หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 46
ลู่ซีหลีล้มตัวลงนอนบนโซฟาด้วยอาการเหนื่อยหอบ และหายใจหนักเหมือนคนกำลังจะขาดใจ
เสิ่นมั่วเฉิงจึงโยนอุปกรณ์เจาะเลือดไปให้ลู่ซีหลี
โดยที่ตัวเขาเองยังคงยืนพิงประตูห้อง และจ้องมองหญิงสาวที่กำลังนอนเหนื่อยหอบอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเย็นชา
ลู่ซีหลีสวมกระโปรงสั้นเลยเข่าขึ้นมาถึงขาอ่อนเนียนขาว ซึ่งท่อนบนของเธอนั้นมีเพียงสายเดี่ยวลายลูกไม้สีดำปกปิดส่วนล่อแหลมเอาไว้เท่านั้น
แต่พอร่างกายของเธอกลับเข้าสู่สภาวะปกติปุ๊บ เธอก็ลุกขึ้นนั่งและหันหน้าเข้าหามุมที่เสิ่นมั่วเฉิงกำลังยืนพิงอยู่ทันที และด้วยความที่กระโปรงของเธอนั้นค่อนข้างจะสั้นจู๋ มันจึงทำให้ตรงกลางหว่างขาที่กำลังถ่างโดยมิได้ตั้งใจหรือไม่นั้น ทิ่มแทงเข้าไปในตาของเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่ยิ่งเขาได้เห็นเธอในสภาพนั้น แววตาของเขาก็เริ่มแผ่ความเอือมระอาออกมาทันที เสิ่นมั่วเฉิงจึงทำได้เพียงแค่เบือนหน้าหนี พร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดและพ่นควันระบายความเหนื่อยหน่ายในใจออกไป
บรรยากาศภายในห้อง อบอวลไปด้วยกลุ่มควันหนาและเสียงเวินจิ่นไหวที่กำลังยืนเคาะประตูเรียกเสิ่นมั่วเฉิงอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก
ลู่ซีหลีจึงลุกขึ้นเดินไปหาเสิ่นมั่วเฉิง ก่อนจะคีบบุหรี่ออกจากริมฝีปากบาง ๆ ของเขาและยกขึ้นสูบเองอย่างช่ำชอง
แล้วจากนั้นเธอก็เขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อจุมพิตให้ถึงใบหูของชายตรงหน้า——
“ฉันรู้นะ ว่าเวลานายเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วเนี่ย นายจะลุกขึ้นมาจุดบุหรี่ทันที เนี่ย ดูสิ แค่ฉันสบตาได้แวบเดียว นายยังต้องหลบตาฉันเลย”
พูดจบ เธอก็ยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามกระดุมเสื้อของเสิ่นมั่วเฉิง พร้อมกับหายใจรดใส่ต้นคอของเขาอย่างยั่วยวน “นายคงจะเกลียดฉันจนเข้ากระดูกดำแล้วสินะ ถึงไม่ยอมสบตากับฉันตรง ๆ สักที ”
“นายรังเกียจฉัน? หรือว่า——ยิ่งมองแล้วยิ่งห้ามใจไม่อยู่กันแน่ล่ะ?”
เมื่อลู่ซีหลีสัมผัสได้ถึงลมหายใจเข้าออกที่เริ่มหนักหน่วง เสียงหวานนุ่มของเธอจึงเริ่มพล่ามต่อทันทีว่า “มั่วเฉิง บนโลกนี้มีแค่ฉันคนเดียวรึเปล่า ที่สามารถเข้าถึงตัวนายได้มากขนาดนี้? แต่จะว่าไป ฉันเองก็เคยเห็นสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของนายแล้วด้วยนะ เธอยังเด็กอยู่เลยหนิ? แล้วนายเองก็ยังไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับเธอเลยสักครั้งใช่มั้ย? ฝีมือนายคงไม่ถึงละสิ มั่วเฉิง”
“อ๊า——”
เพียงชั่วพริบตาเดียว ลู่ซีหลีก็ถูกผลักจนล้มลงกับพื้นที่เย็นเฉียบจนต้องร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นมั่วเฉิงด้วยสีหน้ามึนงง
จากนั้นเสิ่นมั่วเฉิงก็โน้มตัวลงมา และคว้าผมยาวของเธอไว้แน่น แล้วพูดกับเธอด้วยสายตาเย็นชาว่า “ฉันคิดมาเสมอว่าการที่ฉันกระทำกับเธอแรง ๆ แบบนี้เนี่ย มันก็ถือว่าฉันเป็นสุภาพบุรุษกับเธอสุด ๆ แล้วนะ”
เสิ่นมั่วเฉิงกล่าว ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา แล้วพูดต่อว่า “ลู่ซีหลี คนทุกคนล้วนแล้วแต่มีความต่ำช้าอยู่ในจิตใจกันทั้งนั้น แต่ในสายตาฉัน เธอไม่ควรค่าแก่การถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ”
ใบหน้าของลู่ซีหลีซีดผาด
แถมเธอยังต้องตกตะลึงกับประโยคต่อไปที่กำลังจะออกมาจากปากของเขาอีกด้วยว่า “และฉันก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าถ้าหากบนโลกใบนี้เหลือเธออยู่แค่คนเดียว ฉันขอลาตายดีกว่า เพราะฉันรู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน ที่จะต้องอยู่ร่วมโลกกับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอ!”
ลู่ซีหลีจ้องมองเขาด้วยความหวาดกลัว และยิ่งเธอได้รู้ว่าเขารังเกียจเธอมากขนาดไหน ใจของเธอก็ยิ่งเจ็บหนักจนแทบจะหลั่งเลือดออกมาเป็นสายเลยทีเดียว
พูดจบ เสิ่นมั่วเฉิงก็บี้บุหรี่ลงกับพื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “2-3 วันนี้ฉันต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่ฉันยังสามารถรับรู้เรื่องยิบย่อยที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ได้ตลอดเวลา และที่ฉันยอมให้เธอได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างสุขสบายเนี่ย ฉันเองก็หวังว่าเธอจะรู้จักใช้เวลาที่เหลือนี้ให้คุ้มค่านะ เพราะฉะนั้นอย่าเที่ยวรนหาเรื่องใส่ตัว! แล้วก็อยู่ให้ห่าง ๆ เธอคนนั้นไว้ด้วย”
ลู่ซีหลีตกตะลึง ก่อนจะถามกลับมาแบบกวน ๆ ว่า
“ทำไม แค่ไปทำความรู้จักกับแฟนสาวตัวน้อยของนายหน่อยก็ไม่ได้เหรอ?”
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเริ่มหรี่ลงเล็กน้อย เผยให้เห็นความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านผ่านนัยน์ตาคู่สวยของเธอได้อย่างชัดเจน “เธอยังใสสะอาดอยู่จริง ๆ เหรอ เสิ่นมั่วเฉิง? น่าเสียดายอยู่เหมือนกันนะ เพราะถ้าตอนนั้นนายอยากได้ฉันจริง ๆ ฉันก็ยังใสสะอาดเหมือนกับเธอคนนั้นนั่นแหละ! แต่ในเมื่อนายรังเกียจฉัน ทำไมตอนนั้นนายถึงกล้าแตะเนื้อต้องตัวฉันล่ะ? และถ้านายไม่แตะเนื้อต้องตัวฉัน ฉันก็คงไม่ได้คลอดเสี่ยวเหวยออกมาให้นายได้หรอก….”
แต่พอพูดถึงเสี่ยวเหวย ใบหน้าที่แข็งกร้าวของลู่ซีหลีก็อ่อนแอลงทันที “มั่วเฉิง นายให้ฉันเจอหน้าเขาหน่อยเถอะ เพราะถึงยังไงฉันก็ต้องให้เลือดกับเขาในวันนี้ของทุก ๆ เดือนอยู่แล้ว นายให้ฉันได้เจอหน้าเสี่ยวเหวยเถอะนะ! ได้มั้ย?”
เสิ่นมั่วเฉิงเหยียบก้นบุหรี่จนบี้แบน และหันหลังเดินไปเปิดประตูอย่างไม่แยแส “ทำเสื้อผ้าให้มันดี ๆ หน่อย จิ่นไหวจะได้เข้ามาเจาะเลือดให้”
“ฉันแค่อยากจะเจอหน้าลูกชายของฉัน นายช่วยสนใจคำขอของฉันบ้างได้มั้ย! นี่ มั่วเฉิง ถ้านายอยากจะเกลียดฉัน นายก็เชิญเกลียดไปคนเดียว แต่เสี่ยวเหวยเขายังเด็ก เขายังต้องการแม่นะ!”
ลู่ซีหลีเริ่มร้องห่มร้องไห้ ก่อนจะเข้ามาฉุดแขนเสื้อเสิ่นมั่วเฉิง และพูดจาข่มขู่ว่า “ถ้านายไม่ยอมให้ฉันได้เจอหน้าเสี่ยวเหวย ฉันก็จะไม่ให้เลือดกับเขาอีก!”
เสิ่นมั่วเฉิงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำจนคนฟังสัมผัสได้ถึงอันตราย “ลู่ซีหลี เธอเป็นคนหรือเป็นสัตว์นรกกันแน่? เธอใช้เสี่ยวเหวยมาขู่ฉันแบบนี้ เธอไม่รู้จักอายตัวเองบ้างเลยรึยังไง?”
ลู่ซีหลีเริ่มตัวสั่นด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะหลับตาปี๋และคุกเข่าลงกับพื้นอย่างน่าสมเพช
……….
3 ทุ่มของคืนนั้น
ณ บริเวณหน้าห้องพักผู้ป่วย ในหอผู้ป่วยVIP
ของโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองA
เสิ่นมั่วเฉิงเฝ้าดูเวินจิ่นไหวส่งหลอดแก้วที่มีเลือดสด 300cc จำนวน 2 หลอด ให้กับแพทย์เจ้าของไข้
แล้วจากนั้นเสิ่นมั่วเฉิงก็ยืนมองเสี่ยวเหวย ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วยผ่านบานกระจกเล็ก ๆ บนประตูห้อง ซึ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมานี้ เสี่ยวเหวยสามารถฟื้นขึ้นมาได้เพียงแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นเอง
หลังจากที่แพทย์เจ้าของไข้เดินจากไป เวินจิ่นไหวก็เดินเข้ามาหาเสิ่นมั่วเฉิงทันที
“หมอบอกว่า เขาจะฟื้นหรือไม่เนี่ย ก็ต้องรอดูภายในปีนี้แหละ”
เสิ่นมั่วเฉิงจึงหันมองไปยังวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่ถูกกั้นกลางด้วยกระจกหน้าต่าง แถมเขายังสามารถสัมผัสได้ถึงลมหนาว ทั้ง ๆ ที่ช่วงเวลานี้ยังเป็นเพียงแค่ปลายฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น
ความหนาวเหน็บเริ่มเกาะกินหัวใจที่อ่อนล้าของเขาทีละน้อย
เมื่อเวินจิ่นไหวสังเกตเห็นว่าเขาดูเงียบนิ่งไป เวินจิ่นไหวจึงเริ่มถามต่อทันทีว่า “แต่ถ้าเขาฟื้นขึ้นมา นายจะทำยังไงต่อไปล่ะ มั่วเฉิง?”
ดวงตาทั้งสองข้างของเสิ่นมั่วเฉิงมืดครึ้มลง
แต่เวินจิ่นไหวก็ยังคงบีบให้เขาตอบคำถามนั้นออกมา “มั่วเฉิง นายต้องหาทางออกให้ได้นะ เพราะนอกจากเธอกับเสี่ยวเหวยแล้ว นายยังมีกู้สวงส่วงด้วยอีกคน”
เสิ่นมั่วเฉิงนิ่งเงียบไม่ไหวติง แถมนัยน์ตาของเขายังเต็มไปด้วยความเย็นชาและความซับซ้อนอีกต่างหาก “ฉันกำลังคิดหาทางออกอื่นอยู่”
เวินจิ่นไหวถอนหายใจยาวเหยียด เพราะเขาเชื่อว่าเสิ่นมั่วเฉิงก็คงจะเห็นใจกู้สวงส่วงอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่คิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้เป็นแน่ แต่ทางออกดี ๆ สำหรับเรื่องนี้ มันยังมีอยู่อีกเหรอวะ?
แต่ไม่ทันที่เวินจิ่นไหวจะได้ออกความเห็น จู่ ๆ ก็ดันมีใครอีกคนเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาเสียก่อน
ซึ่งผู้หญิงคนนี้ เวินจิ่นไหวเองก็รู้จักดี เพราะเธอคนนี้คือคนที่มั่วเฉิงไว้ใจให้คอยเฝ้าดูเสี่ยวเหวยอยู่ตลอด 24 ชม.
หญิงวัยกลางคนเดินตรงเข้ามา และพูดกับเสิ่นมั่วเฉิงด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ ว่า “คุณเสิ่นคะ พอคุณชายรู้ว่าคุณมาที่นี่ เขาก็ไม่ยอมหลับยอมนอนเลยค่ะ ถ้าหากว่าคุณเดินผ่านห้องพักผู้ป่วยของเขา คุณลองแวะเข้าไปหาเขาหน่อยเถอะนะคะ——”
“ไม่ล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ให้เขานอนพักเถอะ”
เสิ่นมั่วเฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงความเฉยเมยแต่อย่างใด ดังนั้นคนที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเวินจิ่นไหวจึงสัมผัสได้ถึงการปฏิเสธ ที่ไร้ซึ่งกลิ่นอายของความลังเลได้อย่างชัดเจน
หญิงวัยกลางคนสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินจากไป โดยที่ตัวเธอเองก็พูดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ
เวินจิ่นไหวจ้องมองเพื่อนรักที่ยืนนิ่งเฉยไม่ไหวติง พลางนึกภาพเด็กชายร่างผอมที่มีดวงตากลมโต กำลังรอคอยพ่อของเขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ จนสุดท้ายเวินจิ่นไหวต้องออกปากพูดกับเขาด้วยความสงสารเสี่ยวเหวย “มั่วเฉิง นายอย่าเป็นแบบนี้สิวะ ไหน ๆ นายก็มาแล้ว เขาไปเยี่ยมเขาหน่อยจะเป็นไร…..”
แต่พอเขาพูดจบปุ๊บ เขากลับเพิ่งพบว่า เสิ่นมั่วเฉิงได้หันหลังเดินหนีไปไหนต่อไหนแล้ว
ณ ลานจอดรถของโรงพยาบาล
มีเพียงรถMPVสีดำของเสิ่นมั่วเฉิงที่ยังคงจอดเทียบอยู่หน้าลานจอดรถ และทันทีที่ผู้ช่วยสาวเห็นเจ้านายของเธอเดินมาแต่ไกล เธอก็รีบกระโดดลงจากรถทันที พร้อมกับโทรศัพท์มือถือของเจ้านาย
“ท่านประธานคะ ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ พอดีว่าตลอด 2 ชั่วโมงที่ท่านประธานอยู่ในหอผู้ป่วยเนี่ย จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของท่านประธานก็มีสายเรียกเข้าติดต่อกันถึง 8 สาย ดิฉันเกรงว่าจะเป็นเรื่องด่วน ก็เลยถือวิสาสะกดรับไป
แต่พอดิฉันเอ่ยทักทายปุ๊บ ฝ่ายตรงข้ามก็กดตัดสายดิฉันไปเลยค่ะ พอดิฉันก้มหน้าดูชื่อของบุคคลปลายสาย ดิฉันถึงได้รู้ว่านั่นคือเบอร์ที่ถูกบันทึกชื่อไว้ว่า ‘คุณผู้หญิง’! ท่านคะ……คุณผู้หญิงคงจะไม่เข้าใจท่านผิดหรอกใช่มั้ยคะ?”
เสิ่นมั่วเฉิงตกตะลึง ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความจนปัญญา
บ้าจริง
มัวแต่ต่อล้อต่อเถียงกับยัยนั่น จนลืมสนิทเลยว่าเธอไปรอเราอยู่ที่สนามบิน!
พอเขาก้มหน้าดูเวลา ก็พบว่า [ 10:10 PM ]
เธอน่าจะถึงสนามบินตั้งแต่ 6 โมงเย็น แล้วเธอก็รอฉันจนถึงป่านนี้เลยเนี่ยนะ?
ยัยบื้อ….
หัวใจของเสิ่นมั่วเฉิงเหมือนถูกสะกิดเบา ๆ ด้วยก้านขนนกจนใจสั่น เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้สัมผัสกับความอบอุ่นเช่นนี้มาก่อนเลย
เสิ่นมั่วเฉิงจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาเธอทันที จนกระทั่งสายแรกของเขาถูกตัดไปโดยอัตโนมัติเนื่องจากไม่มีผู้รับสาย
ต่อด้วยสายที่สอง—— ก็ยังไม่มีผู้รับสายอีกเหมือนกัน