หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 61 คืนวันเข้าหอ 1
บทที่ 61 คืนวันเข้าหอ 1
อะไรนะ?
บาดเจ็บ? เป็นไปได้ยังไงกัน?
เย่แจ๋หยิ่งเป็นถึงอ๋องเทพสงคราม วรยุทธ์ร้ายกาจเหนือใคร กำลังภายในกล้าแกร่งเกินบรรยาย จะได้รับบาดเจ็บได้ยังไงกัน?
หลานเยาเยาเงยหน้าขึ้นมาแทบไม่อยากเชื่อ นางมองไปที่แขนของเขาที่ยื่นออกมา จากนั้นก็มองไปที่ฝ่ามือ นางพบว่าที่แขนมีรอยแผลที่น่าตกใจอยู่
ตอนนี้เลือดไหลออกมาไม่หยุด หยดลงบนพื้นทีละหยดทีละหยด เลือดสีแดงที่อยู่บนพื้นราวกับดอกไม้สีแดงที่กำลังแย้มบาน
สายตาของนางตะลึงไป
บาดเจ็บจริง ๆ เหรอเนี้ย อีกทั้งยังบาดเจ็บตรงบริเวณเส้นชีพจรด้วย ถึงได้ทำให้เลือดไหลไม่หยุด
“บาดเจ็บจริง ๆ เหรอเนี้ย?”
หลานเยาเยายังคงไม่อยากจะเชื่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจไปแตะโดนแขนเขา
ทันใดนั้นเอง
เลือดอุ่น ๆ หยดหนึ่งหยดลงบนฝ่ามือของนาง หลังจากนั้นเลือดของเขามันก็หายไปจากฝ่ามือของนางทันที ราวกับว่าถูกฝ่ามือของนางดูดไป
“กริ๊ง ……”
“ยินดีด้วยเจ้านาย ภารกิจการเก็บกรุ๊ปเลือด A3 หนึ่งหยดสำเร็จแล้ว ตอนนี้กำลังปลดล็อคยาระดับสองกับอุปกรณ์ เจ้านายกรุณาตรวจสอบด้วย”
ในสมองของนางจู่ ๆ ก็มีเสียงหุ่นยนต์ระบบรักษาดังขึ้นมา ระหว่างที่หลานเยาเยากำลังตกใจอยู่นั้น ในใจของนางยิ่งตกใจเหมือนกับมีม้าวิ่งหน้าตาตื่นผ่านหน้าไปยังไงอย่างนั้น
เลือดของเย่แจ๋หยิ่งมันกลับไปกรุ๊ปเลือด A3 ที่หาได้ยากบนโลกใบนี้
นางพูดได้คำเดียวว่า “ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย?”
นี่เป็นครั้งแรกที่อัพเลเวลได้โดยไม่ได้คาดคิด
แต่ว่า
ทำไมถึงได้เลือกเป็นในเวลาแบบนี้ล่ะ?
อีกทั้งยังเป็นในท่ามกลางสายตาที่เย็นยะเยือกจนเหมือนจะทำให้แข็งตายของเย่แจ๋หยิ่งด้วย
นี่มันเป็นการหาเรื่องชัด ๆ ?
เขาไม่ได้สนใจว่าเย่แจ๋หยิ่งจะเห็นไหม หลานเยาเยาเก็บมือกลับ แต่ว่ายื่นนิ้วไปได้แค่ครึ่งเดียว ก็ถูกมือใหญ่ ๆ จับเอาไว้ อีกทั้งยังดึงมือของนางไปที่หน้าของเขาด้วย
อุณหภูมิในห้องมันลดลงต่ำกว่าศูนย์ อีกทั้งบรรยากาศยังแปลก ๆ ด้วย
แย่แล้ว เขาเห็นจนได้
ซวยแล้ว ต้องหาทางอธิบายให้ดี
แต่นางยังไม่ทันคิดหาวิธีแก้ ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งยกมือข้างที่บาดเจ็บขึ้นมา เลือดของเขาไหลลงมาที่มือของนางอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ เลือดที่ไหลลงมาบนมือของนางกลับไม่หายไป แต่มันกองอยู่ตรงนั้นอย่างนั้น
มันทำให้เย่แจ๋หยิ่งอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
หลานเยาเยาหัวไวมาก รีบทำตาโตแล้วถามเขาว่า
“ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไร? ท่านเคยบอกว่า ในเวลาสามปีท่านจะรักษาพรหมจรรย์ของข้าไว้ ตอนนี้ท่านจะคืนคำหรือยังไง?”
นางตั้งใจเปลี่ยนประเด็น ขอแค่ทำให้เขาคิดว่า เลือดที่หยดแล้วหายไปเพราะระบบเมื่อกี้มันเป็นเพราะเขาตาลาย
อย่างไรก็ตาม
วินาทีที่นางพูดจบ เย่แจ๋หยิ่งก็เงยหน้ามาสบตาของนาง
แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น หลานเยาเยาก็
เหมือนจะพ่ายแพ้ลงทันที จากนั้นก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“ท่านไม่ได้ชอบเล่นเลือดเหรอ แต่ว่าเลือดของท่านมันมีมูลค่ามาก มันสิ้นเปลืองเกินไปนะ”
กรุ๊ปเลือด A3 มันมีค่ามากกว่าเลือดสีทองอีก ถึงแม้เลือดชนิดนี้จะไม่ได้สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่มันก็เพียงพอทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิกันที่สูงมากกว่าปกติ
ส่วนจะมีสรรพคุณอย่างอื่นอีกไหมยังไม่รู้แน่ชัด เพราะนางยังไม่เคยทดลอง
“เจ้าเป็นใคร?”
เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเลือดของเขาไม่เหมือนคนทั่วไป แต่ไม่มีหมอคนไหนดูออกว่าเลือดของเขาไม่เหมือนคนอื่น แต่หลานเยาเยากลับมองออก
อีกทั้งภาพประหลาดที่เขาเห็นเมื่อครู่ มันไม่ใช่ภาพลวงตาแน่นอน
เมื่อเอาทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เห็นรวมกัน เขายิ่งแน่ใจ
ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าใช่คุณหนูหกของจวนแม่ทัพหลานเยาเยาแน่ เพราะความเปลี่ยนแปลงของนางก่อนหลังมันต่างกันมากเกินไป
แต่ว่า …… กลับตรวจสอบแล้วไม่มีเบาะแสอะไรเลย
มันเหลือเชื่อมากเกินไป
“ข้า? หลานเยาเยาไง ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลย ตอนนี้ก็เพิ่งจะแต่งงานมาเป็นพระชายาของอ๋อง”
ขอแค่เขาไม่ใช่วรยุทธ์ ไม่บีบบังคับ ไม่เห็นนางเป็นปีศาจ เขาจะไปสืบหรือตรวจสอบยังไง ก็ไม่มีทางตรวจเจอฐานะที่แท้จริงของนางแน่นอน
“ฮึ ช้าเร็วสักวันข้าจะต้องรู้ให้ได้” เขาเองก็ไม่ถามให้มากความ แค่พูดอย่างเรียบเฉย “ช่วยข้าทำแผลที”
“อือ”
เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัญหาคือ ……
“ท่านทำข้าเจ็บ”
เขาไม่ปล่อยมือของนาง นางจะทำแผลให้เขาได้ยังไงกัน?
อีกทั้งตอนนี้ยังมีเรื่องหนึ่งที่เร่งด่วนกว่านั้น นางต้องรีบเก็บเลือดของเขาเอไว้ ทางที่ดีก็คือให้เขาเลือดไหลให้มากกว่านี้
พอได้ยินดังนั้น เย่แจ๋หยิ่งก็ปล่อยมือนาง จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งที่ขอบเตียง
เมื่อเขาปล่อยมือ หลานเยาเยาก็รีบเดินไปที่โต๊ะ หยิบถ้วยชาสะอาดแล้วเดินตรงมาที่หน้าของเย่แจ๋หยิ่ง
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ข้าไม่มีผ้ากับยาห้ามเลือด ท่านสั่งให้คนของทานไปเอามาจากห้องยาให้ข้าได้ไหม?”
น้ำเสียงของนางอ่อนโยนแล้วก็น่าฟังมาก ดูท่าทางเหมือนจะคิดแทนเย่แจ๋หยิ่งจริง ๆ แต่สายตาของนางกลับจ้องไปที่แผลของเขา อีกทั้งยังเลียปาก เหมือนกำลังตั้งตารออะไรบางอย่าง
“อือ”
นางไม่มีของพวกนี้จริงเหรอ?
ครั้งแรกที่เจอกัน ตอนที่อยู่ใต้หน้าผา บนตัวของนางไม่มีพื้นที่เก็บของเลย แต่กลับมีเข็มเงินกับยาสมุนไพร
ตอนนี้ กลับจะให้เขาสั่งให้คนไปเอามาจากห้องยา เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อยื้อเวลาเอาไว้
ลองดูก่อนว่านางคิดจะทำอะไร?
เย่แจ๋หยิ่งเอ่ยปากออกคำสั่งไป ด้านนอกมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นทันที
หลานเยาเยารู้ว่า มีคนออกไปเอายามาแล้วแน่นอน
นางรีบเอาถ้วยชามาวางไว้ตรงปากแผลของเขา เลือดของเขายังคงไหลออกมาไม่หยุด
เหมือนเลือดมันจะออกมาไม่ออก นางเหมือนพยายามจะไปเค้นมันออกมา ให้เลือดมันไหลออกมามากขึ้น
“……”
เย่แจ๋หยิ่งหน้านิ่ง สายตาดูดุดัน
เสี้ยววินาทีสายตาของเขาก็เหมือนปลายคมดาบที่จ้องจู่โจมไปยังหลานเยาเยา
นางกล้าคิดทำอะไรเขา ดูท่าทางคงไม่อยากอยู่แล้ว
มืออีกข้างหนึ่งของเขากำหมัดไว้แน่น หมัดของเขาเหมือนมันมีกำลังภายในแผ่ออกมามาก มันเหมือนสามารถซัดออกไปที่ไหนก็ได้แบบไม่มีเหตุผล
หลานเยาเยาสะดุ้ง
นางรีบยิ้มแล้วมองไปที่ดวงตาของเขา ปากของนางยิ้มหวาน นางพูดอย่างมีเสน่ห์เย้ายวนว่า
“ท่านอ๋อง หรือว่าท่านไม่อยากรู้ว่าเลือดของท่านมันพิเศษที่ตรงไหนเหรอ?”
“ไม่อยาก” เขาตอบกลับมาแบบไม่มีเยื่อใยเลย
“……”
ทำไมจะไม่อยาก?
การไปสืบค้นว่าของชิ้นหนึ่งมันลึกลับขนาดไหน เขาจะไม่อยากได้ยังไงกัน?
ทำไมมันได้ไม่อยากรู้ล่ะ?
“ท่านดูท่านสิ มีกำลังภายในแก่กล้าขนาดนี้ วรยุทธ์ก็สูงจนไม่น่าเชื่อ อีกทั้งท่านเองก็เพิ่งจะอายุยี่สิบ ……” เพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ ใช่ไหม? ช่างมันเถอะ พูดสิ่งที่เย้ายวนใจออกมาก็พอแล้ว
“โดยปกติแล้ว ต่อให้ท่านเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่มีเลือดที่อยู่ในตัวของท่านแล้วก็ไม่มีทางมีวรยุทธ์ที่สูงขนาดนี้ได้แน่นอน
ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นสูง วรยุทธ์ของเขาจะสูงแค่ไหนก็ตาม กำลังภายในมีมากแค่ไหนก็ตาม หรือยินยอมถ่ายทอดทั้งหมดนี้ให้กับท่าน โดยทั่วไปแล้วร่างกายของท่านก็ไม่มีทางรับไหวแน่นอน
ผลสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นเหมือนระเบิดฆ่าตัวตาย ธาตุไฟเข้าแทรก แต่ตอนนี้ท่านกลับปลอดภัยแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มันเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก ท่านว่าจริงไหม?”
พูดถึงขนาดนี้แล้ว หากเป็นคนจริง ๆ ก็น่าจะอยากรู้บ้างล่ะ?
ขอแค่กระตุ้นต่ออยากรู้ของเขา นางก็อาจจะได้เลือดของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยแล้วสินะ?