หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 43
แม้ว่ากู้สวงส่วงจะเริ่มโมโหจนตัวสั่น แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อไป “ถึงอาจารย์จะไล่หนูออก แต่หนูก็ยังไม่ใช่คนที่ลอกเลียนแบบงานนี้อยู่ดีคะ!”
พูดจบ กู้สวงส่วงก็น้ำตาไหลพรากลงมาเป็นสาย
เพราะเธอไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตขนาดนี้มาก่อน หนำซ้ำอนาคตที่เธอเคยวาดฝันไว้ ยังถูกทำลายจนย่อยยับไม่เหลือซากอีกต่างหาก ……
ทำยังไงดีเนี่ย? ฉันจะถูกไล่ออกไปแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันรักการออกแบบ ฉันรักคณะนี้ และฉันก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำด้วย!
–
ณ ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
หญิงสาวสามคนจ้องมองเด็กหญิงในจอภาพ ที่ตอนนี้กำลังยืนหน้าซีดตัวสั่น ราวกับว่าเธอกำลังจะล้มลงนั่งกับพื้นด้วยความผิดหวัง
ลู่ซีหลีวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนจะใช้นิ้วเรียวกดปุ่มขยายใบหน้าของกู้สวงส่วง และยิ่งเธอได้เห็นว่ากู้สวงส่วงทุกข์ใจแค่ไหน รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จะยิ่งเบ่งบานมากขึ้นเท่านั้น
ขณะเดียวกัน มือทั้งสองข้างของเวินหลิงก็กำชายกระโปรงไว้แน่น พลางเหล่ตามองหญิงสาวสองคนตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะหันมองไปยังกู้สวงส่วงในจอภาพด้วยความรู้สึกผิด
เพราะถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบใจกู้สวงส่วง อีกทั้งยังเกลียดที่กู้สวงส่วงนั้นดูดีกว่า แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะทำให้กู้สวงส่วงต้องเจอกับเหตุการณ์แย่ ๆ แบบนี้ และการต้องยอมลาออก หรือถูกไล่ออกเนี่ย มันเกินไปจริง ๆ …….
“พี่หลี…..”
ลู่ซีหลีลุกขึ้นยืนและฉีกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินออกจากห้องควบคุมกล้องวงจรปิดไปด้วยสีหน้าที่แลดูเบิกบานใจพิกล
กู้สวงส่วงยืนก้มหน้าด้วยความหมดหวัง และต่อให้มีคนผลักประตูห้องประชุมเข้ามา เธอก็ยังคงยืนก้มหน้าอยู่แบบนั้นต่อไป
จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงหวานของใครบางคนดังแทรกขึ้น “ผู้จัดการหลี่ ฉันให้คุณสอบถามรายละเอียดจากน้อง ๆ ไม่ใช่ไปทำให้เธอกลัวจนร้องไห้แบบนี้”
“ประธานลู่” หลี่หมิงรีบลุกขึ้นทักทายด้วยสีหน้าแตกตื่น
กู้สวงส่วงจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาทั้งสองข้างที่กำลังแดงก่ำ
พี่คนสวย?
ลู่ซีหลีเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารสีฟ้า ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงตำแหน่งหัวโต๊ะท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว
“ไหนลองอธิบายถึงรายละเอียดของงานออกแบบมาหน่อยสิจ้ะ เริ่มที่ใครก่อนก็ได้ ” ลู่ซีหลีเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง โดยมิได้เงยหน้าขึ้นสบตากับใคร
จังเหว่ยลี่จึงเริ่มอธิบายออกมาเป็นข้อ ๆ ราวกับว่าเธอได้ท่องจำคำตอบนั้นมาแล้วล่วงหน้า
จากนั้นลู่ซีหลีก็พยักหน้าให้กับคำตอบของจังเหว่ยลี่ ก่อนจะหันไปมองที่กู้สวงส่วงเป็นลำดับต่อไป
กู้สวงส่วงกำหมัดแน่น ทั้งที่ในใจของเธอเองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความหวังใหม่ที่พี่สาวคนสวยหยิบยื่นมาให้!
และลางสังหรณ์ของกู้สวงส่วงก็บอกไว้ชัดเจนว่า พี่สาวคนสวยกับคุณหลี่หมิงนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะถ้าหากพี่สาวคนสวยเชื่อว่าเธอลอกเลียนแบบงานของจังเหว่ยลี่จริง ๆ พี่สาวคนสวยก็คงจะไม่ยอมสละเวลาอันมีค่าเข้ามาสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้หรอก
กู้สวงส่วงจึงเริ่มอธิบายตั้งแต่จุดประสงค์หลักของเธอ “ความตั้งใจเดิมของหนูก็คือ หนูอยากให้สาวอวบทั้งหลายได้มีชุดที่ทำให้พวกเธอดูผอมเพรียว อีกทั้งยังสามารถทำให้พวกเธอรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นในขณะที่พวกเธอกำลังสวมใส่มัน และอย่างที่ทุกคนทราบกันดีนะคะ ว่ารูปแบบที่มาแรงที่สุดในตอนนี้จะค่อนไปทาง……”
พอกู้สวงส่วงบรรยายจบ เธอก็รอฟังผลการตัดสินต่อไปอย่างมีความหวัง
ซึ่งลึก ๆ แล้ว เธอเองก็แอบตะโกนขอบคุณพี่สาวคนสวยอยู่เหมือนกัน ที่มาช่วยเปิดโอกาสให้เธอได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง จนทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การบรรยายของจังเหว่ยลี่นั้น ไม่ได้กล่าวถึงแก่นแท้ของแรงบันดาลใจในการออกแบบงานชิ้นนี้เลยสักนิด
แต่จู่ ๆ ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับโน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง
และพอกู้สวงส่วงหันไปมอง เธอก็พบว่าโน้ตบุ๊คสีแดงในมือของพนักงานคนนั้น มันคือโน้ตบุ๊คของเธอเอง
ลู่ซีหลีทำการเปิดโน้ตบุ๊คทั้งสองเครื่องขึ้นมาพร้อมกัน แล้วจากนั้นเธอก็เปิดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์งานออกแบบขึ้นมาทีละเครื่อง ก่อนจะคลิกขวาเข้าไปเลือกดูวันที่สร้างโฟลเดอร์ และวันที่จัดเก็บไฟล์ขึ้นมา
ซึ่งผลปรากฏว่า ทั้งวันที่และเวลาของการจัดเก็บไฟล์ของกู้สวงส่วงนั้น เร็วกว่าของจังเหว่ยลี่จริง ๆ
บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายในห้องประชุมจึงพากันตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
“ทีนี้ทุกคนก็คงจะหายสงสัยกันแล้วนะคะ ว่างานนี้ใครลอกใครกันแน่?” ลู่ซีหลีเริ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด
ก่อนจะมองไปที่กู้สวงส่วงด้วยแววตาชื่นชม “แล้วดิฉันก็ชอบแนวคิดของน้องผู้หญิงคนนี้มาก เพราะถ้าลองสำรวจตลาดเสื้อผ้าสตรีในปัจจุบันแล้วเนี่ย ยังไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนที่กล้าออกแบบเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับเด็กสาวไซส์ใหญ่สักเท่าไหร่ แถมมันยังเป็นปัญหาใหญ่ที่เราไม่เคยลงไปสำรวจแบบจริง ๆ จัง ๆ กันอีกด้วย”
พูดจบ ลู่ซีหลีก็เอ่ยกับจังเหว่ยลี่ต่อทันทีว่า “ส่วนน้องนักศึกษาคนนี้ที่ลอกงานเพื่อน ดิฉันคิดว่าผู้อำนวยการหลินคงจะสามารถจัดการกับเธอได้อย่างยุติธรรมที่สุดนะคะ”
จังเหว่ยลี่หน้าซีดตัวสั่นด้วยความตื่นตระหนกและอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
–
ณ ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
เวินหลิงจ้องมองฉากนั้นด้วยความตกตะลึง
ในใจก็คิดไปด้วยว่า ที่พี่ลู่อุตส่าห์ลงทุนจัดงานด้วยเงินมากมายมหาศาล เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงกู้สวงส่วงก็ต้องเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ แถมเธอยังทำให้กู้สวงส่วงสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปได้อย่างง่ายดายด้วยอีก แต่การที่พี่ลู่ใช้ให้เราเข้าไปขโมยงานออกแบบของกู้สวงส่วงออกมา ก็เพื่อจะสร้างสถานการณ์ทำลายกู้สวงส่วงไม่ใช่เหรอ?
ทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้พลิกบทบาทขึ้นมาเป็นนางฟ้าผู้ใจดีไปได้ล่ะ?
สาวปากแดงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จึงตบบ่าเวินหลิงเบา ๆ ก่อนจะไขข้อข้องใจให้กับเวินหลิงอย่างใจเย็น ว่า “งงไปเลยละสิ? เธอคิดว่าอาหลีจะทำลายเด็กนั่นตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ? เหอะ นั่นมันง่ายเกินไป! เพราะถ้าหากว่าเด็กนั่นถูกเล่นงานจนย่อยยับ เธอคิดว่าอดีตสามีของอาหลีจะปล่อยอาหลีไปง่าย ๆ รึไง? อาหลีไม่รีบหรอก นางยังอยากจะเล่นกับเด็กนั่นไปเรื่อย ๆ แล้วตอนนี้เด็กนั่นก็คงจะกำลังรู้สึกซึ้งใจที่อาหลียื่นมือเข้าไปช่วยอยู่ละมั้ง บางทีการผูกมิตรน่ะ มันง่ายยิ่งกว่าการพุ่งเข้าหาในแบบศัตรูเยอะ และเด็กนั่นก็ไม่มีทางรู้หรอก ว่าสุดท้ายแล้วมันจะต้องตายในรูปแบบไหน!”
พอได้ฟังดังนั้น เวินหลิงก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวหนักกว่าเก่า
ณ ห้องทำงานของประธานใหญ่แห่ง CC International
ลู่ซีหลีกำลังพูดคุยกับบุคคลปลายสายด้วยสีหน้าเบิกบานใจ “ใช่ โอนเงินล้านนึงเข้าบัญชีจังเหว่ยลี่ได้เลยนะ เธอเล่นละครได้สมจริงมาก แถมยังให้ความร่วมมือดีอีกด้วย เพราะงั้นจำนวนเงินเท่านี้เนี่ย สมน้ำสมเนื้อแล้วล่ะ”
แล้วจู่ ๆ แววตาของลู่ซีหลีก็มืดครึ้มลงอย่างกะทันหัน “ให้เธอย้ายไปเรียนที่อื่นด้วยนะ เก็บตัวให้เงียบที่สุด และเตือนเธอไว้ด้วย ว่าถ้าหากเธอไม่สามารถหุบปากของตัวเองลงได้ เธอคงจะรู้ดีว่าต้องเจอกับอะไร!”
และหลังจากที่ลู่ซีหลีวางหูโทรศัพท์ลงได้ไม่นาน โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเธอก็ดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “ประธานลู่คะ นักศึกษากู้มาขอพบและอยากจะกล่าวขอบคุณประธานลู่ด้วยตัวเองน่ะค่ะ”
“โอเค” ลู่ซีหลียิ้มมุมปาก ก่อนจะวางหูโทรศัพท์ลงและหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
……
เมื่อกู้สวงส่วงได้ยินพนักงานสาวเรียกพี่คนสวยว่า “ประธานลู่” มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตกตะลึงหนักกว่าเก่า
ที่แท้พี่สาวคนสวยก็คือนายหญิงของ CC International เองเหรอเนี่ย?
“มีอะไรรึเปล่าจ้ะ?”
จู่ ๆ เสียงหวานของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของกู้สวงส่วง
และพอกู้สวงส่วงหันกลับมา เธอก็ได้พบกับหญิงสาวร่างสูงแสนเสน่ห์ที่เธอกำลังรอคอย——
“ประธานลู่”
ถึงแม้ว่ากู้สวงส่วงจะรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่สาวคนสวย แต่เธอก็ยังสามารถรักษามารยาทกับผู้อาวุโสกว่าได้อย่างน่าประทับใจ “ก่อนอื่นหนูต้องกราบขออภัยที่มารบกวนเวลาของประธานลู่ด้วยนะคะ คือหนูแค่อยากจะมาขอบคุณท่านประธานเป็นการส่วนตัว หนูรู้สึกซาบซึ้งที่ท่านประธานให้ความยุติธรรมกับหนู และช่วยให้หนูได้พิสูจน์ความจริงทุกอย่าง ท่ามกลางความเชื่อที่ว่า หนูเป็นคนลอกเลียนแบบงานของคนอื่นน่ะค่ะ แถมหนูยังขาดสติจนลืมไปเลย ว่าวันที่จัดเก็บไฟล์ก็ยังสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวหนูได้”
“แต่หนูยังสงสัยอยู่ว่า…..”
หญิงรุ่นพี่ฉีกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะขัดจังหวะกู้สวงส่วงขึ้นมาเสียงดังว่า “กู้สวงส่วงใช่มั้ยจ้ะเนี่ย? วันนี้ฉันนั่งทำงานมาทั้งวัน เราไปหาอะไรดื่มกันก่อนดีมั้ย?”
กู้สวงส่วงรู้สึกประหม่าหนักกว่าเก่า แต่เธอเองก็รู้สึกว่าการยืนคุยกันแบบนี้นั้นไม่ค่อยจะสุภาพสักเท่าไหร่ เธอจึงตัดสินใจพยักหน้าตอบรับพี่สาวคนสวยไปอย่างว่าง่าย “ได้ค่ะ ประธานลู่”
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
หลังจากที่ลู่ซีหลีสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานเสิร์ฟไปจนเสร็จสรรพ เธอก็หันกลับมาถามกู้สวงส่วงเสียงหวานว่า “มีอะไรอยากจะถามฉันเหรอจ้ะ?”
กู้สวงส่วงจึงเริ่มกล่าวคำขอบคุณอย่างจริงใจอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจด้วยความอยากรู้
และพอลู่ซีหลีได้ฟังคำถามจากกู้สวงส่วง มันก็ทำให้เธอเผลอหลุดขำออกมาทันที “ไม่ต้องแปลกใจหรือคิดมากไปหรอกจ้ะ และฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะเทคแคร์อะไรเธอมากเป็นพิเศษ เพราะถึงยังไงเราสองคนก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย จริงมั้ย?”
กู้สวงส่วงจับตาดูท่าทีของลู่ซีหลีอยู่ตลอดเวลา และถึงแม้ว่าเธอจะยังรู้สึกสงสัยในการกระทำของลู่ซีหลี แต่เธอก็เลือกที่จะกล่าวคำขอบคุณกลับไปอีกครั้งด้วยความซาบซึ้งจากใจจริง “ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะประธานลู่
ที่อุตส่าห์เข้ามาช่วยหนูไว้”
แต่มีหรือ ที่หญิงอัจฉริยะอย่างลู่ซีหลีจะไม่รู้ว่ากู้สวงส่วงได้บัญญัติเธอไว้ในหมวด “ผู้ต้องสงสัย” ไปเรียบร้อยแล้ว?