หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 41
แต่ข้อมือเรียวเล็กของเธอกลับถูกอุ้งมืออุ่นคว้าไว้แน่น
กู้สวงส่วงจึงรีบก้มหน้าหลบตา ก่อนที่เขาจะได้เห็นใบหน้าที่ร้อนผ่าวจนแดงก่ำของเธอเข้าเสียก่อน
และพอเสิ่นมั่วเฉิงเห็นดังนั้น เขาจึงตัดสินใจรวบตัวเธอเข้ามาแนบอกอุ่นของเขาทันที “พอได้แล้วน่า! ถ้าฉันจะทำอะไรเธอจริง ๆ ฉันไม่ดึงเธอเข้ามากอดไว้แบบนี้หรอก”
พอได้ยินดังนั้น ร่างกายที่แข็งเกร็งของกู้สวงส่วงก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงทันทีจนเขาสัมผัสได้
เสิ่นมั่วเฉิงจึงกุมมือน้อย ๆ ของเธอเอาไว้ ก่อนจะหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วกระซิบกับเธอเบา ๆ ว่า “พรุ่งนี้ฉันจะต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ เพราะงั้นคืนนี้ฉันก็เลยอยากจะเจอเธอก่อน”
กู้สวงส่วงผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แล้วถามเขาต่อว่า “จะไปไหนเหรอคะ?”
“อเมริกาน่ะ แถมต้องไปประมาณ 20 กว่าวันด้วยนะ เธอจะคิดถึงฉันรึเปล่า?”
กู้สวงส่วงเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาด้วยดวงตาที่เบิกโพลง ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
ชายร่างสูงจึงค่อย ๆ ก้มหน้าลง พร้อมกับเอนตัวลงไปหาคนตัวเล็กอย่างช้า ๆ “ว่าไงนะ?”
“ทำไมหนูต้องคิดถึงคุณด้วย? คุณกับหนูไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย!” กู้สวงส่วงตอกกลับชัดเจนทุกถ้อยคำ แต่เธอก็ยังถามต่อด้วยสีหน้าจริงจังว่า “นี่คุณต้องไปถึงอเมริกาจริง ๆ เหรอคะ? ธุรกิจของคุณนี่ ใหญ่โตจนถึงขั้นมีลูกค้าต่างชาติมาอุดหนุนเลย?”
“……..”
คุณชายเสิ่นรู้สึกหมดคำจะพูดกับเด็กคนนี้แล้วจริง ๆ ……
แต่การได้มาเจอหน้าศรีภรรยาที่แสนน่ารักในคืนก่อนวันเดินทางแบบนี้เนี่ย มันก็ทำให้ความหดหู่ภายในใจลดน้อยลงไปได้เยอะเหมือนกันนะ…..
…………….
รุ่งเช้าวันต่อมา
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่บนทิวเขาที่เงียบสงบที่สุดในเมืองA
เมื่อพี่หวังจัดเตรียมมื้อเช้าในแบบตะวันตกจนเสร็จสรรพ เธอก็ยกออกมาวางเรียงรายบนโต๊ะอาหารด้านนอกทันที
โดยมีเสิ่นมั่วเฉิงที่นั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว
เพียงแต่ในวันนี้ เขาสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบ ๆ และสวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำอีกชั้นอย่างสบาย ๆ จนทำให้ลุคของเขาในวันนี้นั้น ดูไม่ค่อยจะเป็นทางการสักเท่าไหร่
และหลังจากที่เสิ่นมั่วเฉิงทานมื้อเช้าเสร็จ พี่หวังก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้กับเขาทันทีอย่างรู้งาน เสิ่นมั่วเฉิงจึงรับกระดาษทิชชู่จากมือพี่หวังขึ้นมาเช็ดปากอย่างละเมียดละไม
แต่พอพี่หวังก้มหน้าดูเวลาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าตอนนี้มันเพิ่งจะ 6 โมง 30 นาทีเท่านั้นเอง และถ้าหากว่าเธอจำไม่ผิด ไฟล์ทบินของนายท่านจะเริ่มขึ้นบินในเวลา 9 โมง 45 นาทีมิใช่หรือ?
แต่นี่จั่วเฮ่าก็มารออยู่หน้าคฤหาสน์แล้วด้วย
พี่หวังจึงหันกลับมามองชายร่างสูงในชุดสูท ที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระเป๋าเอกสารแบบจัดเต็ม จนพี่หวังอดถามไม่ได้ว่า “นายท่านออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ แสดงว่านายท่านจะ….แวะเข้าไปที่โรงพยาบาลก่อนเหรอคะ?”
เสิ่นมั่วเฉิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับด้วยแววตาที่เริ่มขุ่นมัว
“ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกผม ว่าช่วงนี้เธอค่อนข้างเหวี่ยง และชอบขว้างปาสิ่งของใส่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้านล่างตึก อีกอย่าง ตัวผมเองก็ไม่ได้แวะเข้าไปดูอาการเธอมานานแล้วด้วย”
พอเขาเอ่ยถึง “เธอ” ขึ้นมา สีหน้าของพี่หวังก็เปลี่ยนไปในทันที
ณ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางเมือง A
รถเก๋งคันสีดำแล่นมาจอดเทียบหน้าโรงพยาบาลในเวลา 7 โมงตรง
ชายร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างอยู่เบาะหลังเริ่มขมวดคิ้วแน่น แต่ดวงตาทั้งสองข้างของเขายังคงปิดสนิท
จั่วเฮ่าจึงนั่งรออยู่อย่างนั้นพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจกระซิบออกมาเบา ๆ ว่า “ท่านประธานครับ ถึงโรงพยาบาลแล้วครับ”
ชายร่างสูงจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จนทำให้ใบหน้าที่ดูจืดชืดเมื่อครู่นี้เปล่งประกายขึ้นมาในทันตา แล้วจากนั้นเขาก็หันมองไปที่ตึกสูงสีขาวนวลด้วยแววตาเรียบนิ่ง
จั่วเฮ่าเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งลงจากรถเพื่อไปเปิดประตูให้กับเสิ่นมั่วเฉิงอย่างรู้งาน
และทันทีที่จั่วเฮ่าเปิดประตูออกปุ๊บ สายลมยามเช้าก็พัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเสิ่นมั่วเฉิงทันที จนคิ้วหนาทั้งสองข้างของเขาเริ่มคลายตัวลง
แต่หลังจากที่เขาก้าวเท้าลงมา พร้อมทั้งยกมือหนาขึ้นติดกระดุมเสื้อสูทไปแล้วนั้น เขาก็ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีกตามเคย
และนั่นก็ทำให้จั่วเฮ่าอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านประธานจะไปเยี่ยมคุณชายก่อน หรือว่า…..”
“ไปเยี่ยมเธอก่อนก็แล้วกัน”
พูดจบ ริมฝีปากบางของเขาก็เม้มแน่นไม่ยอมพูดยอมจาอะไรออกมาอีก มีเพียงใบหน้าที่บูดบึ้งและแววตาที่เย็นชาเท่านั้น ที่ยังคงทำให้เขาดูเป็นเสิ่นมั่วเฉิงคนเดิม
เสิ่นมั่วเฉิงก้าวเท้าเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างช้า ๆ จนทำให้จั่วเฮ่าสัมผัสได้ว่าเขาไม่ค่อยเต็มใจอยากจะเข้าไปสักเท่าไรนัก
…………..
กู้สวงส่วงฟุบลงกับโต๊ะ โดยไม่ลืมที่จะยกหนังสือขึ้นมาบังหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คเวลา
เนื่องจากในเช้าวันนี้ เธอได้แอบส่งข้อความคุยกับพี่หวัง จนเธอเชื่อแล้วจริง ๆ ว่าเขาต้องเดินทางไปอเมริกาในช่วง 9 โมง 45 นาที
จากนั้นกู้สวงส่วงก็หันหน้ามองออกไปยังพระอาทิตย์ดวงโตที่แสนอบอุ่น พลางคิดในใจไปด้วยว่า ถ้าหากมีเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านไป ก็อาจจะเป็นลำเดียวกับที่เขานั่งอยู่ก็ได้
“สวงส่วง เหม่ออะไรอยู่ หัวหน้าเรียกน่ะ” จ้าวเสี่ยวเอ๋อร์ใช้ข้อศอกดันเบา ๆ
กู้สวงส่วงจึงรีบเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่าทุกคนในที่นี้กำลังจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว
รวมไปถึงหัวหน้าห้อง และรุ่นพี่ในสภานักเรียนทั้งหลายแหล่ด้วย
กู้สวงส่วงเป็นสมาชิกของสภานักเรียนในมหาวิทยาลัยX และเธอมักจะเข้ามาช่วยจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยร่วมกับพี่ ๆ นักศึกษาคนอื่นอยู่เป็นประจำ
“สวงส่วง บ่ายนี้เธอต้องเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของ CC International กับพวกพี่นะ เพราะพวกเขามีแผนว่าจะจัดการแข่งขันขึ้นที่มหาวิทยาลัยของเรา” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น
“ได้ค่ะ!” แม้ว่ากู้สวงส่วงจะต้องเข้ามาช่วยพี่ ๆ จัดกิจกรรมนี้อยู่แล้ว แต่ตัวกู้สวงส่วงเองก็อยากจะไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่อย่าง CC International มานานแล้วเหมือนกัน
……..
บ่ายโมงครึ่ง ณ หน้าประตูมหาวิทยาลัยX กู้สวงส่วงพร้อมด้วยรุ่นพี่ในสภานักเรียนอีก 3 คนรีบขึ้นนั่งบนรถตู้ของมหาวิทยาลัยทันทีตามเวลานัดหมาย
และสำนักงานใหญ่ของ CC International จะตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองA ซึ่งตึกสูงหลายตึกที่ตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณนั้น ก็คือตึกสำนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ทันทีที่กู้สวงส่วงกับพวกรุ่นพี่ก้าวเข้ามาถึงแผนกต้อนรับของ CC International
พนักงานคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาต้อนรับพวกเขา ก่อนจะนำพวกเขาเดินมารอลิฟต์ เพื่อขึ้นไปยังห้องประชุมชั้นสองเป็นลำดับต่อไป
ซึ่งในขณะนั้น บริเวณหน้าลิฟต์ก็จะเต็มไปด้วยพนักงานของบริษัทหลายสิบคนที่กำลังยืนออกันอยู่
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวร่างสูงคนหนึ่งเดินเฉิดฉายออกมาจากลิฟต์ที่มีป้ายกำกับไว้ว่า 'เฉพาะผู้บริหาร'
ร่างสูงในชุดเดรสสีเบจเข้ารูปจึงถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย
ตามมาด้วยเลขาส่วนตัวของเธอที่กำลังพล่ามถึงภารกิจในช่วงบ่ายไม่มีหยุด
เธอคนนั้นพยักหน้าตอบรับกับเลขาส่วนตัวรัว ๆ ก่อนจะหันหน้ามองไปยังเด็กสาวคนหนึ่งนานนับ 10 วินาที
แต่สุดท้ายเธอก็ต้องรีบเดินออกไปนอกอาคาร โดยมีรถเก๋งสีดำแล่นมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอในวินาทีถัดมา
พอลู่ซีหลีขึ้นนั่งในโซนเบาะหลังปุ๊บ เธอก็ยกนิ้วเรียวขึ้นคลึงขมับทั้งสองข้างทันที โดยที่สีหน้าของเธอยังคงเรียบนิ่งไร้อารมณ์เหมือนอย่างเคย
แต่ไม่นานนัก เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน และพอลู่ซีหลีหันไปเห็นชื่อของบุคคลปลายสาย เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายทันที
หลังจากที่เธอได้ฟังบุคคลปลายสายพูดพล่ามจนจบไปแล้ว มุมปากของเธอก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้มออกมาจาง ๆ “ไม่เป็นไร ถ้าพวกเขามีไอเดียอะไรก็ให้ร่างออกมาได้เลย”
บุคคลปลายสายจึงแย้งขึ้นต่อว่า “แต่ประธานลู่ครับ จริง ๆ แล้วเราไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไปลงทุนสนับสนุนการแข่งขันออกแบบในมหาวิทยาลัยเลยไม่ใช่เหรอครับ? บริษัทระดับชาติที่ไหนจะไปมีเวลา….”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ ลู่ซีหลีก็ดันสวนกลับมาเสียก่อนว่า “นี่ฉันอนุญาตให้คุณเข้ามาก้าวก่ายความต้องการของฉันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? และถ้าพวกเขาอยากจะเสนออะไรมา ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์หมด เข้าใจนะ!”
ผู้จัดการหนุ่มจึงไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกไปอีก เพราะเขารู้ดีว่านายหญิงของเขานั้น ไม่ได้อ่อนโยนและเข้าถึงง่ายเหมือนอย่างที่เห็น
หลังจากที่ลู่ซีหลีกดตัดสายหลี่หมิงไปแล้ว เธอก็โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งลงบนเบาะที่นั่งข้าง ๆ ทันที
ทั้งที่ในหัวของเธอยังคงนึกถึงภาพสาวน้อยเจ้าของแววตาไร้เดียงสาคู่นั้นอยู่
เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนใจไปชอบผู้หญิงแบบนั้นแล้วจริง ๆ เหรอเนี่ย? เธอช่างดูไร้เดียงสา และสะอาดหมดจดเหมือนไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนจริง ๆ
และในเช้านี้ ลู่ซีหลีเองก็ได้รับไฟล์ภาพถ่ายจากนักสืบรับจ้างของเธอมาแล้ว ซึ่งในภาพแรก เสิ่นมั่วเฉิงกำลังก้มจูบเด็กสาวคนหนึ่งอย่างดูดดื่ม จนทำให้ความหื่นกระหายแผ่ซ่านผ่านใบหน้าของเขาออกมาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกภาพหนึ่งนั้น ลู่ซีหลีก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งถึงอวัยวะบางส่วนของเขา ที่กำลังตอบสนองต่อความหื่นกระหายจนเก็บทรงเอาไว้ไม่อยู่
และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของลู่ซีหลีซีดผาดไปในทันที
เนื่องจาก 5 ปีก่อนที่เธอยอมหย่ากับเขานั้น เพราะเธอมั่นใจว่าเขาจะไม่มีทางคบหากับผู้หญิงคนไหนได้อีก อย่างมากเขาก็แค่ต้องไปหาเซียวหยูโหรวเพื่อแก้ขัดในบางเวลา
แต่ในตอนนี้ ลู่ซีหลีเองก็ชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกัน ว่าเขาจะยังเป็นเขาคนเดิมอยู่หรือไม่
ที่แน่ ๆ เธอได้ตั้งใจไว้แล้ว….ว่าเธอจะเข้าไปกระชับมิตรกับเด็กสาวคนนั้นให้ได้
ลู่ซีหลีหลับตาพริ้ม พร้อมทั้งฉีกยิ้มเหมือนอย่างนางร้ายในละครหลังข่าว
–
แผนงานที่กู้สวงส่วงกับพวกรุ่นพี่ช่วยกันคิดนั้น สามารถผ่านการตรวจสอบตั้งแต่รอบแรก จนกู้สวงส่วงกับพวกรุ่นพี่แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็ยังรู้สึกดีใจและภูมิใจมากกว่าอยู่ดี!
โดยเฉพาะกู้สวงส่วงที่มีความกระตือรือร้นต่องานนี้มากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเธอจะเป็นหนึ่งในทีมงานที่ต้องจัดเตรียมงานในครั้งนี้แล้ว เธอยังได้ลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันการออกแบบในครั้งนี้ด้วยอีก
และถ้าหากว่าใครสามารถชนะการแข่งขันในครั้งนี้ได้ เธอหรือเขาคนนั้นก็จะสามารถเข้ามาเซ็นสัญญากับทาง CC International เพื่อเข้าบรรจุเป็นนักออกแบบในเครือได้ในทันที หลังจากที่เธอหรือเขาคนนั้นสำเร็จการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย และพร้อมก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนักออกแบบอย่างเต็มตัว!
ดังนั้น การแข่งขันในครั้งนี้ จึงไม่ใช่การแข่งขันเพื่อคว้าเอาชัยชนะมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังถือเป็นการปูทางให้กับอนาคตของตัวเราเองได้อีกด้วย!
…….
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
กู้สวงส่วงสามารถเข้ารอบ 200 คน จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 10,000 คนได้อย่างสบาย ๆ
และในสองสัปดาห์หลังจากนั้น กู้สวงส่วงก็ยังสามารถเข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้ายได้อีก!
แต่ประเด็นก็คือ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น กู้สวงส่วงเอาแต่หมกตัวอยู่กับงานออกแบบ จนเธอเกือบจะทิ้งคุณลุงตัวท็อปไว้ข้างหลังเลยก็ว่าได้