงส่วงจึงจ้องหน้าเขาต่อไปอย่างไม่วางตา จนกระทั่งเธอเผลอหลุดยิ้มมุมปากออกมาจาง ๆ
แต่พอพวกเขาเดินหน้ากันไปได้สักพัก ฝีเท้าของเขาก็ดันหยุดชะงักไปเสียดื้อ ๆ
แล้วจากนั้นเสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังแทรกขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเหน็บในค่ำคืนนี้ “คืนนั้นที่ลุงบอกว่าชอบหนูน่ะ ลุงไม่ได้ล้อเล่นนะ”
พูดจบ เขาก็พาเธอเดินต่อไปจนถึงหน้าหอพัก โดยที่เขาไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย แม้แต่คำเดียว…
แต่ใจของกู้สวงส่วงนี่สิ มันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอกอยู่แล้ว
“ที่เขาบอกว่าชอบเรา มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นงั้นเหรอ”
นี่ใช่การสารภาพรักรึเปล่านะ?
……….
หลังจากที่งานปีใหม่ไนท์ปาร์ตี้สิ้นสุดลง ฤดูหนาวประจำปีก็จะแวะเข้ามาทักทายต่อทันที
แต่สิ่งที่จะทำให้นักศึกษาทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บกว่านั้น ก็คือฤดูการสอบของวิชาต่าง ๆ ที่กำลังคลืบคลานเข้ามานั่นเอง
โชคยังดีที่กู้สวงส่วงนั้นตั้งใจเรียนในทุกชั่วโมงของวิชาสำคัญ ซึ่งถ้าหากว่ามีเรื่องไหนที่เธอไม่เข้าใจ เธอก็จะขอให้คุณลุงตัวท็อปช่วยไขข้อสงสัยต่าง ๆ ให้เธออีกที และคุณลุงตัวท็อปก็สามารถแนะนำเธอได้ทุกเรื่อง สมกับชื่อที่ทุกคนเรียกขานกันจริง ๆ ว่า "อาจารย์เทพบุตร"
หลังจากที่กู้สวงส่วงสอบวิชาสุดท้ายเสร็จไปเรียบร้อยแล้วนั้น จู่ ๆ เธอก็ได้รับสายจากใครคนหนึ่ง
ซึ่งเธอเองก็คาดไม่ถึงจริง ๆ
ว่าคุณลู่ที่เคยช่วยล้างมลทินให้เธอในงานประกวดการออกแบบในครั้งนั้น จะติดต่อเข้ามาหาเธอด้วยตัวเอง
………..
ตลอดหลายปีมานี้ ลู่ซีหลีไม่เคยพลาดเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตของเสิ่นมั่วเฉิงเลยสักเรื่อง เนื่องจากเธอได้จ้างวานนักสืบมือดีคนหนึ่ง ให้คอยตามสืบเรื่องของเสิ่นมั่วเฉิงมาโดยตลอด
โดยที่ 7 ปีก่อนหน้านี้ เสิ่นมั่วเฉิงเคยใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเคร่งขรึม จะมีก็แต่ช่วงที่เขาเกิดความต้องการในเรื่องอย่างว่าขึ้นมาเท่านั้น ที่จะทำให้เขาแวะเวียนไปหาเซียวหยูโหรวได้
แต่นับตั้งแต่เดือนกันยายนของปีนี้เป็นต้นมา ชีวิตของเขากลับดูสว่างไสวขึ้น ราวกับดอกไม้ไฟที่เพิ่งถูกติดไฟยังไงอย่างงั้น
แถมมันยังสว่างสไวมากเสียจนลู่ซีหลีรู้สึกเจ็บจี๊ดไปหมดทั้งตาอีกด้วย
ลู่ซีหลีมองดูภาพถ่ายในมืออย่างพินิจพิเคราะห์
โดยภาพถ่ายดังกล่าวนั้นฉายให้เห็นถึงแผ่นหลังของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัวจากโคมไฟริมถนน
และการที่ชายในภาพจูงมือเด็กสาว พร้อมทั้งใช้มืออีกข้างหนึ่งพันผ้าพันคอสีเทาเข้มให้กับเธอนั้น มันทำให้ลู่ซีหลีปักใจเชื่อตั้งแต่แรกเห็นเลยว่า พวกเขากำลังออกเดทกัน
แต่เขาไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยจริง ๆ
ทั้ง ๆ ที่อายุของเขาก็ปาเข้าไป 30 กว่าปีแล้ว แต่เขายังจูงมือเด็กสาวเดินเล่นไปตามริมถนนแบบนั้นได้อีก เขาคิดจริง ๆ เหรอเนี่ย? ว่าการจูงมือเดินเล่นกันไปแบบนั้นแล้วมันจะดี
เหอะ หลายปีก่อน เสิ่นมั่วเฉิงก็เคยจูงมือฉันเดินเล่นไปเรื่อย ๆ แบบนี้เหมือนกันแหละ และเราสองคนก็เกือบจะเดินย่ำไปทั่วทุกซอกทุกมุมของเมืองA เลยด้วย
แล้วแววตาของลู่ซีหลีก็เริ่มดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความเย็นชา
มั่วเฉิง…..นายอยากคบหากับผู้หญิงคนนี้นักใช่มั้ย? ได้ นายบีบให้ฉันต้องลงมือกับเธอเองนะ
–
เมื่อกระดิ่งลมที่แขวนอยู่หน้าร้านกาแฟถูกกระแทกจนเกิดเสียง
ลู่ซีหลีก็รีบเก็บภาพถ่ายใบนั้นลงกระเป๋าทันที
กู้สวงส่วงที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้าน ก็พยายามกวาดสายตามองหาใครบางคนไปด้วย
ลู่ซีหลีหันไปมองกู้สวงส่วง พร้อมทั้งจ้องมองทุกท่วงท่าของเธอด้วยแววตาที่เฉียบคม
เธอจ้องมองกู้สวงส่วงอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเธอเริ่มส่งยิ้มพร้อมทั้งกวักมือให้กับกู้สวงส่วงอย่างเป็นมิตร และไร้ซึ่งร่องรอยของความอาฆาตมาดร้าย “ทางนี้จ้ะ”
พอกู้สวงส่วงหันมองไปตามต้นเสียง เธอก็พบกับพี่สาวคนสวยที่กำลังกวักมือเรียกหาเธออยู่ “คุณลู่”
“เรียกว่าพี่ลู่ก็ได้จ้ะ ว่าแต่..ดื่มอะไรดีล่ะเรา?”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่” กู้สวงส่วงส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะมองลงไปที่ม้วนไหมพรมสีเทาเข้มและสีเหลืองอ่อนในมือของหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย
ลู่ซีหลีจึงก้มหน้ามองตาม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับเธอว่า “พี่กำลังถักผ้าพันคอให้อดีตสามีกับลูกชายของพี่น่ะ”
“พี่ลู่มีลูกชายด้วยเหรอคะ?”
“จ้ะ” ลู่ซีหลีจึงวางเข็มกวักไหมพรมลง และพูดกับกู้สวงส่วงด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิวว่า “แต่พี่ไม่เคยได้สวมให้ลูกด้วยตัวพี่เองหรอกนะ เพราะเขาไม่ยอมให้พี่ไปเจอลูกเลย”
กู้สวงส่วงตั้งใจฟังทุกถ้อยคำ โดยที่เธอเองก็เริ่มไม่ชอบอดีตสามีของพี่ลู่ขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เธอก็อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ
ว่าอะไรที่ทำให้ชายคนนั้นไม่ยอมให้อดีตภรรยาได้เจอหน้าลูกเลย?
แต่ดูจากท่าทางของพี่ลู่แล้ว เธอกับอดีตสามีก็คงจะเคยรักกันมากแน่ ๆ
“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้วดีกว่า” ลู่ซีหลีกล่าว ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด แต่พอเธอเหลือบไปเห็นสายตาของกู้สวงส่วงที่ดูจะตกใจอยู่นิด ๆ เธอจึงเอ่ยถามกู้สวงส่วงทันทีว่า “แปลกใจที่พี่สูบบุหรี่เหรอ?”
พอกู้สวงส่วงรู้ตัวว่าสีหน้าของเธอเองเริ่มทำพิษ เธอจึงรีบแก้ต่างให้ความเลินเล่อของตัวเองทันที “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ พอดีว่าหนูไม่ค่อยได้เห็นผู้หญิงสูบบุหรี่เท่าไหร่น่ะค่ะ”
“พี่เองก็ติดมาจากอดีตสามีนั่นแหละจ้ะ ในช่วงปี 1990 ที่เขายังเรียนอยู่ชั้นมัธยมน่ะ พี่เห็นเขาแอบไปสูบบุหรี่อยู่หลังตึกเรียนเป็นประจำ และท่าทางตอนที่เขาสูบบุหรี่เนี่ย มีเสน่ห์มาก! มากเสียจนพี่ต้องไปแอบฝึกเองเลยนะ แต่บุหรี่นั่น พี่ก็ไปขโมยมาจากเขาอีกทีนั่นแหละ ฮ่า ๆ ๆ กว่าจะถูกจับได้พี่ก็ฝึกจนช่ำชองไปแล้วล่ะ”
พอกู้สวงส่วงได้ฟังดังนั้น เธอก็อดนึกภาพคู่รักวัยกระเตาะไม่ได้จริง ๆ
“นี่พี่ลู่กับอดีตสามีโตมาด้วยกันเลยใช่มั้ยคะ?”
“อันที่จริง พี่เด็กกว่าเขา 3 ปีกว่า ๆ จ้ะ แม่พี่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนที่พี่เกิดเนี่ย คนที่อุ้มพี่เป็นคนแรกเลย ก็คือเขา เพราะตอนที่แม่พี่ให้กำเนิดพี่นั้น รอบ ๆ กายของท่านไม่มีใครคอยดูแลเลยสักคน ดังนั้นเด็กชายวัย 4 ขวบอย่างเขาที่เพิ่งพูดจารู้ความ จึงต้องช่วยตัดสายสะดือให้พี่กับแม่ โดยที่พี่ยังสามารถมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้นี่แหละจ้ะ ฮ่า ๆ ๆ สามีพี่ เขามีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็กจริง ๆ ……”
แล้วจู่ ๆ ลู่ซีหลีก็หันกลับมาถามกู้สวงส่วงด้วยแววตาสงสัยว่า “ตายละ ทำไมพี่ต้องพูดถึงแต่เรื่องของเขาด้วยเนี่ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ลู่ หนูว่าน่ารักดีออก”
ลู่ซีหลีหัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจะชี้ไปที่กู้สวงส่วงแล้วพูดว่า “แต่ทรงผมของเธอเนี่ย ทำให้พี่นึกถึงตัวเองในสมัยมัธยมเลย พี่ชอบมัดผมหลวม ๆ สองข้างแบบนี้แหละ แล้วอดีตสามีพี่ก็ชอบมากเสียจนไม่ยอมให้พี่เปลี่ยนทรงผมด้วยนะ”
คราวนี้กู้สวงส่วงเริ่มจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของการเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาสักเท่าไหร่ และตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบลู่ซีหลีกลับไปยังไง ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่หัวเราะตามลู่ซีหลีไปแบบงง ๆ
“เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”
พูดจบ ลู่ซีหลีก็หยิบเอกสารชุดหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋า และวางลงตรงหน้ากู้สวงส่วง ซึ่งเอกสารชุดนี้ มีเนื้อหาทั้งหมด 2 หน้าด้วยกัน
“พอดีว่านักออกแบบหลายคนในบริษัทเนี่ย เล็งเห็นว่าผลงานชิ้นสุดท้ายของเธอดูดีมากจริง ๆ ดังนั้นพวกเขาก็เลยอยากจะเอาแบบของเธอไปลองตัดชุดวางขายดู แต่ก่อนอื่นทางเราต้องได้รับการอนุญาตจากเธอก่อน และนี่ก็คือสัญญาจากทางบริษัทจ้ะ”
แต่กู้สวงส่วงยังคงตกอยู่ในห้วงแห่งความดีใจและแปลกใจที่ปะปนกันมั่วไปหมด “เสื้อที่หนูออกแบบจะได้วางขายเหรอคะ?”
ลู่ซีหลีพยักหน้าตอบรับ “แต่มันอาจจะมีหลายจุดให้เธอต้องแก้หน่อยนะ เพราะว่านักออกแบบในบริษัทเราค่อนข้างที่จะเข้มงวดน่ะจ้ะ”
กู้สวงส่วงแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโอกาสดี ๆ แบบนี้จะตกลงมาถึงมือเธอได้ เธอจึงรีบตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า “ถึงต้องแก้อีกกี่รอบหนูก็เต็มใจค่ะ แค่นักออกแบบของบริษัท CC มาคอยชี้แนะให้หนู ก็ถือเป็นบุญของหนูแล้วจริง ๆค่ะ”
และถึงแม้ว่าเธอจะดีใจมากมายขนาดไหน แต่เธอก็ยังหยิบสัญญาฉบับนั้นขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกตัวอักษร ก่อนจะบรรจงเซ็นชื่อลงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เมื่อลู่ซีหลีเก็บเอกสารสัญญาลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เธอก็ยื่นมือมาให้กู้สวงส่วง พร้อมกับพูดว่า “ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะจ้ะ”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานเช่นกันค่ะพี่ลู่ ขอบคุณมากนะคะที่ชื่นชมผลงานของหนู”
และก่อนจะจากกันไป กู้สวงส่วงกับลู่ซีหลีก็ได้แลกช่องทางติดต่อกัน เพราะถึงอย่างไร กู้สวงส่วงก็ต้องนำงานแก้ของเธอมาให้ลู่ซีหลีตรวจเช็คตลอดหน้าหนาวนี้อยู่แล้ว แถมนั่นยังทำให้การติดต่องานระหว่างทั้งคู่สะดวกมากขึ้นอีกด้วย
แต่ในความเป็นจริง กู้สวงส่วงเองก็เต็มใจที่จะได้สนิทกับผู้หญิงอารมณ์ดีอย่างลู่ซีหลีอยู่แล้ว แถมเรื่องราวความรักระหว่างลู่ซีหลีกับอดีตสามี ยังทำให้กู้สวงส่วงรู้สึกประทับใจมากอีกด้วย
และถ้าหากว่ามีโอกาส เธอเองก็อยากจะเจอหน้าอดีตสามีผู้ลึกลับของลู่ซีหลีดูเหมือนกัน
เพราะเธออยากรู้จริง ๆ ว่าเขาจะเป็นคนแบบไหนกันแน่?