หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 1047 นิสัยที่เปลี่ยนไป / ตอนที่ 1048 รับโทษ
ตอนที่ 1047 นิสัยที่เปลี่ยนไป
หลังจากข่าวเผยแพร่ออกไปในตอนนั้น ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากทุกคนเป็นอย่างมาก
มีนักข่าวหลายคนต้องการสัมภาษณ์ แต่มั่วเฉียนปฏิเสธ
เพราะมั่วเฉียนไม่ยอมให้การกุศลที่ตัวเองทำต้องกลายมาเป็นกระแสเชิงธุรกิจ เขาพูดแค่ว่า “ลูกหลานตระกูลมั่วทำในสิ่งที่ควรทำ พวกเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต่างจากคนอื่น”
คนที่มุ่งมั่นและมีน้ำจิตน้ำใจแบบนี้ไม่ใช่คนเลวร้าย!
“ไม่ใช่แค่มั่วเฉียนเท่านั้น เท่าที่ฉันรู้มาคุณผู้หญิงตระกูลมั่วก็เป็นคนจิตใจดีมากเหมือนกัน ตระกูลมั่วให้เงินสนับสนุนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปไม่น้อยและยังรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่อีกตั้งเยอะ ในบรรดาเด็กเหล่านั้นก็มีอีกหลายคนที่คุณผู้หญิงตระกูลมั่วดูแลเป็นการส่วนตัว!”
จู่ๆ คนดีสองคนก็กลายเป็นปีศาจร้าย เจิ้งเหยียนจึงรับไม่ได้อยู่หน่อยๆ
และไม่อยากจะเชื่อ
“……”
ในห้องนั่งเล่นเงียบลงหลังจากที่เจิ้งเหยียนพูดจบ
เหนียนเสี่ยวมู่นั่งฟังเจิ้งเหยียนอยู่ในอ้อมแขนอวี๋เยว่หาน ดวงตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม
ในความทรงจำของเธอ พ่อกับแม่ก็เป็นคนอ่อนโยนและจิตใจดีแบบนี้ ทั้งยังรักและเอ็นดูเธอมาก
ไม่ใช่มั่วเฉียนอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้…
เธอเงยหน้ามองอวี๋เยว่หาน อวี๋เยว่หานหลุบตาลงเหมือนกำลังใช้ความคิด
เมื่อเจิ้งเหยียนเห็นเขาไม่พูด เธอจึงพูดกับตัวเองว่า
“จริงๆ แล้วสองปีที่ผ่านมาตระกูลเจิ้งติดต่อกับตระกูลมั่วน้อยมาก แต่ฉันเคยได้ยินพ่อบอกว่าเหมือนจะเป็นเพราะคุณผู้หญิงตระกูลมั่วจากไป มั่วเฉียนจึงต่างไปจากเมื่อก่อน…เพราะผ่านความโศกเศร้าเสียใจ นิสัยถึงได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาลงไปบ้าง แต่ก็คงไม่ได้เปลี่ยนจากคนดีกลายเป็นคนเลวได้เร็วขนาดนั้น”
“นี่เธอกำลังจะบอกว่าหลังจากคุณผู้หญิงตระกูลมั่วจากโลกนี้ไป นิสัยมั่วเฉียนก็เปลี่ยนไปมาก?” อวี๋เยว่หานพูดขึ้นมา
ทันใดนั้นน้ำเสียงของเขาก็กลายเป็นเคร่งขรึม บอกเจิ้งเหยียนพูดให้ชัดๆ
“ใช่ พ่อฉันก็พูดแบบนี้เหมือนกัน เขาบอกว่าหลังจากที่คุณผู้หญิงตระกูลมั่วตาย นิสัยมั่วเฉียนก็ไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อน ไม่ชอบยิ้ม และสายตาที่มองคนอื่นก็ดูเย็นชาห่างเหิน ดู…เข้าถึงยาก”
เจิ้งเหยียนเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง
แม้ความประทับใจที่ทุกคนมีต่อมั่วเฉียนจะเปลี่ยนไปในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แต่ในใจเจิ้งเหยียน มั่วเฉียนก็ยังเป็นคนดีสำหรับเธอ
อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น หรือฆ่าคนเป็นผักปลา
“ความสัมพันธ์ระหว่างมั่วเฉียนกับมั่วหย่งเหิงเป็นยังไง?” มีแสงแวบผ่านดวงตาอวี๋เยว่หาน เขาถามอีกครั้ง
“ทีแรกฉันคิดว่าพวกเขาไม่ลงรอยกัน แต่วันนั้นคุณกับเสี่ยวมู่มู่ก็เห็นแล้วนี่ว่ามั่วหย่งเหิงไปรับชุดให้มั่วเฉียนด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะดีมาก”
เจิ้งเหยียนเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ
แต่เธอมั่นใจอยู่อย่างหนึ่ง
“มั่วหย่งเหิงไม่ใช่ลูกหลานสายตรงของตระกูลมั่ว สถานะย่อมด้อยกว่ามั่วเฉียนอย่างแน่นอน พวกเธออย่าไปมองว่าตอนนี้มั่วหย่งเหิงมีสถานะสูงส่งล่ะ เพราะตระกูลมั่วมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก เขาไม่ใช่ลูกหลานสายตรงของตระกูลมั่ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาไม่มีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดตระกูล นอกจากจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็ขมวดคิ้วและกอดเหนียนเสี่ยวมู่แน่น
เหนียนเสี่ยวมู่จึงเงยหน้ามองเขาเพราะคิดว่าเขามีอะไรจะพูด
อวี๋เยว่หาน “จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าเมื่อวานตัวเองไหวพริบดี”
เหนียนเสี่ยวมู่ “ยังไง?”
อวี๋เยว่หาน “ก็ที่ทำให้คุณกลายเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เจิ้งเหยียนมองมั่วเฉียนไว้สูงมาก
สำหรับมั่วหย่งเหิงก็ปกติทั่วไป คิดแค่ว่ามั่วหย่งเหิงเคยช่วยเธอและไม่ได้พูดไม่ดีกับเธอ
แต่เมื่อได้ยินว่าฟ่านอวี่อยากเจอมั่วหย่งเหิงแต่ถูกปฏิเสธอย่างไร้น้ำใจ
“ไม่เจอเป็นเรื่องปกติ ถ้าได้เจอสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก”
เจิ้งเหยียนยกน้ำขึ้นมาดื่ม “พวกเธอไม่รู้อะไร ในเมือง N มั่วหย่งเหิงขึ้นชื่อเรื่องความสันโดษมาก เขาไม่เข้าใกล้ใครเลยและไม่ยอมคบค้าสมาคมกับใครเป็นการส่วนตัว”
ตอนที่ 1048 รับโทษ
“นอกจากจะทุ่มเทดูแลผู้นำตระกูลและจัดการเรื่องที่บริษัทแล้ว คนที่ไม่สนิทกับเขายังคิดว่าเขาเป็นใบ้เสียด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินดังนี้ อวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่ก็เงียบไปตามๆกัน
–
เมือง N
คฤหาสน์ตระกูลมั่ว
“ผัวะ——” หมัดอันหนักหน่วงกระแทกเข้าหน้ามั่วหย่งเหิงอย่างแรง
ด้วยพละกำลังที่รุนแรงทำให้เขาเซไปทั้งตัวจนเบี่ยงไปอีกด้าน
วินาทีต่อมาก็กลับมายืนนิ่งเหมือนเดิม
ยื่นมือเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก เงยหน้ามองมั่วเฉียนที่กำลังโมโหอย่างดุเดือดตรงหน้าเขา
การที่เขาเงียบแบบนี้ไม่ได้ทำให้ความโมโหของมั่วเฉียนลดน้อยถอยลงเลย ในทางตรงกันข้ามกลับยิ่งโมโหกว่าเดิม
มั่วเฉียนเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของเขาและตะคอกเสียงดัง
“แกจำมันได้มาตั้งนานแล้วใช่ไหม? และยังกล้าดีแอบช่วยมันลับหลังฉันอีก แกคิดว่าจะปิดบังฉันได้เหรอ?”
มั่วหย่งเหิงเก็บอารมณ์ พูดเสียงเรียบๆ “คุณลุงพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าการที่คุณลุงต่อยผมแล้วทำให้หายโมโหได้ ผมก็ไม่ถือที่คุณลุงจะต่อยผมอีก”
“ไม่เข้าใจ? แกแสดงได้เหมือนมาก” มั่วเฉียนหยิบการ์ดแต่งงานปาไปที่ตัวมั่วหย่งเหิง
“แกเป็นคนเอาการ์ดแต่งงานอวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่ไปใช่ไหม? แกยังจงใจบอกพ่อบ้านว่าไม่ต้องบอกฉัน แกรู้ไหมว่าเรื่องดีดีของฉันเกือบจะพังเพราะแก!”
“……”
การ์ดแต่งงานที่ถูกปาไปบนตัวมั่วหย่งเหิงร่วงลงกับพื้น
มั่วหย่งเหิงเหลือบมองด้วยสายตาสงบเสงี่ยม
ก้มหยิบขึ้นมา
เปิดดูคร่าวๆ
เหมือนจะเพิ่งเข้าใจสาเหตุที่มั่วเฉียนโมโห เขายืนตัวตรงแล้วพูดว่า
“ตระกูลมั่วกับตระกูลอวี๋ไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน งานแต่งของอวี๋เยว่หานไม่จำเป็นต้องให้คุณลุงลำบากไปด้วยตัวเอง เมื่อก่อนผมก็ช่วยคุณลุงจัดการพวกงานแต่งงานของหุ้นส่วนทางธุรกิจแบบนี้นี่ครับ?”
“……”
เขาอธิบายอย่างใจเย็น จึงทำให้มั่วเฉียนโมโหไม่ออกไปชั่วขณะ
นี่เป็นเพียงเพราะว่ามั่วเฉียนเดินทางไปด้วยตัวเองและยังใช้ความทุ่มเทอย่างหนัก แต่เขากลับฆ่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่สำเร็จ
หลังจากรอมาตลอดทั้งวันก็ไม่ได้ข่าวตระกูลอวี๋ยกเลิกงานแต่งงานสักที
ตรงกันข้ามเขาได้เปิดเผยตัวตนออกไปแล้วจากการเคลื่อนไหวเมื่อวานนี้
มั่วเฉียนยกเท้าเตะโต๊ะกาแฟที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเคียดแค้น “จะให้มันมีชีวิตรอดกลับมาตระกูลมั่วไม่ได้เด็ดขาด และยังมีถานเปิงเปิงอีกคน! ต้องหาวิธีหาตัวนังผู้หญิงคนนี้มาให้ได้!”
ถ้าไม่ใช่เพราะถานเปิงเปิง เหนียนเสี่ยวมู่ก็คงตายไปนานแล้ว
ผู้พิทักษ์ลับ…
ไม่มีใครคิดว่านายท่านจะเตรียมผู้พิทักษ์ลับที่ไม่มีใครรู้ให้หลานสาวตัวเองมานานแล้ว
ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่ความจำเสื่อม
ตราบใดที่ถานเปิงเปิงตาย ถึงเธอจะกลับสู่ตระกูลมั่ว เธอก็ไม่สามารถพิสูจน์สถานะของเธอได้
พอคิดได้ดังนี้ ดวงตามั่วเฉียนก็เป็นประกายไอสังหาร
มั่วหย่งเหิงยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
แค่ขมวดคิ้วแล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว
มั่วเฉียนเงยหน้ามองเขาในวินาทีถัดมา “ได้ยินว่าฟ่านอวี่อยากเจอแก?”
“ไม่รู้จัก” มั่วหย่งเหิงทำหน้ารำคาญเล็กน้อย
“งั้นก็ดี มันกับเหนียนเสี่ยวมู่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ลุงเองก็ไม่ชอบให้แกยุ่งกับมัน เข้าใจไหม?” มั่วเฉียนเดินไปข้างหน้า เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท จากนั้นก็ช่วยเช็ดเลือดที่มุมปากมั่วหย่งเหิง
พูดด้วยความหวังดีอย่างสุดซึ้ง
“หย่งเหิง ถึงแกจะไม่ใช่ลูกหลานสายตรงตระกูลมั่ว แต่ลุงเห็นแกเป็นลูกมาตลอด แกก็ควรจะรู้ไว้นะว่าเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถึงแกจะแต่งกับคุณหนูใหญ่ผู้สูงส่งของตระกูลมั่วไม่ได้ แต่ตราบใดที่ฉันพูดขึ้นมาเพียงประโยคเดียว ตระกูลมั่วทั้งหมดก็จะเป็นของแก”