หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 27
ในห้องอันเงียบสงัด เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้น รอยยิ้มเหน็บหนาวเข้ากระดูก ช่างเย็นชา——
กู้สวงส่วงตื่นตกใจ เงยหน้าขึ้นมอง เห็นร่างของชายหนุ่มยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า รูปร่างที่สูงเป็นพิเศษยืนล้วงมือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง แววตาเยือกเย็นฉายออกมา สีหน้าเธอชะงักไปอยู่หนึ่ง
“ลุง ลุง ลุงตัวท็อป…ผี ผีเหรอ?” กู้สวงส่วงตกใจมากจนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปสองสามวินาที
เธอเดินไปเตียงเหล็กด้วยความหวาดกลัว มือจับที่มุมผ้าขาวกำลังจะมันเปิดออก——
ทันใดนั้นข้อมือก็ถูกฝ่ามือใหญ่จับไว้อย่างแรง! เธอต้องการดูศพ ดวงตาทั้งคู่ก็ถูกฝ่ามือของชายหนุ่มบดบังไว้อีกเช่นกัน ทำให้ภาพตรงหน้ามืดไปหมด
ตัวเธอหมุนเคว้ง ตกลงมาบนไหล่ซ้ายอันผึ่งผายของเขา เขาพาเธอออกมาจากสถานที่อึมครึมน่ากลัวแห่งนี้
เสิ่นมั่วเฉิงเหวี่ยงเธอลงบนกำแพง ร่างสูงแข็งแกร่งทับกดลงมาอย่างแรง จนกระทั่ง เธอเริ่มหายใจไม่ออก
ฝ่ามือใหญ่จับเอวเรียวบางของเธอ อีกข้างจับไหล่เธอไว้ ภายใต้ความโกรธนั้นไม่มีความสำคัญอะไร ความโกรธในดวงตาลึกๆ ของเขา จ้องมองคนที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายวัน จะซักถามหรือตำหนิคงไม่ทันแล้ว เขาเพียงอาศัยสัญชาตญาณของร่างกาย ก้มลงจูบเธออย่างดูดดื่ม
บีบกรามของเธออย่างแรง บังคับให้เธออ้าปาก รุกล่ำลิ้นเข้ามาอย่างขาดสติ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองเป็นไข้
ถอนหายใจเบาๆ แล้วชักมันกลับอย่างไม่เต็มใจ ขอบตาเขากลายเป็นสีแดง กัดริมฝีปากล่างของเธออย่างหักห้ามใจ
“อือ!” กู้สวงส่วงรู้สึกเจ็บจึงชักออกมา
ชายหนุ่มปล่อยเธอเป็นอิสระ สองมือล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สีหน้าดูไม่ค่อยดี จ้องมองเธออย่างเย็นชา
กู้สวงส่วงใช้ทั้งสองมือปิดตาไว้ แล้วค่อยๆ คลายออกทีละนิ้ว แอบชำเลืองมองเขา สายตากวาดมองไปยังลูกกระเดือกที่กำลังขยับขึ้นลง แผงอกแกร่ง และลมหายใจร้อนที่รดลงมาบนใบหน้าของเธอ… ทุกอย่างชัดเจน ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ… ไม่ใช่ผี!
“ลุงตัวท็อป?” ความยินดีปรีดาเพียงชั่วครู่เข้าครอบงำ เธอกระโจนเข้าใส่เขาอย่างคนบ้า ทิ้งทั้งตัวห้อยอยู่บนร่างสูง เธอกอดคอเขา แล้วออกแรงถูใบหน้าของเขา มันยังร้อนอยู่! ฟังเสียงหัวใจเขาเต้น มันยังเต้นอยู่! สัมผัสที่หน้าท้องของเขา แข็งแกร่ง!
“คุณลุงตัวท็อปเป็นคุณจริงๆ เหรอ? ยังไม่ตาย? ฉันคิดว่าคุณตายไปแล้ว คิดว่าที่นอนอยู่ข้างในนั้นคือคุณ แล้วทำไมคุณยังไม่ตายล่ะสองวันมานี้ทำให้ฉันเศร้าแทบตายคุณรู้ไหม…”
ร่างกายของชายหนุ่มสูงตระหง่านราวกับต้นสน ส่วนหญิงสาวผู้อ่อนโยนใกล้ชิดแนบแน่นสัมผัสเขาราวกับลูกแมว เธอสะอื้นไห้ซุกหน้าลงบนหน้าอกแกร่ง น้ำตาไหลรินเปียกเสื้อเชิ้ตของเขา
เขาขมวดคิ้วจ้องมองท่าทางตื่นเต้นของเธอ ความโกรธในใจเมื่อครู่ไปไหนเสียแล้ว? ทั้งหมดกลายเป็นปีกอ่อนนุ่ม ค่อยๆ พัดผ่านหัวใจของเขา
ยัยเด็กโง่ กลัวเขาตายขนาดนี้เลยเหรอ?
ลมหายใจของเธอติดขัด เขาจับมือเล็กๆ ทั้งสองข้างของเธอไว้อย่างลวกๆ ชายหนุ่มสูดลมหายใจ ผลักเธอออกอย่างอ่อนโยน หยิบผ้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท แล้วเช็ดน้ำตาจากดวงหน้าเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยให้ความร่วมมือ ลมหายใจหอมหวานพ่นลมร้อนๆ เข้าที่หน้าอกของเขา ลมหายใจที่เธอพ่นใส่เขาเริ่มผันแปร
เขาหงุดหงิดในใจ จึงทิ้งผ้าเช็ดหน้าไว้บนใบหน้าเธอ หันหลังและเดินจากไป
กู้สวงส่วงประหลาดใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินราคาแพงของเขาขึ้นมา แล้ววิ่งเหยาะๆ ตามไป เมื่อเข้าใกล้จึงดึงแขนแกร่งและเซ็กซี่ของชายหนุ่มเอาไว้ ถูกเขาทำท่าทางรังเกียจใส่ก็ไม่ยอมปล่อย เธอต้องการสัมผัสอุณหภูมิร่างกายของเขาเพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝันจริงๆ
จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาตาไม่กะพริบ เพลินดีจัง!
“ใช่สิ คุณลุงตัวท็อป แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่สถานีตำรวจพอดีเลยล่ะ? มาดูศพเพื่อนที่ห้องเก็บศพเหรอ?”
“…”
“ไม่ได้มาดูศพเพื่อน?… อ่อ ฉันเข้าใจแล้ว อาชีพคุณ…คงถูกกวาดล้าง ตำรวจคงไปกวาดล้างอาชีพอย่างว่ามาสินะ? ช่างน่าสงสารจริงๆ …”
เหลืออดเต็มทนแล้ว! ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มจับศีรษะเล็กๆ ของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย สายตาอาฆาตจ้องมองไปที่ริมฝีปากเบิกบานใจนั้น “หุบมันไม่ได้ใช่ไหม? พูดอีกแค่คำเดียว ฉันจูบเธอแน่”
“…”
ภายในรถเบนท์ลีย์
กู้สวงส่วงขดตัวอยู่บนเบาะด้วยท่าทางสบายๆ ชื่นชมวิวยามค่ำคืนนอกหน้าต่างรถอยู่สักพัก ฮัมเพลงอยู่สักครู่ เวลามีความสุขก็ไม่รบกวนคนอื่น มีความสุขเล่นสนุกอยู่กับตัวเอง
เสิ่นมั่วเฉิงเหลือบมองเธอ ท่าทางราวกับนกน้อยเริงร่า รู้ว่าเขายังไม่ตายเลยมีความสุขแบบนี้สินะ?
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นสีแดงเพราะพิษไข้ ไฟริมถนนเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว “หิวไหม?”
“คุณลุงตัวท็อปจะเลี้ยงฉันใช่ไหม?”
“…”
“เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกข้างหน้า แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง คุณหิวแล้ว งั้นฉันจะพาไปทานของอร่อยๆ”
“…” เจ้าเด็กน้อยผู้หิวโหย รอประโยคนี้มานานแค่ไหนกันนะ?
ไปตามเส้นทางที่เธอบอก มองเห็นร้านอาหารเสฉวน รูปพริกสีแดงบนป้ายไฟหน้าร้าน ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
ร้านอาหารไม่ใหญ่โต มีรอยเท้าคนเดินเข้าออกตรงบันไดหินอ่อน รองเท้าหนังทำมือราคาแพงก้าวข้ามไปอีกขั้น เขาเกิดความลังเลใจ
“คุณลุงตัวท็อปเร็วสิ เดี๋ยวไม่มีที่นั่งนะ”
อาการเกลียดความสกปรกทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่ไม่ได้แสดงออกมา เมื่อเข้าไปด้านใน มือสวยหยิบผ้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทสีเงิน แล้วยกม่านประตูขึ้นให้เธออย่างสุภาพบุรุษ
รูปร่างสง่างามและการวางตัวแบบฉบับหนุ่มใหญ่ทรงเสน่ห์ เมื่อก้าวเข้ามาในร้านธรรมดาๆ แบบนี้ ทำให้กลายเป็นตัวดึงดูดสายตา ผู้คนต่างเงียบกริบกันไปชั่วครู่ และมองไปยังชายหนุ่มรูปงามที่กำลังเดินเข้ามา เขาสวมกางเกงขายาวสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูสะอาดสะอ้านไร้ที่ติ บุคลิกสูงส่งไม่ธรรมดานั้นกำลังปกปิดคำพูดและการกระทำต่ำช้าของเขาไว้
พนักงานในร้านรู้จักกับกู้สวงส่วง จึงพาไปนั่งในตำแหน่งดีๆ ตรงริมหน้าต่าง
“อะนี่” เธอยื่นแก้วน้ำขิงฝานให้เขา “ดื่มนี่แก้ไข้หวัดได้”
นัยน์ตาสีเข้มของชายหนุ่มจ้องมองเธอ น้ำเสียงแหบแห้งปนเซ็กซี่เอ่ยถาม “รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นหวัด?”
“ฉันมีตา” กู้สวงส่วงบุ้ยปาก บอกใบ้ให้เขารีบดื่ม
เขาสัมผัสเพียงข้างแก้วอย่างมีเลศนัย วางท่าให้ดูดีที่สุด มืออีกข้างหยิบบุหรี่ขึ้นมา เอ่ยถามคำถามเรื่อยเปื่อย “สนิทกับพนักงานเหรอ?”
“ก็เคยทำงานอยู่ที่นี่ อาหารที่นี่อร่อยมากเลยนะ แต่แพงมาก ฉันจะเก็บสะสมเงินไว้และทุกๆ สองเดือนฉันกับเพื่อนๆ จะมาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายทานอาหารที่นี่กันสักมื้อ”
แพงแค่ไหนเชียว?
นัยน์ตาสีเข้มสแกนราคาอาหารบนเมนู จานที่แพงที่คือ หนึ่งร้อยยี่สิบห้าหยวน
สายตามองไปที่ใบหน้าเล็กของเธอ มีความลำบากใจที่ซ่อนอยู่ลึกๆ เขาขมวดคิ้วไม่ได้พูดอะไรและกำลังจะจุดบุหรี่ กู้สวงส่วงลุกขึ้น มือเล็กดึงบุหรี่ออกจากริมฝีปากของเขา
ร่างเล็กเคร่งขรึมอย่างมาก “เป็นหวัดอยู่ยังจะสูบอีก! คุณลุง คุณไม่รู้วิธีดูแลตัวเองเลยจริงๆ”
เขาชะงักงัน ไฟแช็กยังคงเปิดอยู่อย่างนั้น แสงสว่างส่องกระทบลงบนใบหน้าเย็นชา แต่กลับอบอุ่น คุณผู้หญิงเริ่มควบคุมฉันแล้วงั้นเหรอ?
หลังจากมั่นใจแล้วว่าเขาจะเป็นคนเลี้ยง กู้สวงส่วงก็หน้าเลือดขึ้นมาทันที จะสั่งมาสักแปดจานอย่างไม่คิดเลย!
ระหว่างรออาหาร ปากเล็กๆ ราวกับมีเป็ดน้อยห้าร้อยตัว ไม่เคยสงบปากสงบคำ
“คุณลุง ฉันจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง มีคนคนหนึ่งชื่อว่าเสี่ยวช่าย คุณว่าพ่อเธอนามสกุลอะไร?”
“นามสกุลชู ดังนั้นเธอจึงถูกเรียกว่าชูช่ายไงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“คุณต้องถามสิว่า แล้วทำไมไม่ใช้นามสกุลแม่?”
“ฮ่า! ก็เพราะว่าแม่เธอนามสกุลฉิน! ตลกชะมัดใช่ไหมล่ะ ชูซ่าย ฉินช่าย ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ทำไมคุณไม่หัวเราะล่ะ? ใบหน้าแข็งๆ นั้นขยับหัวเราะไม่เป็นรึไง? คุณลุงคุณทำร้ายจิตใจฉันเกินไปแล้วนะ ฉันคิดว่าคุณก็อายุเยอะขนาดนี้แล้ว! พูดมาเถอะ งานรับแขกบ้าๆ เนี่ยคุณเคยทำที่ไหนมาบ้าง?”
ชายอายุเยอะคนนั้น “…”
คนหนึ่งหัวเราะด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างไร้เดียงสา อีกคนความเงียบกัดกินลึกลงไปในดวงตา มีเพียงแสงอบอุ่นน่าหลงใหลเท่านั้นที่ได้ยิน
ชายหนุ่มและหญิงสัมผัสได้คือความคลุมเครือ ท่าทีที่ปิดบังเอาไว้สะท้อนลงบนกระจกหน้าต่าง