หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 19
“ส่วงเอ๋อ….” จ้าวเสี่ยวเอ๋อร์ตะโกนเรียก
กู้สวงส่วงจึงตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “คนแก่ก็งี้แหละ หูไม่ค่อยดี ฉันไปเรียนก่อนนะ”
แต่พอเธอหันหลังให้กับเพื่อนรักปุ๊บ ใบหน้าของเธอกลับมืดครึ้มลงในทันตา เพราะเธอรู้สึกโมโหตานั่นจนตัวสั่น กู้สวงส่วงกัดฟันแน่น และคิดในใจว่า “ตอนนี้คุณติดนิสัยเย่อหยิ่งกับฉันไปแล้วรึยังไง?!”
ดี! อยากจะทำหยิ่งนักก็ทำไป เพราะฉันเองก็มีความแค้นที่อยากจะระเบิดใส่หน้าคุณอยู่เหมือนกัน!
หลังเลิกเรียนคุณเจอฉันแน่! แค้นนี้ต้องชำระ! ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ! ระวังตัวไว้!!
เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกห้องเลิกเรียน กู้สวงส่วงก็รีบวิ่งปรี่ไปที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยทันทีด้วยความเร็วแสง เพื่อหวังจะไปดักรออยู่หน้ารถเบนท์ลีย์ของใครบางคน เพราะถึงอย่างไร เขาคนนั้นก็ต้องมาขึ้นรถที่หน้ามหาวิทยาลัยเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่พอเธอก้าวเท้าพ้นประตูมหาวิทยาลัยมาปุ๊บ เธอกลับถูกร่างสูงโปร่งของใครบางคนเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน
แถมรูปร่างสูงโปร่งของเขายังบดบังทัศนียภาพรอบตัวเธอจนมิดอีกด้วย
กู้สวงส่วงจึงเงยหน้าขึ้น และตะเพิดไล่เขาคนนั้นด้วยความไม่พอใจ “หลีกไป”
ลู่เฮ่าเซวียนจึงใช้สายตาจริงจังจับจ้องเข้าไปในตาของกู้สวงส่วง ก่อนจะพูดกับเธอเบา ๆ ว่า “ตอนนี้กู้จื่ออี้ถูกคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจ แถมพวกเขายังไม่อนุญาตให้ประกันตัวด้วย”
กู้สวงส่วงเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะถามกลับด้วยรอยยิ้มแกมประชดประชันว่า “แล้วนายจะให้ฉันเข้าไปติดอยู่ที่นั่นแทนเธอรึยังไง?”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของลู่เฮ่าเซวียนก็บูดบึ้งไปในทันตา แล้วจากนั้นเขาก็พยายามเดินเข้ามาประชิดตัวเธออย่างช้า ๆ ทีละก้าว พร้อมทั้งวางมือหนาใหญ่ลงบนบ่าของกู้สวงส่วง “ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมเธอถึงอดใจรอที่จะได้แต่งงานกับชายคนนั้นไม่ไหวแล้ว เธอไม่ได้ทำไปเพราะรัก แต่เธอทำไปเพราะเงินและอำนาจ ซึ่งมันก็จริงอยู่นะ ที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่สามารถให้สองสิ่งนี้กับเธอได้ แต่ตัวเธอก็ได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากกู้จื่ออี้กับเจียงหรงไปไม่น้อยหนิ ใช่มั้ย? เห้อ สวงส่วง สุดท้ายแล้วใครกันแน่นะ ที่เป็นฝ่ายทรยศ?”
ข้อกล่าวหาที่หลุดออกมาจากปากของลู่เฮ่าเซวียน ส่งผลให้ใจของกู้สวงส่วงเริ่มด้านชา
แล้วจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ปลายจมูกของเขา ก่อนจะพยักหน้ายิ้มเยาะอย่างเฉยชา “ฉันนี่แหละ ที่เป็นฝ่ายทรยศนายก่อน! แล้วฉันก็เป็นผู้หญิงหยาบคาย หิวเงินอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นฉันถึงได้ยอมเอาตัวเข้าแลกกับเงิน 2 แสนหยวนนั่นยังไงล่ะ! ซึ่งถ้าใครอยากจะดูถูกอะไรฉัน ฉันก็ไม่สน แต่นายไม่มีสิทธิมาดูถูกเหยียดหยามฉันแบบนี้! เพราะนายไม่รู้หรอก ว่าฉันเอาเงินที่ได้นี่ไปทำอะไร!”
กู้สวงส่วงตะคอกใส่ลู่เฮ่าเซวียนทั้งน้ำตา ก่อนจะผลักเขาจนเซ แต่พอเธอหันกลับหลังเพื่อเตรียมจะเดินหนี จู่ ๆ ก็ดันมีชายร่างใหญ่สองคนพุ่งเข้ามาล็อกตัวเธอเอาไว้อีก!
ชายร่างใหญ่ในชุดดำสองคนพุ่งตรงเข้ามาล็อกตัวเธอ ก่อนจะดึงผมแกละทั้งสองข้างของเธออย่างแรง เพื่อให้ใบหน้าของเธอเชิดขึ้น แล้วเจียงหรงในชุดเดรสเรียบหรูก็เดินตรงเข้ามาหาเธออย่างช้า ๆ เหมือนกับนกกระยางขาวที่กำลังเยื้องย่างเข้าหาเหยื่อ
กู้สวงส่วงพยายามดิ้นจนสุดแรง ก่อนจะหันไปมองหน้าลู่เฮ่าเซวียนที่ยืนนิ่งเฉยอยู่เบื้องหลัง และนั่นก็ทำให้เธอเข้าใจได้ในทันทีเลยว่า แท้จริงแล้วลู่เฮ่าเซวียนนั้นเป็นเพียงแค่นางนกต่อ และนักล่าตัวจริง ก็คือเธอคนนี้นี่เอง!
แม่ยายกับลูกเขยคู่นี้ ลงทุนมาแก้แค้นแทนลูกสาวสุดที่รักกับว่าที่ภรรยาถึงที่นี่เลยเหรอเนี่ย
แล้วกู้สวงส่วงก็ถูกชายชุดดำสองคนนั้นกดลงกับพื้นคอนกรีต เพื่อให้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าเจียงหรง ซึ่งนั่นก็ทำให้เหล่านักศึกษาที่กำลังพลุกพล่านอยู่บริเวณนั้นกรูเข้ามามุงดูพวกเขาทั้ง 5 คนอย่างไว
เจียงหรงก้าวเข้ามาหากู้สวงส่วง ก่อนจะใช้ขาแว่นกันแดดสีดำในมือเชยคางของกู้สวงส่วงขึ้น แล้วจากนั้นเสียงแหลมของเจียงหรงก็เอ่ยขึ้นว่า “ไอ้นิสัยที่ชอบรังแกคนอื่นแล้วลอยนวลไปดื้อ ๆ แบบนี้เนี่ย มันมาจากสายเลือดชั่ว ๆ ของแม่แกสินะ? แกบอกมาเดี๋ยวนี้! ว่าแกไปนอนกับตำรวจหน้าไหนมาแล้วบ้าง พวกมันถึงไม่ยอมปล่อยตัวจื่ออี้ออกมาสักทีน่ะ?!”
ขาแว่นกันแดดของเธอเกี่ยวปลายคางของกู้สวงส่วงขึ้นจนเริ่มเกิดรอยกดทับ กู้สวงส่วงจึงถ่มน้ำลายใส่หน้าหญิงแก่ และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “นี่ ป้า ป้ากับกู้จื่ออี้เคยบังคับให้หนูกินข้าวผสมน้ำลายด้วยนะ ป้ายังจำได้รึเปล่า? แล้วตอนนี้ที่เธอต้องนอนกินข้าวแดงในคุกเนี่ย เขาเรียกว่ากรรมตามสนองจ้ะ”
เมื่อเจียงหรงถูกพ่นน้ำลายใส่หน้ามาแบบนั้น เธอจึงตะเพิดใส่หน้ากู้สวงส่วงด้วยความโกรธจัดว่า “นังเด็กเหลือขอ! นังสวะชั้นต่ำ!”
แล้วจากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นเตรียมจะลงมือกับเด็กสาวตรงหน้า โดยที่กู้สวงส่วงนั้นไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนหรือดิ้นรนเอาตัวรอดเลยสักนิด เธอเพียงแต่เมียงมองลู่เฮ่าเซวียนที่ยืนกำหมัดแน่นอยู่เบื้องหลัง จนกระทั่งเขาตัดสินใจหันหลังเดินจากไปด้วยสีหน้าเฉยเมย
กู้สวงส่วงจึงปล่อยให้แก้มซ้ายและแก้มขวาของเธอถูกเล็บแหลมคมกรีดกรายตามใจชอบ และเธอก็รู้สึกผิดหวังในตัวลู่เฮ่าเซวียนจนไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เพราะถ้าหากว่าเขาคือลู่เฮ่าเซวียนคนเก่า เขาจะต้องรีบวิ่งเข้ามาขัดขวางเจียงหรงอย่างสุดกำลังแล้วล่ะ
เวลา ความปรารถนา ชื่อเสียง เงินทองและอำนาจ มันทำให้เด็กหนุ่มที่เธอเคยรักเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
กู้สวงส่วงหลับตาลง และดื่มด่ำไปกับแรงตบตีจากฝ่ามือของเจียงหรง จนกระทั่งเจียงหรงตบเข้าที่กกหูของเธออย่างเต็มแรง จนของเหลวสีแดงสดไหลตกลงบนบ่าของเธอในวินาทีถัดมา
แล้วร่างกายของเธอก็เริ่มด้านชากับความเจ็บปวดทั้งหลายเหล่านั้น
แต่แล้วจู่ ๆ เจียงหรงกลับหยุดชะงักไปเสียดื้อ ๆ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องจนเสียงหลงที่ทำให้กู้สวงส่วงต้องลืมตาขึ้นดู แล้วภาพของชายคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ ราวกับว่าเขาถูกส่งตรงลงมาจากฟากฟ้ายังไงอย่างงั้น——
กู้สวงส่วงเงยหน้าขึ้นไล่มองตั้งแต่ขากางเกงสีดำเข้ารูป
ตามด้วยเสื้อเชิ้ตสีทึบลายขวางที่แขนเสื้อถูกพับขึ้นจนถึงศอก เผยให้เห็นท่อนแขนหนาใหญ่ที่แข็งแรงและทรงพลัง มีเพียงแว่นสายตาไร้กรอบบนดั้งโด่งของเขาเท่านั้น ที่ยังทำให้ใบหน้าเย็นชาและไร้ซึ่งความเป็นมิตรของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง
เสิ่นมั่วเฉิงใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนของเจียงหรงเอาไว้ โดยที่มืออีกข้างหนึ่งของเขายังคงล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างเท่ห์เหมือนทุกที แล้วมือของเขาก็ค่อย ๆ รัดแน่นขึ้นจนมือเรียวเหี่ยวของเจียงหรงเริ่มซีดผาด
จากนั้นเขาก็เตะเข้าที่ข้อพับขาของเจียงหรงอย่างแรง จนเจียงหรงเผลอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และนอกจากเธอจะถูกชายร่างใหญ่กว่ากระทำกับเธอรุนแรงเช่นนี้แล้ว เธอยังถูกเขากดให้คุกเข่าลงตรงหน้ากู้สวงส่วงอีกต่างหาก
เมื่อเจียงหรงนั่งคุกเข่าลงตรงตำแหน่งที่เสิ่นมั่วเฉิงพอใจแล้ว เสิ่นมั่วเฉิงก็ปล่อยมือจากเจียงหรงทันที ก่อนจะเดินหน้าเข้ามาหาชายชุดดำสองคนที่กำลังล็อกตัวกู้สวงส่วงด้วยสีหน้าเรียบเฉย
และฉากการปะทะกันหลังจากนั้นก็สิ้นสุดลงภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 วินาที!
ชายชุดดำร่างใหญ่ปล่อยตัวกู้สวงส่วงลง ก่อนจะส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แต่พอกู้สวงส่วงเงยหน้าขึ้น เธอกลับพบว่าเสิ่นมั่วเฉิงยังคงยืนนิ่งสงบเหมือนไม่เคยออกแรงปะทะกับใครมาก่อน และในเมื่อชายร่างใหญ่ทั้งสองคนได้ถูกเสิ่นมั่วเฉิงจัดหนักกันไปเรียบร้อยแล้ว เสิ่นมั่วเฉิงก็โน้มตัวเข้าหากู้สวงส่วงด้วยแววตาสงบนิ่ง ก่อนจะประคองตัวเธอขึ้นมาอย่างนิ่มนวล
กู้สวงส่วงตกตะลึงหนักมาก เมื่อเธอถูกโอบรัดเข้าหาแผงอกที่แสนจะอบอุ่นของเขา
ทางด้านเจียงหรง เมื่อเธอเห็นว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้กล้าบุกเข้ามาปกป้องกู้สวงส่วง เธอจึงลุกขึ้นยืนและจ้องมองเขาตาเขม็ง “แกเป็นใครน่ะ เข้ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านเขาทำไม!”
“ผมเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้” ริมฝีปากบางของเขาเริ่มขยับตอบ
เจียงหรงจึงหัวเราะร่า แล้วตอกกลับมาว่า “ถ้าเป็นผู้อำนวยการหลินน่ะ ฉันรู้จัก! แต่แกน่ะสิ ใหญ่มาจากไหน? อยากตกงานรึยังไง?”
เสิ่นมั่วเฉิงจึงหัวเราะเยาะเจียงหรงเบา ๆ ก่อนจะใช้มือข้างที่คีบบุหรี่อยู่ในขณะนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน “ผู้อำนวยการหลิน ตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัยมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งถามผมว่า ผมใหญ่มาจากไหน ถ้าคุณว่างก็ช่วยแวะมาให้คำตอบกับเธอทีนะครับ”
พูดจบ เขาก็เก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงทันที ก่อนจะจูงมือกู้สวงส่วงออกจากที่ตรงนั้น ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ยืนมุงดูอยู่
กู้สวงส่วงถูกอาจารย์หนุ่มสุดฮอตจูงมือเดินบนถนนสายหลักของมหาวิทยาลัย!
แต่ตัวกู้สวงส่วงเองนั้นยังคงตกอยู่ในสภาวะมึนงง และน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ตลอดยังทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าอันงดงามของเขาในตอนนี้ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
พอถูกเขากุมมือเดินออกมาแบบนี้ มือเรียวเล็กของเธอก็เปียกชุ่มเพราะความร้อนจากมือของเขา และเธอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรมันทำให้ใจของเธอเต้นแรงได้ถึงเพียงนี้
เธอจึงแอบเหล่ตามองเขาอีกครั้ง และมันก็ทำให้เธอต้องตกอยู่ในวังวนของเสน่ห์อันเย้ายวนจากชายหนุ่มรูปงาม ที่ไม่ว่าความเย็นชาและความแข็งกร้าวจะแผ่ซ่านออกมาจากกายเขามากแค่ไหน แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขาดูช่างน่าหลงใหล ยิ่งกว่าชายใดที่เธอเคยพบเจอ
–
เสิ่นมั่วเฉิงนิ่งเงียบตลอดทาง จนกระทั่งเขาพาเธอมาถึงห้องพักครู
แต่พอกู้สวงส่วงได้สติกลับมา เธอก็พบว่าเขาได้เดินออกจากห้องพักครูไปแล้ว
เสิ่นมั่วเฉิงเดินออกจากห้องพักครูมาหยุดยืนอยู่ที่มุมบันได ก่อนจะต่อสายหาจังชิง และสั่งการด้วยแววตามืดครึ้มว่า “รายงานต่ออธิบดีจังรึยัง? อื้ม ฉันไม่ปล่อย ให้เธอนอนคุกต่อไปแบบนั้นนั่นแหละ!”