หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 7 ตบหน้า
บทที่ 7 ตบหน้า
“พ่อ?ท่านมาได้อย่างไร?
เห็นชายที่ร่างกายแข็งแรงกำยำที่ปากประตู ดูเป็นชายวัยกลางคนที่ความสง่าอย่างมาก หลานชิวหยุนแค่ตกใจเล็กน้อย สายตาที่ดุเดือดเปลี่ยนเป็นสายตาที่น่าสงสาร
“ท่าน…….ท่ามาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ ?”
หลานเฉินมู๋มองไปยังสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ กระเบื้องบนหลังคายุ่งเหยิง บนพื้นเต็มไปด้วยน้ำฝน ทั่วทั้งบ้านไม่มีสักที่ที่แห้ง
และหลานเยาเยาก็ใช้สองมือกอดเข่านั่งอยู่บนเก้าอี้ คนทั้งคนผอมจนไม่รู้จะผอมอย่างไร และมืออีกข้างก็มีเลือดไหล กำลังหยดลงบนพื้นเป็นหยดๆ โต๊ะข้างกายเต็มไปด้วยหยดเลือด บนพื้นเต็มไปด้วยกระบอกไม้และก้อนหิน……
ขอแค่ไม่ใช่คนตาบอด แค่มองก็ดูออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!
แต่!
เห็นเขาปรากฏตัว ในสายตาเธอไม่ได้ดูตกใจ มีเพียงแค่ความเฉยเมยและรอยยิ้มฝืน ราวกับว่าการมาถึงของเขาไม่ได้มีอิทธิพลอะไรในโลกของเธอ
นี่คือที่ที่บุตรสาวของเขาอาศัยอยู่หรือ?
นี่เป็นปฏิกิริยาของบุตรสาวที่ควรมีเมื่อเจอเขาหรือ?
เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของประเทศชาตินะ!
ความรู้สึกและสถานการณ์นี้ เขารู้สึกละอายใจอย่างลึกลับ
ใช่!
ละอายใจ เพียงแค่ละอายใจเท่านั้น
“ท่านพ่อ ทำไมท่านต้องดุลูก? ลูกแค่มาดูน้องหก ใครจะรู้ว่าน้องหกไม่ยอมรับน้ำใจ ท่านดูสินางทำให้ลูกเป็นสภาพแบบนี้ ทำร้ายคนของข้า ท่านพ่อ ท่านต้องเป็นพยานให้ลูกนะเจ้าคะ”
หลานชิวหยุนไม่รู้ว่าเวลานี้หลานเฉินมู๋คิดอะไร แต่ที่รู้เธอคือหลานเฉินมู๋รักที่สุด
เพราะฉะนั้น พอเห็นหลานเฉินมู๋ เธอก็ออดอ้อนก่อนเลย
หลานเฉินหมู๋เห็นชุดของหลานชิวหยุนสกปรก สภาพน้ำตาคลอ ท่าทางอบอุ่นขึ้นมากทันที
และแล้ว!
เขามองไปที่หลานเยาเยาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ถามอย่างเย็นชา: “เยาเยา พี่สี่ของเจ้าใจดีมีเมตตามาดูเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่รับน้ำใจ?”
ใจดีมีเมตตา?
หึๆ !
หลานเฉินมู๋รู้ทั้งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังพูดแบบนี้ ก็แค่อยากให้เรื่องนี้ไม่บานปลาย
ยังไงซะ เจ้าของร่างขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่กล้าที่ที่นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดแน่นอน หลานชิวหยุนและหลานเฉินมู๋รู้ถึงจุดนี้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ให้พวกเจ้าได้ดูธาตุแท้ของนาง
หลานเยาเยายิ้มฝืน นำขวดยาขนาดเล็กออกมาจากระบบในที่ลับตา ข้างในบรรจุก๊าซที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่น หลังจากเปิดฝาขวดก๊าซก็พุ่งออกมา
“ท่านพ่อ พี่สี่พาคนมาสี่คน แต่ละคนมือถือกระบอกไม้ เห็นข้าก็จะตีข้าให้ตาย แต่เพราะพื้นลื่นมาก พวกนางเลยลื่นล้มอยู่เสมอ ก็เลยตีไม่ถูกข้า
ตอนนี้แม้ครึ่งชีวิตข้าก็ไม่เหลือ และไม่ได้รับการรักษาจากหมอ ยังให้หินขว้างใส่ข้า ต้องการฆ่าข้าตายให้ได้ ความใจดีเมตตาแบบนี้ข้าจะกล้ารับไว้หรือ?”
เธอไม่ได้เรียกพ่อเหมือนที่หลานชิวหยุนเรียก ถ้าไม่จำเป็น แม้แต่คำว่าท่านพ่อสองพยางค์เธอก็ไม่อยากพูดออกจากปาก
หน้าหลานเฉินมู๋สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลานชิวหยุนเห็นสถานการณ์รีบดุทันที:
“หลานเยาเยา พูดมั่วซั่วอะไร? ข้าอยู่ดีๆ ทำไมต้องฆ่าเจ้าให้ตาย?”
“เพราะวันทำพิธีจี๋พิ่นของข้า เห็นเจ้ากับองค์ชายราชทายาทพบกันป่าเล็กข้างสวนหลังบ้าน ยังทำเรื่องพรรค์นั้น นั่นเป็นตอนเช้า องค์ชายราชทายาทยังไม่ประกาศถอนหมั้น ยังเป็นคู่หมั้นของข้า
เจ้ากลัวเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ถูกหัวเราะเยาะ เจ้าจึงอยากฆ่าปิดปากข้า และแล้วจึงสั่งให้องครักษ์สองคนมาบังคับให้ข้าโดดผา เสียดายข้าไม่ตาย เมื่อกี้เจ้าเลยตั้งใจจะฆ่าข้าให้ตาย……”
ดูหลานชิวหยุนเครียดจนหน้าแดง แอบเยาะเย้ย
“หุบปาก หลานเยาเยานางสารเลว เจ้าเงียบเลยนะ องค์ชายราชทายาทเป็นของข้า เป็นของข้า ถ้ายังพูดมั่วซั่วข้าจะฆ่าเจ้า”
หลานชิวหยุนโกรธจนตัวสั่น สิ่งที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุดก็คือองค์ชายราชทายาทเป็นคู่หมั้นของหลานเยาเยา
แม้ว่าจะเป็นอดีตก็ไม่ได้
หลานเยาเยามีสิทธิ์อะไร?
นางเป็นแค่ลูกเมียน้อย ฐานะไม่สูงส่งเท่าเธอ รูปร่างหน้าตาความสามารถก็สู้เธอไม่ได้
เธอสามารถเอาชนะนางได้ ดูถูกเธอ แม้แต่บังคับให้เธอกินสิ่งต่าง ๆ ที่หมูหมายังไม่กิน แต่มันไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอเป็นคู่หมั้นขององค์ชายราชทายาทได้ แม้ว่าองค์ชายจะเกลียดนางสุดขีดก็ตาม
เพียงเพราะแม่ของนางสารเลวนั่นเป็นหมอหญิง เคยช่วยชีวิตฮ่องเต้ ไม่มีอะไรนอกจากนี้ นางมีสิทธิ์อะไรมายืนในตำแหน่งพระชายาขององค์ชายรัชทายาท?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้!
หลานชิวหยุนก็ยิ่งโกรธเคือง
“พูดมั่วซั่ว? ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่ แค่ดูว่ายาทดสอบพรหมจรรย์ของเจ้ายังอยู่หรือไม่ก็ยืนยันได้แล้ว”
เสียงพูดของเธอเพิ่งเงียบ ก็เห็นหลานชิวหยุนก็ปิดคลุมแขนของตนอย่างเร่งรีบ
ได้ยินเข้า!
หลานเฉินมู๋หน้าเย็นชา ความโกรธในดวงตาของเขาสงสัยขึ้นมาทันที
หลานเยาเยาจะเป็นตายเขาไม่สน หลานชิวหยุนทำเรื่องไร้สาระแค่ไหนเขาก็สามารถทนได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของเขาแล้ว ใครก็ห้ามแตะ
ชิวหยุนก่อนออกเรือนไม่เคยถูกใครแตะเนื้อต้องตัว แม้จะเป็นราชทายาทก็ไม่ได้ ถ้าเรื่องแพร่ออกไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
และแล้ว!
จับดึงแขนหลานชิวหยุนแน่น เลิกแขนเสื้อเธอขึ้น แขนขาวเนียนสวยกว่าหิมะ แต่ไม่มียาทดสอบพรหมจรรย์
ใบหน้าของเขาอึมครึมทันที มองสภาพที่น้ำตาไหลออกมาของหลานชิวหยุน ไม่กะพริบตาเลย ตบเข้าที่หน้าอย่างแรง
“เพี๊ยะ……”
เสียงตบที่ชัดเจนดังขึ้น หลานชิวหยุนร้องไห้ออกมาทันที
“พ่อ ท่าตบข้าหรือ หลายเยาเยาเป็นตัวอะไร นางเลวเหมือนแม่ของนาง เชื้อเลวๆ ของนางสารเลวมีอะไรดีให้ท่านปกป้อง?ตบข้าเพราะนางสารเลวนี่ ข้าอยากตาย ข้าอยากตาย ฮือๆๆ ……”
หลานเฉินมู๋คาดไม่ถึงว่าหลานเชิวหยุนจะพูดคำนี้ออกมา โกรธจนควันออกหูทันที ยกฝ่ามือขึ้นและจะจะตบอีกที……
“ท่านพี่ นี่ท่านทำอะไร ถึงแม้ว่าหลานชิวหยุนนางทำผิดมากแค่ไหน นางก็ยังเป็นบุตรสาวของท่าน! ทำไมท่านต้องโหดร้ายขนาดนี้ล่ะ!”
หนิงซื่อวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ ดึงหลานเฉินมู๋ออก น้ำตาอาบแก้มสองข้าง สภาพเสียใจและปวดใจมาก
“หลีกไป สั่งสอนนางเสร็จ ข้าค่อยคิดบัญชีกับเจ้า”
พูดแบบนี้ แต่ฝ่ามือของหลานเฉินมู่ตบไม่ลงแล้ว
“ท่านพี่ ข้าสอนชิวหยุนไม่ดีเอง แต่เรื่องที่ชิวหยุนกับองค์ชายราชทายาทรักกัน และพวกเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว อีกไม่นานชิวหยุนก็จะได้เป็นพระชายาขององค์ชายรัชทายาทแล้ว นี่เป็นเรื่องดีทำไมท่านต้องโมโหด้วยล่ะ?”
หลานเฉินมู่ปัดหนิงซื่อออกอย่างแรงด้วยความโมโห
“ความคิดของผู้หญิง!”
สะใภ้ของราชวงศ์เป็นง่ายขนาดนั้นหรือไง?
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เรื่องนี้ห้ามรั่วไหลออกไปเด็ดขาด
และแล้ว!
สายตาเขามองไปยังแม่นมและสาวใช้ สั่งด้วยเสียงเย็นชา: “ใครก็ได้! ลากคนที่โหดเหี้ยมตีเยาเยาพวกนี้ออกไปโบย”
“ขอรับ!” เหล่าองครักษ์รับคำสั่งทันที
หลังจากที่พวกสาวใช้และแม่นมตกใจสีหน้าซีดเซียวมีสติอีกครั้ง ก็ถูกเหล่าองครักษ์ลากตัวออกไปแล้ว เสียงร้องขอชีวิตอย่างต่อเนื่อง เบาลงเรื่อยๆ
“เอาคุณหนูสี่ไปขังที่ห้องโถงสามวัน”
“พ่อ……”
หลานชิวหยุนที่ใบหน้าบวมได้ยินว่าสาวใช้กับแม่นมจะจะถูกโบยก็ไม่สะทกสะท้านอะไร พอได้ยินหลานเฉินมู๋จะลงโทษขังที่ห้องโถง ก็โกรธขึ้นทันที
แต่!
แต่ถูกหนิงซื่อดึงไว้ทัน หนิงซื่อพาหลานชิวหยุนออกไปอย่างเร่งรีบ ก่อนออกไปนางไปหลานเยาเยา สายตานั่นเต็มไปด้วยพิษสงค์
(จบบทนี้)