หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 456 ข้าก็อับอายแล้ว
บทที่ 456 ข้าก็อับอายแล้ว
ในตำหนักเทพธิดา
หลังจากที่หลานเยาเยามองดูส่งรถม้าของเย่แจ๋หยิ่งจากไป ก็กลับตำหนักโดยตรง เดิมทีคิดว่าเห็นเย่แจ๋หยิ่งแล้ว หลังจากที่กลับมานางจะสามารถนอนหลับดีๆได้ กลับคิดไม่ถึง ตอนนี้ในสมองล้วนปรากฏแต่สีหน้าขาวซีดของเขา นางยิ่งนอนไม่หลับแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเย่แจ๋หยิ่งเป็นเช่นนั้นเพราะเสียเลือดมากเกินไป
ราชครูเทียนเวิงชั่งโหดเหี้ยมเกินไปจริงๆ
สูบเลือดก็ต้องมีหน่อยระดับสิ! ไม่ได้ ต้องล้มเขาให้ได้เร็วหน่อย
ดูท่าแล้วพรุ่งนี้ข้าต้องหาเวลาไปเยี่ยมเย่แจ๋หยิ่ง เขาเป็นเช่นนั้น นางค่อนข้างไม่วางใจจริงๆ
แล้วในเวลานี้!
ด้านนอกมีเสียงดังขึ้น
“มีนักฆ่า” เย็นหงตะโกนเสียงดัง
เมื่อได้ยินว่านักฆ่า สีหน้าหลานเยาเยาเคร่งขรึมทันที ลุกขึ้น ยังเดินไม่ถึงประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ของอาวุธดังเสียดหู
เมื่อเปิดประตูดู หลานเยาเยาก็อดอ้าปากกว้างไม่ได้
เป็นเขา?
เป็นเขาได้อย่างไร? !
ได้ยินเสียงเปิดประตู สองคนที่ต่อสู้กันอยู่บนหลังคาฝั่งตรงข้างก็มองมาทางนี้พร้อมกัน เวลานี้จื่อซีที่ซ่อนอยู่ในที่ลับก็เข้าร่วมต่อสู้
เงาดำที่ต่อสู้กับจื่อซีและจื่อเฟิง ชั่วครู่หนึ่ง ก็ถูกจื่อซีและจื่อเฟิงตีตกลงมาที่พื้น
ขณะที่เงาดำตกลงมาที่พื้น ไม่เพียงจื่อซีและจื่อเฟิงที่ตะลึงงัน แม้แต่หลานเยาเยาก็ตกตะลึงจนขากรรไกรแทบหลุด
นี่ก็ชั่งน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วมั้ง?
เงาดำนั่นคือเย่แจ๋หยิ่งเชียวนะ! จื่อซีและจื่อเฟิงก็ยังเคยทำงานใต้บัญชาของเขา!
กำลังภายในของจื่อเฟิงล้ำลึก แต่แม้ว่าเย่แจ๋หยิ่งจะสูญเสียกำลังภายในไปครึ่งหนึ่ง ต่อสู้กับพวกเขาก็ไม่สามารถเสียเปรียบได้
เพียงแค่ตอนนี้……
ยังไม่ถึงกระบวนท่าที่สิบ เย่แจ๋หยิ่งก็ถูกพวกเขาตีตกมาที่พื้นอย่างแปลกประหลาด ดูเย่แจ๋หยิ่งลุกขึ้นยืนอย่างสะบักสะบอมเล็กน้อย จื่อเฟิงและจื่อซีอยากไปช่วยพยุงเขา ถูกเย่แจ๋หยิ่งตาขวางใส่โดยตรง พวกเขาสองคนก็ค่อยๆหยุดฝีเท้าลง
ดูดเลือดก็สามารถดูดจนเขาอ่อนแอได้ขนาดนี้?
ในใจหลานเยาเยาเกลียดราชครูเทียนเวิงเพิ่มขึ้นอีกมาก
ตอนนี้นางค่อนข้างร้อนใจแทนเย่แจ๋หยิ่ง
โดนอดีตองครักษ์ลับของตัวเองตีจนล้มอยู่กับพื้น เช่นนี้ก็เสียหน้าพอแล้ว
“ยังดูอะไรอยู่? อ๋องเย่สุขภาพไม่ดี บวกกับอดข้าวมาสามวันสามคืน ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะสามารถสู้ชนะเขาหรือ? ไปไปไป ดูอะไร ควรทำอะไรก็ไปทำอะไร”
หลานเยาเยาใช้อำนาจปกป้องคนของตัวเอง
ไล่จื่อซีจื่อเฟิงและเย็นหงไปโดยตรง แม้มองก็ไม่ให้พวกเขามองซักแวบ
“ขอรับ!”
จื่อซีสองคนรีบทำมือเคารพทันที แล้วก็ดึงเย็นหงหลบออกไปพร้อมกัน
เมื่อพวกเขาจากไป
หลานเยาเยารีบเดินสาวเท้าเข้าไป มองดูเย่แจ๋หยิ่งที่ฟื้นคืนจากความอ่อนเพลีย อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ :
“วิทยายุทธของท่านเป็นอะไรล่ะ? ทำไมอ่อนเป็นไก่ขนาดนี้แล้ว?”
มองดูเขา เย่แจ๋หยิ่งยิ้มบางๆ
“ตอนนี้ข้าก็อับอายแล้ว ในใจของเจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
ได้ยินคำพูดนี้ หลานเยาเยายังมีอะไรไม่เข้าใจอีก ใบหน้าร้อนผ่าว
เมื่อนึกถึงความเก้อเขินที่จวนอ๋องเย่ก่อนหน้านี้ นางค่อนข้างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไร เพียงคิดไม่ถึงว่าเย่แจ๋หยิ่งจะใช้วิธีการเดียวกันมาอับอายเป็นเพื่อนนาง
“ท่านมาดึกดื่นขนาดนี้ก็เพื่ออันนี้?”
“ไม่งั้นล่ะ?” น้ำเสียงที่เหลือเชื่อ
ในห้องบรรทม
หลานเยาเยาให้เย่แจ๋หยิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ นางเอื้อมมือไปตรวจชีพจรให้เขา แววตาของเย่แจ๋หยิ่งเคลื่อนไหวเล็กน้อย จากนั้นก็หลบเลี่ยงอย่างไร้ข้อสังเกตได้
“เยาเยา เจ้าวางใจ ไม่เป็นไร”
ไม่เป็นไร?
สีหน้าของเขาขาวราวกระดาษ ริมฝีปากขาวซีด ดูท่าทางแล้วอ่อนแอมาก
นี่คือไม่เป็นไร?
ด้วยเหตุนี้!
ใบหน้าของนางก็เย็นชาลงทันใด น้ำเสียงเย็นยะเยือก เอ่ยแกมบังคับเล็กน้อย :
“ยื่นมือออกมาตรวจชีพจร จำเป็นต้องตรวจ”
นางจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของเย่แจ๋หยิ่ง จะได้ให้ยาถูกโรค ไม่เพียงแค่บำรุงเลือดอย่างเดียวเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เย่แจ๋หยิ่งบอกว่าเขาเองไม่เป็นอะไร นางไม่เชื่อแม้สักนิด
“ได้!”
เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้า จากนั้นก็ยื่นออกมาช้าๆ ขณะที่หลานเยาเยาต้องการเอามือมาพาดบนชีพจรของเขา เขาก็หมุนมืออย่างกะทันหัน คว้ามือหลานเยาเยาไว้ จากนั้นก็ดึงนางเข้ามากอดในอ้อมกอด
“เย่แจ๋หยิ่ง นี่ท่านจะทำอะไร? พูดไว้แล้วว่าจะตรวจชีพจรนะ?” หลานเยาเยาขัดขืนลุกขึ้น
“เยาเยา อย่าขยับ ข้าคิดถึงเจ้าแล้ว ให้ข้ากอดครู่หนึ่ง” น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ สีหน้าอ่อนโยน
โดนเขากอดไว้ในอ้อมกอด หลานเยาเยารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นเร็วมากขึ้นในพริบตา แต่ก็ไม่ง่ายที่จะหลอกนาง
เขาไม่ให้นางตรวจชีพจร นางก็จะตรวจให้ได้ ขัดขืนลุกขึ้นจากในอ้อมกอดของเขา และก็ไม่รู้ว่าถูโดนตรงไหน เย่แจ๋หยิ่ง “ซื่ด” เสียงหนึ่ง
“ท่านเป็นอะไร?”
“ไม่เป็นไร อย่าขยับ ให้ข้ากอดดีๆ”
“……ก็ได้!”
หลานเยาเยาระงับความสงสัยในใจของตัวเองไว้ชั่วคราว หลังจากให้เขากอดครู่หนึ่งแล้ว เขาจึงกล่าวด้วยเสียงต่ำ :
“เยาเยา วันนี้เจ้าเข้าไปที่ห้องบรรทมแล้ว?”
“ใช่สิ! มีปัญหาอะไรหรือ?” นางตอบอย่างหงุดหงิด
ความจริง เวลานั้นเห็นเย่แจ๋หยิ่งนอนอยู่บนเตียง ทีแรกนางเพียงคิดอยากจะแกล้งเขาหน่อย กลับคิดไม่ถึง ที่นอนอยู่บนเตียงเป็นเย่แจ๋หยิ่งตัวปลอม ทำให้นางเข้าใจผิดไม่ว่า ยังอับอายขายหน้ามากมายขนาดนั้น
ตอนนี้เขายังจะพูดถึงอันนี้อีกทำอะไร?
หัวเราะเยาะนางหรือ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลานเยาเยาก็อารมณ์ไม่ดีในทันใด
“ข้าดีใจมาก ที่เจ้าริเริ่มเองเช่นนี้ แต่คราวหน้า เจ้าต้องดูคนให้ชัดเจนก่อนจะพุ่งเข้าไป”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป หลานเยาเยาตัวทำเลิ่กลั่กทันที
อย่าพูดว่าเป็นองครักษ์ลับเข้าใจผิด แม้แต่เย่แจ๋หยิ่งก็เข้าใจผิดแล้ว
ช่างเถอะ นางก็ไม่อยากอธิบายอะไร อธิบายก็คือปกปิด ปกปิดก็จะกลายเป็นความจริงแล้ว ดังนั้นไม่พูดยังจะดีซะกว่า
“ยังไม่ได้แต่งงานนะ! พูดเอาความดีเข้าตัวเองให้น้อยหน่อย นั่นข้าเพียงแค่อยากจะทำให้ท่านตกใจ”
“อะไรเรียกว่าไม่แต่งาน? ทะเบียนสมรสการแต่งงานของเราข้ายังเก็บรักษาไว้อยู่ เจ้านี่นะ หน้าบางไปหน่อย ยังไงก็ควรริเริ่มเวลาที่ควรริเริ่ม น่าเสียดาย ก่อนหน้านี้ข้าไม่อยู่ในจวน ไม่สามารถพะเน้าพะนอกับเจ้าดีๆสักรอบ ตอนนี้รีบมาเป็นพิเศษ ก็อยากจะพะเน้าพะนอให้ดีๆน่ะ!”
“เย่แจ๋หยิ่ง……”
ได้ยินเย่แจ๋หยิ่งพูดจาเช่นนี้ หลานเยาเยาก็รีบขัดจังหวะทันที
เห็นนางมีท่าทีทั้งเขินอายทั้งโมโห เขาก็หัวเราะเบาๆขึ้นมาอีกครั้ง
“พูดเล่นกับเจ้าน่ะ อย่าคิดจริงเลย”
“ปล่อยข้า!”
หลานเยาเยาเขินอายไม่ไหวแล้ว กล่าวด้วยเสียงที่โมโห
“รออีกประเดี๋ยว” น้ำเสียงแหบต่ำคลุมเครือ
เย่แจ๋หยิ่งพบว่าหลานเยาเยามียาพิษ
เมื่อสัมผัสถูกนาง ก็ทำให้เขาไม่สามารถหยุดความปรารถนาได้ แม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช้เวลา เขาก็ยังคิดอยากจะไปต่อ
ทำอะไรเขาไม่ได้ หลานเยาเยาจึงปล่อยเลยตามเขา
หลังจากครู่หนึ่ง!
ตั้งแต่เริ่มจนจบริมฝีปากบางๆของเย่แจ๋หยิ่งอยู่ข้างหูของนาง
สุดท้าย เขาปล่อยนางแล้ว แววตายังคงแวววาว จ้องมองนางเป็นระยะในเวลาอันสั้น ราวกับว่าวินาทีถัดมาจะพุ่งเข้าไปเช่นนั้น
“สมควรตาย เยาเยา ทำไมเจ้าถึงได้มีเสน่ห์เพียงนี้?”
หลานเยาเยามองบนใส่เขาแวบหนึ่ง จ้องใบหน้าที่แดงราวกับหยดเลือดแล้วกล่าว :
“โทษข้าหรือ?”
“ได้ได้ได้ ไม่โทษเจ้า โทษข้าที่ควบคุมตัวเองได้ยังไม่เพียงพอ เจ้าต้องการจะทำให้ข้าโกรธตายโดยเฉพาะใช่หรือไม่?”
มองดูหลานเยาเยายืนขึ้น กลิ่นกายที่วนรอบจมูกค่อยๆจางหายไป เย่แจ๋หยิ่งอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย