หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 31
วางมาดใหญ่เสียจริง ไม่คุยกับเธอ ต้องให้ป้าโจวเป็นคนส่งต่อมาอีกที สามีของเธอคนนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่เลวร้ายอะไรทำไมต้องดัดเสียงด้วย?
สองปีไม่เคยส่งข่าวคราวถึงกัน กู้สวงส่วงเคยคาดเดาเอาไว้ บางทีเขาอาจจะแก่ตายไปแล้ว? ไม่คิดว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่นี่กลับกำลังจับตามองเธอ!
น่ากลัวจริงๆ ต่อไปเกรงว่าตนเองคงท่าไม่ดีเสียแล้ว
ประตูห้องส่วนตัวถูกมือใหญ่เปิดออก ชายหนุ่มในชุดสีดำเคร่งขรึมเดินเข้ามา ริมฝีปากที่กำลังฉีกยิ้มหุบลงแทบไม่ทัน
เซียวอี้เฉินขมวดคิ้ว “เชรด แค่รับโทรศัพท์ต้องยิ้มกว้างอะไรเบอร์นั้น?”
เสิ่นมั่วเฉิงวางโทรศัพท์ลง จั่วไพ่ใบขึ้นมาใหม่ ชายหนุ่มคีบบุหรี่ไว้บนริมฝีปากและระหว่างนิ้วแต่ยังไม่ได้จุดไฟ เสียงเข้มเอ่ยขึ้น “โทรศัพท์จากคุณผู้หญิง เธอโทรหาฉันเป็นครั้งแรก”
“นึกว่าพี่ห้ากลับกับพี่สะใภ้ไม่ได้คบกันตั้งนานละ ติดต่อกันอยู่เหรอ?”
“ฮึ” เวินจิ่นไหวเยาะเย้ย “พี่ห้าของนายคืบหน้าแล้วนะ! ในสายตาของผู้หญิงคนนี้เขาเป็นทั้งผู้ชายขายตัว เป็นคาวบอย เป็นอาจารย์ และก็ยังเป็นสามีผู้คอยอยู่เบื้องหลังอีก เปลี่ยนบทบาทขนาดนี้ไม่ได้เป็นจิตเภทใช่ไหม?”
เสิ่นมั่วเฉิงเพิกเฉยต่อคำพูดเหน็บแนมของเขา ขมวดคิ้วเข้มแล้วเล่นไพ่ต่อ ไพ่จบเกม เซียวอี้เอื้อนเอ่ยฉินสับไพ่แล้วเริ่มเกมใหม่
นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มคีบบุหรี่ สายตาจ้องมองไวน์ในแก้วอย่างลึกซึ้ง เขากะพริบตาแล้วพูดขึ้นอย่างเอื้อนเอ่ย “จิ่นไหว ใช้โอกาสนี้ ฉันอยากเข้าเรือนหอกับเธอ มีวิธีการอะไรที่ได้ผลในครั้งเดียวบ้างไหม?”
ชายหนุ่มทั้งสองตะลึงตาค้าง!
เวินจิ่นไหวประหลาดใจ “ล้อเล่นน่า? นายไม่เคยนอนกับเธอจริงเหรอ?”
“งั้นทุกวันนี้พี่ก็ยังไม่ได้อะไรเลย? พี่ห้า ผมคงสบประมาทพี่เกินไปนะ แต่นี่ตั้งเดือนกว่าแล้ว พี่ยังไม่จัดการสาวน้อยคนนั้นอีกเหรอ?”
เมื่อไพ่จบเกม หลังจากที่เซียวอี้เฉินเดินออกไป
เวินจิ่นไหวตบไหล่ชายหนุ่มที่สูบบุหรี่อยู่เงียบๆ “ดูออกไหมว่ายี่สิบกว่าวันมานี้นายพยายามอย่างหนักที่จะปล่อยเธอไป อาจเป็นโชคชะตาให้ต้องพัวพันกันอีก เรื่องของอนาคตอนาคตจะไตร่ตรองเอง ไม่ว่าเขาจะตื่นหรือไม่ หรือพูดอีกอย่างว่าตื่นขึ้นมาไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นกับเจ้าสาวคนนี้ของนาย ไตที่กั้นเอาไว้นานมีปัญหาแน่ หายากนะผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ทำให้นายเงยหน้าขึ้นมาได้ นายหวาดกลัวอุปสรรค ฉันมียา เพิ่มความสนุกได้โดยไม่เสพติด ใช้โอกาสครั้งนี้ทำให้สำเร็จดีไหม?”
ดวงตาทั้งสี่ดวงประสานกัน แววตาของชายหนุ่มสุกงอม พร้อมรอยยิ้มลึกล้ำอย่างมีความหมาย
-
ตั้งแต่วันนั้นหลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์อันน่าหวาดผวา สามีชราผู้ลึกลับก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเลย
กู้สวงส่วงกระวนกระวายใจ
กู้จื่ออี้ยังไม่ได้ออกมา กู้ไห่ก็โทรมาทิ้งระเบิดใส่เธอแทบทุกวัน ชวนให้เธอกลับไปรับประทานอาหารที่บ้านวันเว้นวัน แม้ว่าสถานะของเธอกับครอบครัวกู้จะดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว แต่กู้สวงส่วงไม่มีความสุขเลยสักนิด ความรู้สึกที่ว่าทุกคนกำลังหน้าซื่อใจคดกับเธอ ช่างน่าขยะแขยง
วันศุกร์หลังเลิกเรียน กู้สวงส่วงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับไปที่คฤหาสน์ฮวาซี
ทันทีที่ก้าวเข้าประตู ป้าโจวรีบเดินมาหา เอ่ยขึ้นอย่างเบิกบานใจ “คุณผู้หญิง คุณผู้ชายกลับมาแล้วค่ะ”
กู้สวงส่วงกะพริบตาปริบๆ ราวกับน้ำเสียงโง่ๆ จากลำคอเล็กนั่นขาดหายไป ร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว
ชายชรา… สามีแก่หัวล้านอ้วนลงพุงของเธอปรากฏตัวออกมาแล้ว? ทำอย่างไรดี…
แววตาตื่นตระหนกของกู้สวงส่วงสอดส่องไปในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ มองหาอยู่นาน ไม่เห็นแม้เงาของชายชราในห้องนั้น
เธอกลืนน้ำลาย เนิ่นนานกว่าจะค้นหาเสียงของตนเองเจอ “เขา… เขาล่ะคะ?”
“คุณผู้ชายอยู่ที่ห้องหนังสือชั้นบนค่ะ กลับมาถึงบ้านตอนหกโมงเย็น กำลังจัดการงานอยู่ ยุ่งมากเลยค่ะ” ป้าโจวตอบด้วยรอยยิ้ม
กู้สวงส่วงถอนหายใจ วางกระเป๋านักเรียนและเสื้อผ้าลง
บรรยากาศภายในคฤหาสน์ราวกับถูกแช่แข็ง ทั้งอึมครึมและกดดันเป็นอย่างมาก อยู่ดีๆ สามีแปลกหน้าก็กลับมาบ้าน จะไม่ให้อึดอัดได้อย่างไร
เธออดจินตนาการเสียไม่ได้ว่า เขาจะแก่และหน้าตาขี้เหร่ขนาดไหน ยังอยู่ในกรอบที่เธอสามารถรับได้หรือเปล่า?
ทั้งทุกข์ใจเรื่องนี้ผสมปนเปกับเรื่องของกู้ไห่ มิฉะนั้นคงไม่ต้องเรียกเขากลับมาบ้าน
เธอกำลังก้มลงเปลี่ยนรองเท้าอย่างหดหู่ใจ ได้ยินเสียงป้าโจวพูดขึ้น “ฉันกับคุณผู้ชายคุยกันเรื่องทักษะการทำอาหารของคุณผู้หญิง คุณผู้ชายดูสนใจมาก บอกว่าอาหารเย็นคืนนี้ให้คุณผู้หญิงเป็นคนทำนะคะ”
“หา?” กู้สวงส่วงโอดครวญอยู่ครู่หนึ่ง มองขึ้นไปชั้นบน แล้วรีบปิดปากทันที
“คุณผู้หญิงเป็นอะไรคะ? ไม่อยากทำอาหารเหรอ?”
“…ไม่ ไม่ใช่ค่ะ”
เรื่องทำอาหารไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ทำเป็นร้อยมื้อยังได้!
ปัญหาคือ ทำไมตาเฒ่าต้องอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วย?
พอคิดว่าต้องดินเนอร์กันสองต่อสองกับคนรุ่นราวคราวเดียวกับปู่เธอ กู้สวงส่วงก็ขนลุกขนพองทั่วทั้งตัว!
ใบหน้าเล็กเศร้าสร้อย เดินตามป้าโจวเข้าไปในห้องครัวอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ บนเคาน์เตอร์เต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ ผักใบสดสีเขียวยังมีน้ำหยดอยู่ติ๋งๆ
กู้สวงส่วงม้วนแขนเสื้อขึ้น ใส่ผ้ากันเปื้อน ล้างไม้ล้างมือ เมื่อมองดูสิ่งที่กำลังจะเลือก ยิ่งต้องขมวดคิ้ว “ป้าโจวคะ ทำไมไม่มีพริกกับเนื้อเลยล่ะคะ? ”
“คุณผู้ชายไม่ทานพริก ไม่ทานเนื้อค่ะ”
รสนิยมแปลกๆ แบบนี้? ชวนให้นึกถึงลุงตัวท็อปที่ไม่กินเผ็ดเหมือนกัน กู้สวงส่วงรู้สึกว่าผู้ชายหน้าตาดีที่ไม่กินเผ็ดเรียกว่าพวกไฮโซ แต่พอตาเฒ่าไม่กินเผ็ด นั่นเรียกว่าปลอม!
เธอแอบสบประมาทเขาอยู่ภายในใจเงียบๆ
กู้สวงส่วงมุ้ยปาก ใบหน้าเล็กมีความไม่พอใจและใจคอแห้งเหี่ยว “นี่ไม่ใช่ว่าแกล้งกันหรอกนะ? ไม่มีพริกไม่มีเนื้อ ฉันทำอาหารพวกนี้ไม่เป็นเลย”
ป้าโจวมองเธอย่างขำๆ “ไม่มีเนื้อไม่มีพริกคุณอยู่ไม่ได้เลยเหรอคะ? หลังจากนี้เมื่ออยู่กับคุณผู้ชาย คุณต้องเลิกสองอย่างนี้”
กู้สวงส่วงตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ เธอไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับตาเฒ่า!
ปล่อยผ่านไปอีกปีเธอก็จะเป็นอิสระแล้ว แม้ว่าจะต้องแต่งงานสองครั้ง แต่ก็ดีกว่าอยู่กับคนแก่หงำเหงือกไม่ใช่เหรอ?
สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ บนห้องหนังสือชั้นสอง สายตาของชายหนุ่มกำลังจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เขม็ง เพล้งมองให้ชัดเจน
ใบหน้าหล่อเหล่าคลี่ยิ้ม ร่างสูงเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ เขาเลิกคิ้วขึ้น นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้สัมผัสหน้าจอ ขยายภาพให้ชัดเจนและใหญ่ขึ้น
หญิงสาวร่างบางใส่ผ้ากันเปื้อนน่ารักๆ ผมยาวมัดไขว้กันขึ้นเป็นทรงกลมๆ บนหลังศีรษะ ก้มหน้าก้มตาทำอาหารอย่างจริงจัง เผยให้เห็นต้นคอขาวราวกับหิมะ ไรผมเส้นเล็กๆ ชี้โด่เด่ออกมาแถวๆ ลำคอระหงอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
เธอเม้มริมฝีปาก ใบหน้าเล็กท่าทางเตรียมพร้อมและยังประหม่าเล็กน้อย ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้น มือเล็กขาวๆ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา เลือกผัก ล้าง หั่น แล้วแบ่งใส่จานไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ป้าโจวกำลังเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ไม่เข้าไปแทรกแซง
ไม่นาน ห้องครัวก็เริ่มมีชีวิตชีวาและเกิดเสียงเครื่องไม้เครื่องมือกระทบกัน ร่างบางยืนอยู่หน้าตรงหน้าเคาน์เตอร์ ผัดตะหลิวในมืออย่างชำนาญ
ก่อนที่อาหารจะออกจากหม้อต้องชิมก่อนทุกครั้ง และให้ป้าโจวชิมบ้าง เสิ่นมั่วเฉิงได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เธอเอาแต่ถามตลอด
“คุณผู้ชายชอบไหมคะ?” นี่ถือว่าเป็นการอยากอาหารของเขาแล้วเหรอ? “จานนี้ใส่พริกคงอร่อยกว่า น่าเสียดายที่คุณผู้ชายไม่ทานพริก เฮ้อ”
……
นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มคีบบุหรี่ออกจากริมฝีปาก พูดกับใบหน้าสวยงามของแม่ครัวตัวน้อยบนหน้าจอ “ปรนนิบัติสามีดีๆ คืนนี้มีรางวัลให้”
เป็นอาหารสี่อย่าง และน้ำแกงหนึ่งถ้วย อาหารธรรมดาที่รับประทานเป็นประจำ ป้าโจวแบ่งอาหารออกเป็นส่วนๆ อย่างละไม่มาก
กู้สวงส่วงมองอย่างดีใจ “คุณผู้ชายทานอาหารข้างบนเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ คุณผู้ชายยุ่งเกินกว่าจะลงมาทานอาหารเย็นได้” ป้าโจวจนปัญญา จึงนำจานอาหารใส่ในถาดใบเดียว ยกขึ้นไปชั้นบนอย่างระมัดระวัง
กู้สวงส่วงที่อยู่ด้านหลัง: Yes! ไม่ต้องรับประทานอาหารร่วมโต๊ะด้วยกันแล้ว! แม้จะดีใจ แต่ในฐานะเซฟ เธอค่อนข้างประหม่าว่าการทำอาหารของตนเองจะเข้าตาชายชราหรือไม่ จึงตามไปรอที่บันได
หลังจากนั้นยี่สิบนาทีป้าโจวก็ลงมา กู้สวงส่วงรีบเอ่ยถาม “โอเคไหมคะ เขาทานไหม?”