หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 636 ช่างเถอะจบลงตรงนี้
ร่างกายจื่อเฟิงแข็งทื่อ ในดวงตามีความสั่นไหวเล็กน้อย แต่กลับเปลี่ยนสายตาในอีกวินาทีถัดมาทันที คว้าเย็นหงมาถึงด้านหลัง จากนั้นมองไปทางพ่อบ้านเหมยที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่แต่กลับเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ฉากเมื่อครู่นั้นพ่อบ้านเหมยได้เห็นอย่างชัดเจน ไม่เชื่อจริงๆ เย็นหงที่ก่อนหน้านี้เขินอายผู้นั้น วันนี้แค่กระดิกตัวก็เปลี่ยน ทั้งร่างดูนักเลง ยังกล้าลงมือกับจื่อเฟิงจริงๆ ความลำพองอวดดีนั้นช่างน่าชื่นชมจริงๆ
เขาล้วนอดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสความกล้าหาญของเย็นหง และจื่อเฟิงก็ไม่ได้ผลักออก
แต่เห็นได้ว่าระหว่างพวกเขายังไม่ได้เกิดเรื่องอย่างอื่นขึ้น
“อย่าซ่อนเลย ยังไงซะก็หลบไม่มิด เป็นเย็นหงสินะ!”
จื่อเฟิงกระแอมเบาๆเสียงหนึ่ง ค่อนข้างทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
เย็นหงโผล่หัวออกมาทางด้านหลังของจื่อเฟิง โบกมือไปทางพ่อบ้านเหมย “สบายดีนะ พ่อบ้านเหมย”
“ตอนนี้รู้จักอายแล้ว? สายไปแล้ว!”
…….
งานเลี้ยงเริ่มแล้ว
เย่แจ๋หยิ่งที่เดิมทีจิตใจปลอดโปร่งสบาย เพราะการมาถึงของหานแสกับเย่หลีเฉิน ในใจถูกคลุมด้วยหมอกบางๆหนึ่งชั้น ขณะที่มองพวกเขา สีหน้าเผยความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย
ความไม่พอใจเช่นนี้ ก็เหมือนดั่งเข็มที่เขวี้ยงไปบนร่างของหานแสและเย่หลีเฉิน แม้จะทำให้พวกเขาอึดอัดเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีการกระทำใด ผู้หนึ่งพยายามยกแก้วดื่มเหล้ากับเย่แจ๋หยิ่งอย่างเต็มที่ ไม่มีแม้โอกาสให้เขาได้พูดกับหลานเยาเยา
ไม่ได้ครอบครองหลานเยาเยา
เช่นนั้นก็สร้างความอึดอัดให้อ๋องเย่ อย่างไรเสีย ผู้หนึ่งเพื่อเรื่องของบ้านเมืองวุ่นวายจนปวดหัว ผู้หนึ่งเพราะต้องจัดการเรือแห่งความสิ้นหวังลงน้ำกับเรื่องยุ่งเหยิงเป็นกองนั่นของยิงจวนที่เกี่ยวข้องกับถังเฉิงเสี้ยง จิตใจทั้งสองล้วนค่อนข้างกระวนกระวาย
ตอนนี้อ๋องเย่ผู้เดียวที่อิสระสบายใจ
พวกเขาไม่พอใจ เช่นนั้นก็สร้างความอึดอัดให้เขา ทุกคนไม่พอใจด้วยกัน
และไม่รู้เพราะอะไร
ทั้งๆที่ในใจของเย่แจ๋หยิ่งไม่พอใจ แต่กลับยกแก้วติดๆกัน ดื่มเหล้ากับพวกเขาแบบปฏิเสธบ้างดื่มบ้าง
จากส่วนนี้หลานเยาเยาล้วนรู้สึกตกตะลึง
ไม่เหมือนการวางตัวของเย่แจ๋หยิ่ง
แต่นึกถึงเขา ตั้งแต่เล็กจนโต ก็มีเพียงโม่เหลียงเฉินที่นับได้ว่าเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ไม่สนใจอำนาจของเขา บางครั้งอาจจะสามารถเรียกว่าเป็นเพื่อนที่สนิทเหมือนพี่น้องได้ บางครั้งก็ไม่กลัวตายเสียสละเพื่อเขา บางครั้งก็เหมือนดั่งผู้ใต้บัญชาของเขา โดยสรุป เดิมทีที่เป็นเช่นนี้ก็ยังมีโม่เหลียงเฉินอีกคน
แต่เย่หลีเฉินไม่ว่าจะปิดบังความสามารถของตัวเองอย่างไร ล้วนเคารพเขาเป็นที่สุด ปลดความอดทนออกไป หลังจากเป็นฮ่องเต้ เย่หลีเฉินก็ไม่ได้ฉวยโอกาสกดดันหรือยึดอำนาจทหารของเขาคืน กระทั่งเอาเขานับถือเป็นที่พึ่งพิงของตัวเอง
ความจริง นอกจากรุ่นในครอบครัวต่างกัน อายุของพวกเขาก็ต่างกันไม่เท่าไหร่
อีกทั้งหลังตกเข้าไปในอันตรายหนีรอดจากความตายพร้อมกัน นับว่าชะตาชีวิตที่ผ่านมามีมิตรภาพต่อกัน
สำหรับหานแส!
ทั้งสองคนเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่ในความคาดเดาไม่ได้ก็มีสิ่งของบางอย่างทำให้พวกเขาไม่มีทางจะลงมือให้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นตายได้อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้น ไม่ว่าฝั่งไหนอยากทำให้อีกฝั่งตาย พวกเขาก็มีโอกาส เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตถึงตอนนี้อย่างดีๆได้
บางทีทุกคนล้วนรู้ หลังจากวันจับจ่ายสิ้นปีชะตาชีวิตก็จะแตกต่างไป
อาหารมื้อนี้ ถือว่าเป็นการอำลาสินะ!
หลานเยาเยาก็ไม่ได้รบกวนพวกเขา กลับเห็นโม่เหลียงเฉินที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวบนโต๊ะอาหาร มองไปทางฮัวหยู่อันที่อยู่ด้านหลังของนางบ่อยๆ ฮัวหยู่อันก็แทบนั่งยองลงมาหลบด้านหลังของนางแล้ว
นางแอบถอนหายใจเบาๆ
ยื่นมือไปเล็กน้อย ฮัวหยู่อันรีบโน้มตัวเข้ามา
“คุณชาย?”
“เจ้าถอยไปเถอะ! คิดดีๆว่าจะหาเงินมาคืนข้าอย่างไร” นางตั้งใจกดเสียงต่ำ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจให้โม่เหลียงเฉินได้ยิน หากว่าโม่เหลียงเฉินจดจ่อที่นางทางนี้ จะได้ยินเสียงที่ตั้งใจกดให้ต่ำลงเป็นธรรมดา
“เจ้าค่ะ!”
ฮัวหยู่อันตอบรับแล้วออกไป
แต่ทันทีที่นางออกไป โม่เหลียงเฉินก็ลุกขึ้นทันที เหาะพุ่งออกไปดั่งเช่นลูกศร เกรงว่าช้าไปก้าวหนึ่ง ฮัวหยู่อันจะหายตัวไปเช่นนั้น
เห้อ!
หลานเยาเยาส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
โม่เหลียงเฉินเช่นนี้ถือว่าความรักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆหรือ?
ในความแปลกใจเล็กน้อย โม่เหลียงเฉินคนเจ้าชู้ผู้นี้ ได้พบฮัวหยู่อันที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก จะใช้วิธีไหนเอาความจริงใจในอดีตของฮัวหยู่อันกลับคืนมา
ในเมื่อเกิดความสงสัย แน่นอนว่านางต้องตามไปสังเกตและศึกษาดีๆสักรอบ
ฉะนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินไป แต่แขนกลับถูกมือใหญ่ๆข้างหนึ่งคว้าไว้ เมื่อหันไปมอง เป็นเย่แจ๋หยิ่ง เขาไม่ได้มองนาง เวลานี้กำลังถือแก้วเหล้าดื่มจนหมด
คนผู้นี้มีดวงตาที่หูหรือ?
“ทำไม?” นางไม่เข้าใจ
“เจ้าต้องการไปที่ใด?”
“ก็ไปเดินเล่นด้านนอก เดี๋ยวก็กลับมา รออยู่ตรงนี้”
หลังจากพูดเช่นนี้ เย่แจ๋หยิ่งจึงได้ปล่อยนาง แต่กระเทือนถึงจิตใจหานแส หยิบเหล้าไหหนึ่ง วางไปบนโต๊ะ พูดคำที่เด็ดเดี่ยว
“เหล้าเข้มๆไหหนึ่ง ใครดื่มไม่หมดผู้นั้นเป็นเด็กอ่อนหัด”
เย่หลีเฉินมุมปากกระตุก
ไหนี้ใหญ่ไปหน่อยหรือไม่? คืนนี้เขายังต้องเลี้ยงฉลองกับบรรดาขุนนางอีก จะเมางอมแงมกลับวังไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ เขาค่อนข้างอยากหนีไปแล้ว
ใครจะรู้……
“ปัง” เสียงหนึ่ง
ด้านหน้าของเขาก็ปรากฏเหล้าเข้มๆไหใหญ่ไหหนึ่งที่ยังไม่ได้เปิดผนึก และคนที่เอาเหล้าให้เขา กำลังจ้องเขาอย่างเย็นชา อ๋องเย่ที่ไม่ให้เขาถอยแม้แต่น้อย
“เสด็จอา?”
เย่แจ๋หยิ่งกล่าว: “ไม่เมาไม่กลับ!”
เสด็จอาเปล่งวาจาแล้ว เย่หลีเฉินยังทำอะไรได้อีก? ก็ดื่มสิ! เพียงแค่ดื่มไม่ตาย เช่นนั้นก็ดื่มต่อไป
ลานด้านหน้าจวนอ๋องเย่
ฮัวหยู่อันก้มหน้าไตร่ตรองเรื่องจะหาเงินอย่างไร ไม่กี่วันก่อนนางมีการวางแผนเบื้องต้นแล้ว แต่ว่า ชนกับวันจับจ่ายสิ้นปีพอดี ไม่สามารถดำเนินแผนการได้
อีกทั้งตอนนี้สถานการณ์เปราะบาง
ไม่รู้ว่าปีหน้าทำการค้าจะทำได้ดีหรือไม่?
กำลังคิดอยู่ ด้านหน้าก็ดำ มีอะไรขวางทางไปของนางไว้
เมื่อเงยหน้ามอง นางตะลึงเล็กน้อย
เป็นเขา!
ฮัวหยู่อันแสดงความเคารพต่อเขาเล็กน้อย หมุนตัวเดินไปอีกด้าน แต่ก็ถูกโม่เหลียงเฉินขวางทางไป ฮัวหยู่อันไม่อยากใส่ใจ ก้มหน้าแล้วหมุนไปอีกทางหนึ่ง โม่เหลียงเฉินกลับยังขวางไว้
คราวนี้ ฮัวหยู่อันเงยหน้าขึ้น บนใบหน้าค่อนข้างโมโห
“คุณชายเหลียงเฉิน ขอความกรุณาท่านหลีกทาง”
แต่โม่เหลียงเฉินไม่ขยับสักน้อย มองนางอย่างดื้อรั้น ในสายตามีอารมณ์ที่แปรปรวน
“ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?” นางกัดฟัน โกรธเป็นที่สุด
“เสี่ยวฮัว ข้า……”
“อย่าเรียกข้าเช่นนี้ ข้ารังเกียจและสะอิดสะเอียน” ในที่สุดนางก็ระเบิดแล้ว
อดีต หลานเยาเยาเรียกเช่นนี้ หลังจากพบเขา เขาเรียกแม่นางฮัวก่อน เพื่อหลอกใช้นาง เขาก็เรียกนางเสี่ยวฮัวเหมือนดั่งเยาเยาเช่นนั้น แต่หลังจากที่นางไม่มีค่าให้หลอกใช้แล้ว เขาหลบหนีแล้ว หลังจากที่นางสูญสิ้นทุกอย่าง เขาก็ปรากฏตัวอีกครั้ง เรียกนางว่าแม่นางฮัว
ตอนนี้พูดออกจากปากว่าเสี่ยวฮัว ทำให้นางนึกถึงการหลอกใช้ในอดีตของเขา
เหอะ!
นางขันซะจริงๆ
นางก็ตัวคนเดียวลำพัง ไม่มีประโยชน์ให้หลอกใช้แล้ว เรียกเช่นนี้ ก็คือมีใจทำให้นางจะอ้วก
“ขอโทษ!”
เขาอยากพูดที่สุดคือประโยคนี้
“ขอโทษอะไร? พวกเราใครก็ไม่ติดค้างใคร เพียงแค่คนหนึ่งหวังที่จะรังแกอีกคนยอมรับการรังแกเท่านั้น” ฮัวหยู่อันฝืนยิ้มเล็กน้อย
เดิมทีเรื่องราวก็เป็นเช่นนี้
เมื่อครู่หลังจากที่โมโห เมื่อสงบลง แม้นางก็รู้สึกว่าตัวเองนางขัน
“แต่ข้าทำร้ายเจ้า?”
“เหอะ ดังนั้นท่านต้องการจะชดเชยหรือ? ท่านเคยหลอกยั่วผู้หญิงมากมายขนาดนั้น จะสามารถชดเชยได้หรือ?”
คราวนี้ โม่เหลียงเฉินไม่พูดแล้ว
ใช่แล้ว!
เขาในอดีต เพื่อบรรลุภารกิจอย่างรวดเร็วว่องไว และช่วยท่านพ่อของเขาออกมา ไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาจริงๆ ใช้ประโยชน์รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง ล่อลวงผู้หญิงที่คลั่งไคล้เขา เมื่อบรรลุจุดประสงค์ก็ตีตัวจากไป ไม่เคยคิดถึงสภาวะและสภาพจิตใจของผู้หญิงที่เคยถูกเขาทำร้ายมาก่อน
แต่…….
“ผู้หญิงคนอื่นเกี่ยวอะไรกับข้า? ข้าอยากชดเชยเพียงเจ้า”
ฮัวหยู่อันเป็นผู้หญิงผู้เดียวที่เขาสงสารและสำนึกผิด บวกกับหลังจากที่ชนเผ่าหยินไห่ครอบครัวของนางถูกฆ่า ยิ่งทำให้เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะชดเชยนาง
ฮัวหยู่อันราวกับได้ยินเรื่องน่าตลกที่สุดในโลก มองเขาอย่างไม่พอใจแวบหนึ่งหมุนตัวแล้วต้องการเดินจากไป แต่กลับถูกโม่เหลียงเฉินคว้าไว้ เอานางเข้ามากอดแน่นๆในอ้อมอก ปล่อยให้นางขัดขืนทุบตีตามใจก็ไม่ปล่อยเด็ดขาด
“ขอโทษจริงๆ ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้ายกโทษให้ข้า เจ้าต้องการอะไร ข้าล้วนจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อชดเชยเจ้า”
สลัดไม่หลุด ฮัวหยู่อันก็ไม่ดิ้นรนแล้ว
แต่โม่เหลียงเฉินกลับอยู่ไม่สุขแล้ว!
เขาปล่อยนาง มือสองข้างจับไหล่ของนาง มองดูนางอย่างร้อนรน
“ข้า…….”
“ไม่เป็นไร ข้ายกโทษให้ท่านแล้ว หลังจากนี้ต่อไป ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับข้า สำหรับการชดเชย เอากระเป๋าเล็กๆที่ข้าให้ท่านคืนข้า หากว่าทำหายไปนานแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องคืน”
พูดจบ ฮัวหยู่อันปัดมือของโม่เหลียงเฉินออก หมุนตัวแล้วจากไป
แต่นาทีนั้นที่หมุนตัว เบ้าตาของนางแดงแล้ว
ยกโทษคำนี้ หลังจากนี้ต่อไปพวกเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแม้แต่น้อย นางจะถูกลบออกไปจากรายชื่อความรู้สึกผิดของเขา จากนั้นจะถูกลืมโดยสิ้นเชิง
ทีแรกคิดว่าหัวใจชินชาแล้ว
แต่เมื่อถึงนาทีนั้นจริงๆ ยังอดทนความรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้
เป็นดังคาด!
คนที่มอบความจริงใจก่อน สุดท้ายจะพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
ช่างเถอะ สิ้นสุดลงตรงนี้