หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 35
โรงแรมปูด้วยพื้นหินอ่อนเป็นอย่างดี ยามเมื่อส้นสูงเหยียบกระทบทำให้มีเสียงไพเราะดังเสนาะหู
ทุกด้านเป็นกระจก เขาหลุบตาลงพลันหางตาก็เห็นหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามา
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงเรียบว่า “แค่นี้นะ ไว้ค่อยคุยกัน”
เขาเงยหน้า จ้องมองตัวเลขลิฟต์กำลังเคลื่อนที่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย นิ้วเรียวจับโทรศัพท์อย่างสบายใจ มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกง
ขณะนั้น ในลิฟต์มีเพียงพวกเขาสองคน ทั้งคู่ต่างหายใจกันอย่างแผ่วเบา
ชั้นแปด 'ติ่งต่อง'
ขาเรียวยาวของชายหนุ่มเคลื่อนที่
แต่เมื่อก้าวออกจากลิฟต์ แขนเสื้อสีขาวสะอาดกลับถูกคนที่เดินตามหลังมาดึงเบาๆ
สายลมอ่อนๆ ข้างกายพัดพากลิ่นอายของหญิงสาวปะปนมาด้วย เธอร้องเรียกเสียงเรียบหากแต่แฝงด้วยความเร่งรีบเล็กน้อย: “มั่วเฉิง——”
คนที่ยืนอยู่ตรงกลาง จากกลุ่มคนที่กำลังยืนรออยู่หน้าลิฟต์เงยหน้าขึ้นมอง เขายิ้มแล้วยื่นมือออกไปข้างหน้า “ประธานเสิ่นก็พักอยู่ชั้นแปดเหรอครับ?”
เสิ่นมั่วเฉิงเย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อยกมือขวาขึ้น แขนเสื้อที่ถูกแรงจับอยู่จึงคลายออกโดยปริยาย เขาจับมือกับสุภาพบุรุษท่านนี้อย่างสุภาพ “ประธานเหิงต้าหลิว เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่านครับ”
เหิงต้าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของเมืองA และเซิ่งซื่อได้มีการติดต่อทางธุรกิจกันมากมาย เสิ่นมั่วเฉิงและประธานหลิวเป็นเพื่อนตีกอล์ฟในเวลาส่วนตัวของกันและกันเสมอ
ประธานหลิวเห็นสาวสวยเดินตามติดออกมาข้างตัวเขา ด้วยมารยาทแล้วนั้น เขาเลิกคิ้วและเอ่ยถาม “ประธานเสิ่น คนนี้เป็นใครกันครับ?”
“อดีตภรรยาครับ”
ชายร่างสูงยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่นานด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในน้ำเสียงเยือกเย็นนั้นไม่มีร่องรอยการแปรปรวนของอารมณ์ใดๆ
เสียงพูดคุยหายไป และประตูลิฟต์เงียบลงไปได้สักพัก
ประธานหลิวแปลกใจ ที่ประธานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเซิ่งซื่ออย่างเสิ่นมั่วเฉิงอายุเพียงสามสิบสองปีและแทบไม่มีปรากฏอยู่บนนิตยสาร ชีวิตส่วนตัวดูจริงจังและลึกลับ ทั้งยังเป็นเพียงไม่กี่คนในกลุ่มชนชั้นสูงที่มีความสามารถ
และยังได้ทราบถึงความสัมพันธ์ของเขากับผู้บัญชาการนามสกุลฉู่คนเก่าที่มีชื่อเสียงของเมืองA และหากว่าทำไมคุณปู่ถึงนามสกุลฉู่ หลานชายนามสกุลเสิ่นก็ไม่มีใครรู้ถึงความลับระดับสูงนี้ได้เลย
กล่าวว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นตำนานได้เลยล่ะ เวลาเพียงเจ็ดปีก็สร้างอาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่แห่งนี้ขึ้นได้ ภูมิหลังไม่ธรรมดา แต่ค่อนข้างทำให้เข้าใจยากไปกว่าความจริงสักหน่อย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า อายุน้อยขนาดนี้ จะแต่งงานและหย่าร้างกันเสียแล้ว?
อย่างไรก็ตาม ประธานหลิวในวัยกลางคนท่านนั้นใจเย็นมาก ความประหลาดใจที่มีอยู่ไม่ได้แสดงออกบนใบหน้าสักนิด ทั้งยังส่งยิ้มและพยักหน้าเบาๆ ให้สาวสวยที่แต่งตัวสวยงามดูดีอีกด้วย
มือขาวเนียนของอีกฝ่ายทัดผมยาวสลวยไว้ข้างหู ยิ้มอย่างสุภาพและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “สวัสดีค่ะ”
ประธานหลิวไม่ได้มองหญิงสาวต่ออีก ไม่ว่าจะสวยแค่ไหน แต่ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับประธานเสิ่นเขาก็ไม่กล้ามองไปมากกว่านี้
เขายิ้มเล็กน้อย และหันไปพูดคุยกับชายร่างสูงหน้าตาเคร่งขรึมตรงหน้า เรื่องที่สนทนากันคือ บริเวณถนนย่านการค้ามหาวิทยาลัยในเมืองA ที่กำลังคึกคักและออกทุนโดยรัฐบาล เซิ่งซื่อเข้ายึดอำนาจตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ลากไปจนถึงร้านค้าชั้นนำทั้งหมด และกำลังมีการเปิดประมูล
กลุ่มคนที่อยู่ด้านข้างยืนรอด้วยความนอบน้อม โดยไม่มีใครเดินเข้าออกลิฟต์
เสิ่นมั่วเฉิงเอ่ยออกมาคำสองคำด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มนวดที่หว่างคิ้ว บนใบหน้าได้รูปมีความเหนื่อยล้าฉายออกมา
ประธานหลิวรู้ว่าต้องทำอย่างไร จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ประธานเสิ่น ไว้เจอกันที่สนามกอล์ฟนะครับ!”
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากและพยักหน้าเบาๆ
เมื่อประตูลิฟต์ปิด และคนกลุ่มนั้นเดินจากไป
บริเวณรอบๆ ก็เงียบลงทันที
นิ้วของชายหนุ่มลูบที่แขนเสื้อเบาๆ หันหลังกลับแล้วเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง เดินตรงไปเรื่อยๆ พร้อมกับกวาดสายตามองหมายเลขห้อง
เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ยังคงเดินไปเรื่อยๆ
คนที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ส่งเสียงอะไร เพียงเดินตามมาเงียบๆ
ลู่ซีหลีเงยหน้ามองชายร่างสูง ผู้ซึ่งอยู่ห่างจากเธอเพียงสามสี่ก้าว รู้สึกทึ่งอยู่เล็กน้อย เหมือนมีอะไรบางอย่างมาปั่นป่วนอยู่ในหัวใจ รักหรือเกลียดทั้งหมดผสมปนเปกันไปหมด
ขณะเดินแผ่นหลังของเขาตั้งตรง สันหลังภายใต้เสื้อเชิ้ต ทั้งยังไหล่กว้าง เอวสอบ และลายกล้ามเนื้อทุกมัดก็ได้สัดส่วน เวลาเดินยิ่งแฝงไปด้วยความสุขุม ทำให้รู้สึกมีเสน่ห์น่าลุ่มหลงอย่างห้ามใจไว้ไม่อยู่
ในที่สุดเธอก็เชื่อประโยคที่ว่า เวลาทำให้หญิงสาวไร้ค่าแต่กลับทำให้ชายหนุ่มประสบความสำเร็จ
แปดปีที่เธอไม่ได้มองเขาใกล้ชิดอย่างนี้ และมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ได้อยู่ด้วยกันยาวนานและใกล้ชิดที่สุด ก็คือตอนไปจัดการเรื่องใบหย่าเมื่อสามปีก่อน และได้นั่งรถไปกับเขา
แต่ต่อมาได้ยินมาว่า หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่แตะรถนำเข้าหลักหกล้านคันนั้นอีกเลย เขาคงจะเกลียดเธอมากสินะ?
ริมฝีปากสวยอิ่มเอิบของลู่ซีหลียกยิ้ม ทุกๆ นาทีของรอยยิ้มนั้นล้วนแต่เย็นชาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เมื่อได้เห็นชายคนนี้ หัวใจยังคงเต้นเพราะเขาเสมอ แล้วเขาล่ะ?
ตอนนี้เขาไม่อยากแม้แต่ชายตาตามองเธอด้วยซ้ำ
เสิ่นมั่วเฉิงไม่ได้หยุดอยู่หน้าห้องแต่อย่างใด เขาเดินมาจนถึงเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่ตรงกลางห้อง และกดปุ่มอะไรสักอย่าง
จากนั้นหันหลังกลับ เดินย้อนมาจนถึงหน้าลิฟต์ และยืนนิ่งอยู่นาน
ลู่ซีหลีเดินตามกลับไปเงียบๆ
หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว แต่ก็สูงเพียงแค่ไหล่ของชายหนุ่มเท่านั้น
รูปร่างของเธอดูดีมาก เมื่อแต่งกายด้วยชุดสีขาวแบบทางการ เสื้อสูทขนาดเล็กบีบเอวเธอไว้ กระโปรงแคบรับกับสะโพก และยังมีรองเท้าคัทชูสูงสีขาวนั่นอีก ผมยาวถึงกลางหลังบางส่วนปกคลุมลงมาตรงหัวไหล่อย่างเป็นเอกลักษณ์ แต่งหน้าอ่อนๆ เขียนเพียงแค่โครงคิ้ว เผยให้เห็นถึงความงามที่แท้จริงของหญิงสาว
เธอก้มหน้าหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าทำงาน เงยหน้ามองอย่างนุ่มนวลและถอนหายใจออกมาเบาๆ
“มั่วเฉิง ที่ฉันตามนายมาถึงชั้นแปดก็แค่เรื่องงาน นายอย่ามาใช้สายตาแบบนี้มองฉัน”
“นี่คือหนังสือสัญญาการประมูลของบริษัทฉัน การเปิดประมูลของนายเริ่มเดือนพฤศจิกายนใช่ไหม? ฉันเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่ร่วมประมูลจึงอยากแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่า เคาน์เตอร์โชว์สินค้าและร้านค้าชั้นนำอีกสองแห่งที่ฉันเห็นมา ถึงราคาจะสูงกว่าบริษัทอื่นๆ แต่มันสมเหตุสมผลมากๆ และนายยังได้กำไรอยู่”
เสิ่นมั่วเฉิงจ้องมองนิ่งๆ ประตูลิฟต์ก็ไม่เปิดสักที ใบหน้าเรียบเฉยทำให้ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบของเขาเงียบสงบอย่างมาก เสียงสอดแทรกทุกเสียงบริเวณรอบๆ ไม่ได้เข้าไปในหูเขาเลยสักนิด!
ลู่ซีหลีถือเอกสารฉบับนั้นไว้ แต่เขาไม่รับไป มือเธอค้างอยู่กลางอากาศ
ค้างอยู่เช่นนั้นราวกับถูกแช่แข็ง
ลู่ซีหลีเลียริมฝีปากอ่อนนุ่ม ถ้าเขาไม่พูดเรื่องธุรกิจ งั้นเธอก็จะพูดเรื่องส่วนตัว
“วันนี้อย่าพูดถึงเสี่ยวเหวยเลย นายไม่จำเป็นต้องป้องกันฉันอย่างนี้ นายลืมไปแล้วเหรอ? วันที่แปดเดือนสิงหาคมคือวันเกิดของฉัน วันที่นายสารภาพกับฉัน นั่นก็คือวันครบรอบแต่งงานของเรา”
ดวงตาของหญิงสาวมีหยดน้ำตา เธอมองเขาด้วยแววตาคู่สวยพร้อมกับน้ำตาไหลริน “แปดปีแล้วนะ นายทรมานฉันพอหรือยัง?”
"ความรักที่เริ่มต้นเมื่อได้รู้จักชื่อกันและกัน ฉันไม่เชื่อเลยสักนิดว่าในช่วงเวลาเหล่านี้ นายจะไม่เคยคิดถึงฉันเลย เรื่องในปีนั้นอีกนานแค่ไหนนายถึงจะเดินออกมาได้? แต่ฉันรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว….”
“ฉันคิดถึงนายมาก มั่วเฉิง……”
น้ำเสียงของเธออ่อนโยน
“เพื่อนายแล้วฉันปกป้องตัวถึงแปดปี ฉันพอที่จะชดใช้ความผิดได้หรือยัง? ฉันรู้ว่าแปดปีมานี้นายเองก็ไม่ได้มีผู้หญิงอื่น ไม่ใช่ว่าไม่อยากมี แต่มีไม่ได้ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันทำให้ผู้ชายคนหนึ่งไม่สมกับเป็นผู้ชาย ทั้งยังเห็นแก่ตัวอีก และความจริงที่ว่า ชั่วชีวิตนี้นายสัมผัสได้แค่เพียงฉันคนเดียว มั่วเฉิง นายมองฉันสิ สนใจฉัน แค่วันนี้เท่านั้น”
เธอใกล้เข้ามาอีกก้าว และเขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ บนร่างกายของเธอ ไม่แปลกใจที่เธอจะเป็นบ้าบิ่นขนาดนี้
ลู่ซีหลีเห็นเขายังไม่พูดอะไร ดวงตาสวยงามภายใต้ความเยือกเย็นจ้องมองเขา “ได้ยินมาว่าช่วงนี้นายชอบผู้หญิงคนหนึ่งอีกแล้ว…….”
ชายหนุ่มจ้องมองประตูลิฟต์กระจกทอง และในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “เด็กสาวน่ะ และเด็กสาวที่บริสุทธิ์”
พูดจบ เขาหันมามองเธอ นัยน์ตาเย็นชาของทั้งคู่ต่างรู้ว่ามีอะไรบางอย่างปะปนอยู่ในแววตาของกันและกัน
ใบหน้าของลู่ซีหลีค่อยๆ ซีดเซียว เธอกัดริมฝีปากพยายามอดกลั้นอย่างถึงที่สุด แต่ร่างกายกลับสั่นไม่หยุด
ขณะนั้น เสียงประตูลิฟต์ก็ดังขึ้น