หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 647 ฉันจะไม่ตรวจพิสูจน์! / ตอนที่ 648 อยู่ต่อหน้าผม คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็ง
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 647 ฉันจะไม่ตรวจพิสูจน์! / ตอนที่ 648 อยู่ต่อหน้าผม คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็ง
ตอนที่ 647 ฉันจะไม่ตรวจพิสูจน์!
เหนียนเสี่ยวมู่กำภาพถ่ายที่อยู่ในมือแน่น แววตาเปลี่ยนเป็นคมกริบ เอ่ยออกมาทีละคำ
“แต่ว่าตั้งแต่ที่คุณเห็นฉันครั้งแรก คุณก็มีแต่อยากให้ฉันตาย”
“……”
“ในเมื่อคุณบอกว่าตัวเองเป็นพี่สาวของฉัน ก็ดี พวกเราไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกันตอนนี้เลย รอผลตรวจออกมา แล้วค่อยมาคุยเรื่องชดใช้กัน แต่ถ้าฉันไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลสิง ฉันก็จะฟ้องคุณที่คุณไปพูดจาใส่ร้ายฉันต่อหน้านักข่าว ให้คุณกับคนที่ร่วมมือกับคุณ ไปอยู่ในคุกกันให้หมด!”
เหนียนเสี่ยวมู่ยกนิ้วขึ้นแล้วชี้ไปที่ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
โยนภาพถ่ายในมือใส่ร่างของสิงลี่
ท่าทีแข็งกร้าวนั้น ทำเอาสีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เปลี่ยนไป
ตอนนี้ตระกูลสิงไม่เหลืออะไรแล้ว
ถ้ามีคดีติดตัวอีก พวกเขารับไม่ไหวแน่ๆ
“สิงลี่ ในเมื่อมันไม่เชื่อ อยากจะตรวจดีเอ็นเอ พวกเราก็ตรวจไปเถอะ รอผลตรวจออกมาก็จะได้รู้กันว่าพวกเราไม่ใช่พวกหลอกลวง” หญิงวัยกลางคนได้สติ ได้ไปหยุดอยู่ข้างสิงลี่อย่างรวดเร็ว เอ่ยเร่ง
ในใจของพวกเธอ ที่ตระกูลสิงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เป็นเพราะสิงซิงทั้งนั้น
พวกเธอก็ควรที่โกรธแค้นสิงซิง สิงซิงไม่ยอมรับผิด ให้เงินชดเชยกับพวกเธอ แถมยังจะมาฟ้องร้องพวกเธออีก
นี่มันอกตัญญูเกินคนจริงๆ!
พอคิดได้แบบนี้ หญิงวัยกลางคนก็เอื้อมมือไปจับสิงลี่อยากลากให้เธอไปตรวจดีเอ็นเอ
พอมือจับไปที่สิงลี่ สีหน้าของสิงลี่ก็เปลี่ยนไปในทันที
รีบปัดมือของหญิงกลางคนออก
“คุณป้า ไม่ไป!” แววตาของสิงลี่หลุกหลิกราวกับลังเลอะไรบางอย่าง
เหนียนเสี่ยวมู่จับความผิดสังเกตได้ แววตาอันชาญฉลาดนั้นเหมือนจะมั่นใจอะไรมากขึ้น
“ด้านนอกน่าจะมีนักข่าวอยู่ ฉันจะออกไปบอกกับพวกเขาเดี๋ยวนี้ว่าคุณไม่กล้าแม้แต่จะตรวจดีเอ็นเอกับฉัน เป็นคนหลอกลวงตั้งแต่แรก คำพูดที่คุณพูดออมาก่อนหน้านี้ก็ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ……”
“ใช่ พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ!” สิงลี่ตะโกนออกมาสุดเสียง
“แกถูกพ่อแม่ฉันเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เกิด พวกเขาบอกกับทุกคนว่าแกเป็นคุณหนูรองของตระกูลสิง แม้แกจะเป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง แต่ว่าพ่อแม่ไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนั้นเลย ในสายตามีแต่ความรักความเอ็นดูแก มากว่าลูกสาวแท้ๆ อย่างฉันด้วยซ้ำ!”
“……”
“แถมยังกำชับกับฉันอีกว่า หากว่าเพื่อนหรือญาติถามให้บอกว่าแกเป็นน้องสาวแท้ๆ กลัวว่าญาติจะสงสัย เราทั้งครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกตั้งหลายปี ไม่ไปมาหาสู่กับใคร จากนั้นถึงได้ย้ายกลับไปที่บ้านตระกูลสิง……พวกเขารักแกขนาดนี้ แกตอบแทนพวกเขายังไงฮะ แกทำให้พวกเขาตาย ทำให้บ้านของเราต้องถูกไฟไหม้ทั้งหลัง!”
สิงลี่พูดถึงตรงนี้ ก็มีเสียงสะอื้นออกมา
แววตามีแต่ความเจ็บปวดและเกลียดชัง ไม่เหมือนกับการแกล้งทำ
บรรยากาศรอบๆ สงบขึ้นมาในทันที
เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงไป!
ท่าทางของสิงลี่ไม่เหมือนกับพี่สาว เธอจึงนึกสงสัยว่าพวกเธอไม่ใช่พี่น้องกัน
แต่คิดไม่ถึงว่า ขนาดพ่อแม่ยังไม่ใช่พ่อแม่ของเธอ……
เธออ้าปากอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ลำคอกลับเปล่งเสียงไม่ออก
ตระกูลสิงรับเลี้ยงเธอ พ่อแม่บุญธรรมดีกับเธอมาก
แต่เธอกลับไม่ดี ไม่เชื่อฟังพวกท่าน ทำให้พวกท่านต้องตาย……
“สิ่งที่แกติดค้างตระกูลสิงของเรา ชดใช้ทั้งชีวิตยังไม่พอเลย ฉันต้องการชีวิตแกมาชดใช้ ให้แกรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ไม่มีทางมีความสุข!” คำสาปแช่งของสิงลี่ ราวกับคำสาปของปีศาจ ฟังบาดหู
ความเกลียดชังในแววตา ราวกับอยากจะให้เหนียนเสี่ยวมู่ตายไปต่อหน้าต่อตาเดี๋ยวนี้
ตอนที่ 648 อยู่ต่อหน้าผม คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็ง
“แล้วพ่อแม่แท้ๆ ของฉันเป็นใคร” ร่างกายของเหนียนเสี่ยวมู่ก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว เงยหน้าขึ้นมองไปยังสิงลี่
รอยยิ้มมุมปากของสิงลี่เปลี่ยนเป็นเยาะเย้ยขึ้นมา
“แกถามฉัน? ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ ไม่แน่พ่อแม่ของแกอาจจะตายตั้งแต่คลอดแกออกมาแล้วก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะรู้ว่าแกเป็นตัวกาลกิณีเลยทิ้งแกไป”
“คุณโกหก!”
แววตาของเหนียนเสี่ยวมู่คล้ำลง มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวกำแน่นขึ้น
หมุนตัวเดินกลับไปอยู่ข้างๆ อวี๋เยว่หาน ค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้น
“นอกจากภาพถ่ายภาพนั้น พวกคุณก็ไม่มีหลักฐานอะไรอีกเลย แน่ใจได้อย่างไรว่าฉันคือสิงซิง ต่อให้ฉันคือสิงซิงจริงๆ เรื่องไฟไหม้ครั้งนั้นมันก็ผ่านมาตั้งสิบปีแล้ว ฉันจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น อาศัยแค่คำพูดของพวกคุณมาตัดสินว่าฉันเป็นคนผิด มันไม่น่าตลกไปหน่อยเหรอ”
หญิงสาวกวาดตามองไปยังทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
แม้สีหน้าจะดูซีดเซียว แต่ก็ยังคงยืนตัวตรง
“สิงลี่บอกต่อหน้านักข่าวว่าฉันเป็นน้องสาวของเธอ ตอนนี้กลับมาบอกว่าฉันถูกเก็บมาเลี้ยง ต่อไปเตรียมจะพูดอะไรอีกล่ะ คุณขัดแย้งกันเอง คำพูดเต็มไปด้วยคำโกหก ฉันจะไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว!”
สิ้นคำพูดของเธอ อวี๋เยว่หานก็เอื้อมมือมาโอบบ่าของเธอเอาไว้
ราวกับเป็นภูเขาที่พึ่งพิง ยืนอยู่ข้างๆ เธอ ริมฝีปากค่อยๆ เอ่ยพูดขึ้นทีละคำ
“เรื่องนี้ผมจะให้คนไปสืบ ก่อนจะได้หลักฐานที่แน่นอน หากใครกล้าพูดใส่ร้ายคู่หมั้นผมอีก ผมจะให้มันชดใช้ให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น!”
สิ้นเสียงของอวี๋เยว่หาน บอดี้การ์ดก็เดินเข้ามา พาพวกครอบครัวสิงเดินออกไป
สิงลี่ผลักบอดี้การ์ดออก พุ่งตัวไปด้านหน้า
“สิงซิง แกหลอกคนอื่นได้ แต่แกหลอกตัวเองไม่ได้หรอก พ่อแม่ฉันตายก็เพราะแก แกทำให้พวกเขาต้องตาย แกต้องชดใช้……”
สิงลี่ยังพูดไม่ทันจบ ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เข้ามาอุดปากแล้วพาตัวเธอออกไป
สนามหญ้าของตระกูลอวี๋ ว่างเปล่าขึ้นมาทันที
เหลือแค่พวกเขาสามคน
เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ด้านหน้าอวี๋เยว่หาน มองดูสิงลี่ที่โดนลากตัวออกไป ใบหน้างดงามนั้นไม่แสดงสีหน้าใดๆ ทั้งสิ้น
เรื่องมันเลยมาถึงขั้นนี้แล้ว เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดถึง
ตอนแรกพวกเขานึกว่าคนที่จะดูย่ำแย่ที่สุดคงจะเป็นเหนียนเสี่ยวมู่
แต่ว่าความเข้มแข็งและเยือกเย็นของเธอ ต่างก็เหนือความคาดหมายของทุกคน
และก็เป็นเพราะแบบนี้ คำโกหกของสิงลี่ถึงได้ถูกเปิดโปงออกมา!
ฟ่านอวี่นึกอะไรขึ้นได้ ชายหนุ่มผละจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ยื้ออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋ต่อ
สนามหญ้าอันกว้างใหญ่จึงเหลือแค่อวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่แค่สองคน
เหนียนเสี่ยวมู่เอาแต่ยืนอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขยับ สายตามองไปยังทางที่ตระกูลสิงเดินจากไป ดวงเริ่มแดงก่ำขึ้น……
มองแค่แวบแรก อาจจะคิดว่าเธอไร้ความรู้สึก
แต่ถ้าพิจารณาดูดีๆ แล้วจะรู้ว่า มือที่วางอยู่แนบลำตัวของเธอกำเอาไว้แน่นมาก
ร่างกายสั่นเทิ้มน้อยๆ พยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนว่าไม่เป็นอะไร
“เหนียนเสี่ยวมู่ อยู่ต่อหน้าผม ถ้าเสียใจก็ไม่ต้องทนมันเอาไว้” อวี๋เยว่หานกุมมือของหญิงสาวไว้ พบว่ามือของเธอยังคงกำแน่นอยู่อย่างนั้น หลังมือเย็นเฉียบ คิ้วขมวดน้อยๆ
เหนียนเสี่ยวมู่ถูกชายหนุ่มบังคับให้คลายมือออก
ฝ่ามือโดนเล็บจิกจนเลือดออกซิบๆ ทำเอาชายหนุ่มเยือกเย็นขึ้นมาทันที
กำลังจะเอ่ยพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงสั่นๆ ของเธอเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“อวี๋เยว่หาน แม้ว่าฉันจะไม่เชื่อในเรื่องที่สิงลี่พูด แต่ตอนที่ฉันเห็นภาพครอบครัวภาพนั้น ในสมองของฉันมีภาพของพวกเขา……”
“ฉันจำภาพที่พ่อแม่บุญธรรมอุ้มฉันนั่งดูแสงแดดอยู่ที่สนามหญ้า…….”
“ฉันยังจำได้อีกว่า ทุกครั้งที่ฉันออกจากบ้านมักจะมีคนสองคนยืนมองฉันอย่างเป็นห่วงอยู่ที่หน้าประตู แม้จะเดินไปไกลแต่หันกลับมามองก็ยังมองเห็น……พวกท่านรักฉันขนาดนี้ ทำไมฉันถึงลืมพวกท่านไปได้ล่ะ”