หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 42
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน เมื่องานออกแบบของกู้สวงส่วงเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง กู้สวงส่วงก็รีบนำแผ่นภาพที่เธอเพิ่งจะร่างเสร็จไปหมาด ๆ นั้น สแกนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คต่อไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย!
จากนั้นเธอก็ฟุบลงนอนกับโต๊ะทันที ด้วยความที่เธอหักโหมอยู่กับงานออกแบบชิ้นนี้มานานหลายชั่วโมง
แต่สุดท้ายเธอก็ต้องถูกจ้าวเสี่ยวเอ๋อร์กับโจวเป้ยลากลงไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันต่ออยู่ดี
หลังจากที่พวกเธออิ่มหนำกับมื้อเที่ยงกันไปพอสมควรแล้ว กู้สวงส่วงจึงกะว่าจะกลับมาจัดแจงรายละเอียดของงานออกแบบต่ออีกหน่อย แต่ทันทีที่พวกเธอเดินกลับมาถึงหน้าห้อง พวกเธอกลับพบว่าประตูห้องของพวกเธอนั้น ถูกเปิดทิ้งไว้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันถูกล็อกด้วยแม่กุญแจไว้เป็นอย่างดี
ทั้งสามคนจึงหันมามองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจพากันเดินเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ ๆ แต่ในขณะที่พวกเธอค่อย ๆ ผลักประตูเข้าไปดูนั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่บุคคลข้างในห้องหันหน้ามาพอดี และเมื่อคนคนนั้นหันมาเห็นพวกเธอทั้งสามเข้า สีหน้าของคนคนนั้นก็ซีดผาดไปในทันตา “โอ๊ย ตกใจแทบแย่!”
จ้าวเสี่ยวเอ๋อร์จึงเบะปากถาม “แล้วคุณหนูกลับมาทำอะไรที่หอมิทราบ?”
เมื่อเจอกับคำถามแบบนี้ มือข้างที่เวินหลิงกำลังถือกระเป๋าชาแนลก็ไขว้ไปด้านหลังทันที “ห้องนี้ก็เป็นห้องของฉันเหมือนกัน ฉันจะเข้ามาเอาของหน่อยไม่ได้รึไง?”
พูดจบ เวินหลิงก็รีบจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทันที
กู้สวงส่วงกับเพื่อนอีกสองคนจึงหันมามองหน้ากัน ก่อนจะสบถออกมาพร้อม ๆ กันว่า “เพี้ยนจริง ๆ ”
………
และแล้วก็มาถึงวันที่มีการจัดแสดงแฟชั่นโชว์ของชุดที่ผู้เข้าแข่งขันส่งเข้าประกวด อีกทั้งยังมีการตัดสินผลการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศอีกด้วย
ดังนั้น ภายในศูนย์กิจกรรมของมหาวิทยาลัยในวันนี้ จึงเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาที่เข้ามาร่วมชมแฟชั่นโชว์และร่วมฟังผลการตัดสินกันอย่างล้นหลาม
เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึง 10 โมงตรง เหล่าบรรดานักออกแบบของทาง CC International ที่ได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่ตัดสินผลการแข่งขันในวันนี้ก็มาถึง และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทางทีมงานสภานักเรียนจึงเริ่มเปิดการแสดงแฟชั่นโชว์ขึ้นทันทีตามลำดับ
ขณะเดียวกัน กู้สวงส่วงเองก็กำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยของชุดที่เธอออกแบบเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีโจวเป้ยอาสาเป็นนางแบบให้กับเธอด้วย
และการแสดงแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องถูกส่งขึ้นไปเดินบนแคทวอล์คทีละ 2 กลุ่ม โดยกู้สวงส่วงได้ถูกจับคู่กับกลุ่มเด็กหัวกะทิประจำห้อง 3 ซึ่งก็คือกลุ่มของจังเหว่ยลี่นั่นเอง
การแสดงแฟชั่นโชว์ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งพิธีกรเอ่ยหมายเลขของกู้สวงส่วงขึ้น และเมื่อม่านสีแดงถูกคลี่ออกอย่างช้า ๆ ทั้งเสียงเพลงและแสงสีก็เริ่มโหมกระหน่ำต้อนรับพวกเธออีกครั้ง
กู้สวงส่วงจับมือโจวเป้ยเดินเฉิดฉายออกมาตามแคทวอล์คที่ถูกจัดเตรียมไว้ ก่อนจะเดินอวดโฉมไปทางซ้าย และกลับมายืนโพสต์ท่าร่วมกันที่จุดกึ่งกลางของเวที
ติดตามมาด้วยจังเหว่ยลี่ที่จูงมือนางแบบของเธอเดินขึ้นมาเฉิดฉายบนเวทีต่อตามลำดับ
แต่ทันทีที่กลุ่มของกู้สวงส่วงและจังเหว่ยลี่เดินมาบรรจบอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของเวทีพร้อมกันปุ๊บ ผู้ชมที่อยู่ในศูนย์กิจกรรมแห่งนี้ก็พากันตกตะลึงและส่งเสียงวิพากย์วิจารย์กันอย่างโกลาหล
จนทำให้กู้สวงส่วงเริ่มรู้สึกมึนงงกับเสียงพูดคุยที่ฟาดฟันกันไปมาจนฟังไม่ได้ศัพท์
แต่พอเสียงเพลงประกอบฉากถูกหยุดเล่น พร้อมกับไฟเวทีทุก ๆ ดวงที่ถูกเปิดขึ้น กู้สวงส่วงก็ถึงกับอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว!
เนื่องจากชุดที่นางแบบของจังเหว่ยลี่กำลังสวมใส่อยู่นั้น เหมือนกับชุดที่โจวเป้ยกำลังสวมใส่อยู่เป๊ะ!
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
เพราะต่อให้แนวคิดของจังเหว่ยลี่กับเราจะไปในทิศทางเดียวกัน แต่ใครจะไปนั่งบอกเธอได้ล่ะ ว่าดีเทลของชุดในแต่ละส่วนมันเป็นยังไง ไหนจะเรื่องของการตัดเย็บและการเลือกเนื้อผ้าอีก มันจะบังเอิญทำออกมาเหมือนกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ดังนั้นมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างแล้วล่ะ
สีหน้าของกู้สวงส่วงเริ่มเย็นชาลงอย่างช้า ๆ
ในขณะที่จังเหว่ยลี่นั้นเอาแต่ชี้นิ้วมาที่ชุดของโจวเป้ยด้วยสีหน้าแตกตื่น และแสร้งทำเป็นตกใจจนออกนอกหน้า “ทำไมชุดของเธอกับฉันถึงได้เหมือนกันแบบนี้ห้ะ?! อธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
กู้สวงส่วงแทบอยากจะหัวเราะใส่หน้าจังเหว่ยลี่ แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเผชิญหน้ากับจังเหว่ยลี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่ผู้ชมด้านล่างเวที โดยเฉพาะที่นั่งแถวแรก ที่ถูกเรียงรายไปด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ของทางมหาวิทยาลัยและเหล่านักออกแบบของทาง CC International
เนื่องจากมีสายตาคู่หนึ่งในนั้น กำลังจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา จนทำให้เธออดใจหันมามองไม่ได้!
ท่ามกลางแสงไฟสว่างจ้า และเสียงฮือฮาของผู้คนนับร้อย แต่เธอคนนี้กลับนั่งนิ่งและจับจ้องมาที่กู้สวงส่วงเพียงคนเดียว
กู้สวงส่วงจึงเพ่งมองกลับไป จนในที่สุดเธอก็ต้องตกตะลึงกับความสวยที่ยังคงตราตรึงใจอยู่
เพราะเธอผู้นี้ก็คือพี่สาวคนสวย ที่กู้สวงส่วงเคยพบที่หน้าบ้านของคุณลุงตัวท็อปนั่นเอง
และแล้ว การแสดงแฟชั่นโชว์ในวันนี้ก็ต้องถูกยกเลิกลงกลางคัน เนื่องจากมีผลงานที่คล้ายคลึงกันถูกส่งเข้าประกวด
แถมทางCC International ยังไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้ ดันมาเกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของพวกเขา ดังนั้นทาง CC International จึงขอให้ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยX เข้ามาตรวจสอบและชี้แจงเรื่องนี้โดยด่วน!
กู้สวงส่วงคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าแบบร่างของเธอถูกคัดลอกไปได้ยังไง ในเมื่อต้นฉบับของงานออกแบบก็อยู่ในมือเธอเองแท้ ๆ และมีเพียงเสี่ยวหมิงกับเป้ยเป้ยเท่านั้นที่เคยเห็นมัน ส่วนไฟล์ที่ต้องส่งเข้าชิง เธอก็ได้ส่งแฟกซ์ให้กับทาง CC International ไปก่อนแล้ว
ดังนั้นจังเหว่ยลี่จะไปเห็นแบบชุดของเธอได้จากที่ไหน?
แล้วจู่ ๆ โจวเป้ยก็พูดขึ้นมาว่า “ส่วงเอ๋อ ยังจำวันนั้นที่พวกเราลงไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันได้รึเปล่า? เพราะตอนที่เรากลับขึ้นมาบนห้อง เวินหลิงก็อยู่ในห้องนี้ด้วยนะ”
กู้สวงส่วงพยักหน้า “นี่แกหมายถึง……แต่ผลงานของเวินหลิงไม่ได้เข้ารอบสักหน่อย เธอจะมาขโมยแบบชุดของฉันไปทำไม?”
ในขณะที่เธอทั้งคู่กำลังวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้อยู่นั้น จู่ ๆ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของกู้สวงส่วงก็ดังแทรกขึ้นกลางคัน
และนั่นก็เป็นสายเรียกเข้าจากหัวหน้าห้องที่โทรเข้ามาแจ้งว่า ผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยนัดพบกู้สวงส่วงที่หน้าประตูใหญ่ตอนบ่ายโมง เพื่อจะนำตัวเธอไปชี้แจงกับทาง CC international
อะไรกันเนี่ย นี่พวกเขากะจะไม่ให้เวลาฉันหาหลักฐานไปพิสูจน์บ้างเลยเหรอ?
……..
ณ ห้องประชุมของ CC International ที่ดูน่าอึดอัดยิ่งกว่าห้องสอบสวนในสถานีตำรวจเสียอีก
กู้สวงส่วงกับจังเหว่ยลี่นั่งหันหน้าเข้าหากัน โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการนั่งขนาบอยู่ข้าง ๆ แล้วจากนั้นผู้จัดการหนุ่มนามว่า "หลี่หมิง" ก็เริ่มแนะนำตัวในที่ประชุม
ก่อนจะหันมองไปทางกู้สวงส่วงเป็นลำดับต่อไป “ไม่ทราบว่าหนูส่งแฟกซ์มาทาง CC International ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
กู้สวงส่วงจึงย้อนนึกกลับไปอย่างช้า ๆ แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ส่งมาวันที่ 13 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 2 ทุ่มค่ะ ลองตรวจสอบดูได้เลย”
หลี่หมิงจึงก้มหน้าดูบันทึกในมือ ก่อนจะพยักหน้าให้กับกู้สวงส่วง
และหันหน้าไปทางจังเหว่ยลี่
จังเหว่ยลี่จึงลุกขึ้นยืนและตอบกลับมาว่า “หนูส่งแฟกซ์มาวันที่ 13 พฤศจิกายน เวลาประมาณบ่ายโมง 20 นาทีค่ะ”
กู้สวงส่วงหน้าซีดผาดเหมือนไก่ต้ม ก่อนจะหันมองไปทางจังเหว่ยลี่ด้วยแววตาเฉียบคม “จังเหว่ยลี่ ตอนนั้นฉันเพิ่งจะอัปโหลดไฟล์ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ! เธอนี่เหลวไหลใหญ่แล้ว!”
“ฉันไม่ได้เหลวไหลนะ! ผู้จัดการหลี่ตรวจสอบในบันทึกดูได้เลยค่ะ” ดวงตาทั้งสองข้างของจังเหว่ยลี่เริ่มแดงก่ำ ก่อนจะหันมองไปทางผู้อำนวยการด้วยสีหน้าน้อยใจ “อาจารย์คะ หนูพูดจริง ๆ นะคะ”
กู้สวงส่วงจึงจับจ้องไปทางหลี่หมิง และรอให้เขาเงยหน้าขึ้นจากบันทึก
ไม่นานนัก หลี่หมิงก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งอัปโหลดบันทึกการรับส่งแฟกซ์ขึ้นบนจอโปรเจคเตอร์ และขยายหลักฐานให้ใหญ่ขึ้น จนทำให้ทุกคนในห้องประชุมเห็นพร้อมกัน
ว่าเวลาที่จังเหว่ยลี่ส่งแฟกซ์เข้ามานั้น เป็นช่วงเวลาบ่ายโมง 20 นาทีจริง ๆ !
กู้สวงส่วงส่ายหน้าให้กับหลักฐานบนจอยักษ์ “เป็นไปไม่ได้! ตอนนั้นหนูเพิ่งจะอัปโหลดต้นฉบับเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เองนะคะ…”
สายตาทุกคู่ในห้องประชุมจับจ้องมาที่กู้สวงส่วงอย่างเยือกเย็น ราวกับมีดดาบที่พร้อมจะเชือดเฉือนลงบนเนื้อหนังของเธอ
หลี่หมิงจึงเคาะกำปั้นลงบนโต๊ะ และพูุดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “กู้สวงส่วง ถ้าหนูมีหลักฐานว่างานออกแบบของหนูไม่ได้คัดลอกของผู้อื่นมาจริง ๆ หนูก็งัดมันออกมาตอนนี้เลย”
กู้สวงส่วงนั่งตัวแข็งทื่อ มือทั้งสองข้างของเธอเองก็จับขอบโต๊ะไว้แน่น
หลักฐานงั้นเหรอ? เธอไม่มีหรอก และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปหามาได้จากที่ไหน?
จิตใจของกู้สวงส่วงเริ่มร้อนรนจนดวงตาคู่สวยแดงก่ำ แต่เธอก็ยังพยายามทวงความยุติธรรมของตัวเองกลับคืนมา “ผู้จัดการหลี่ อาจารย์ หนูขอเวลาหน่อยนะคะ หนูจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ และหนูขอสาบานไว้ตรงนี้เลยว่า หนูไม่เคยลอกงานใครค่ะ”
แต่ผู้อำนวยการกลับมองมาที่เธอด้วยสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและพูดกับหลี่หมิงว่า “ผู้จัดการหลี่ ผมต้องขอโทษแทนนักศึกษาของผมจริง ๆ ที่เธอกล้าทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ได้ และผมต้องกราบขอโทษทาง CC International ด้วยนะครับ ที่ทำให้ต้องผิดหวัง ผมจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเองครับ”
“กู้สวงส่วง การลอกเลียนแบบงานของคนอื่น เป็นสิ่งที่ผิดบาปและน่าละอายจริง ๆ ! ดังนั้นไม่ว่าเธอจะยอมรับผิดตั้งแต่ตอนนี้ หรือให้ครูเป็นผู้เปิดเผย งานออกแบบของเธอก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นงานลอกเลียนแบบอยู่ดี จริงมั้ย?”
“หนูไม่ได้ลอกงานใครนะคะอาจารย์! อาจารย์จะมาตัดสินหนูแบบนี้ไม่ได้นะคะ!”
กู้สวงส่วงระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความสุดทน
พร้อมทั้งจ้องมองไปยังผู้อำนวยการตาเขม็ง ก่อนจะพูดตอกกลับด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า “หนูรู้ว่าผลการเรียนของจังเหว่ยลี่ดีกว่าหนู แถมเธอยังได้รับรางวัลต่าง ๆ มามากมาย แต่หนูอยากรู้จริง ๆ ว่าไอ้ผลการเรียนเนี่ย มันสามารถเอามาตัดสินพรสวรรค์ของคนอื่นได้ด้วยเหรอคะ? ถ้าหากว่าทางมหาวิทยาลัยจะตัดสินตัวหนู โดยไม่ยอมตรวจสอบให้แน่ชัดกว่านี้จริง ๆ หนูก็คงจะรู้สึกผิดหวังกับมหาวิทยาลัยX แห่งนี้ไปจนวันตายเลยละค่ะ!”
“กู้สวงส่วง ถ้าขืนเธอยังทำพฤติกรรมแบบนี้อีก ครูก็คงต้องขอให้เธอลาออกแล้วล่ะ!”
กู้สวงส่วงแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เธอไม่ได้ลอกงานออกแบบของใครสักหน่อย ทำไมเธอจะต้องถูกไล่ออกด้วย? ไม่ยุติธรรมเลยจริง ๆ !