หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 405 มาจากความเป็นห่วงของตาแก่
บทที่ 405 มาจากความเป็นห่วงของตาแก่
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปออกคำสั่ง”
ฮ่องเต้กำหมัดแน่นซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อสีเหลืองสดใส มีสีหน้าคาดการไม่ได้
เมื่อเห็นตาเฒ่ารับคำสั่งออกไป เขาก็รีบพูดขึ้นมาอีก:
“ประกาศเจตจำนงของข้าอีกครั้ง ประกาศให้ถังเฉิงเสี้ยงเข้าวัง”
“ขอรับ ข้าน้อยรับคำบัญชา!”
ตาเฒ่าหนีออกมาราวกับแทบจะพังประตู เร่งฝีเท้าราวกับบินออกจากห้องหนังสือ
ในห้องหนังสือ
ฮ่องเต้หลับตาลงอย่างห่อเหี่ยว นั่งลงบนพื้นอย่างรุนแรง
เป็นใครกันนะ?
สถานที่ลับขนาดนั้น แม้แต่บนแผนที่ก็ไม่ได้บันทึกไว้ จะสั่งให้คนมาจัดการได้อย่างไร?
ด้านในตำหนักเทพธิดา
หลานเยาเยากลับมายังตำหนักก่อนฟ้าจะสาง หลังจากจัดการเรื่องราวเรียบร้อย นางก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง
จนเกือบถึงเวลาอาหารเย็น นางก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความหิว จึงลุกมาหวีผมแต่งตัวเล็กน้อย พอเปิดประตูออกไปก็เห็นตาแก่สองสามคนยืนอยู่หน้าประตู
สองมือของพวกเขาไพล่หลัง สายตาจ้องมาที่นางด้วยท่าทางโกรธ ราวกับมีใครไปทำให้พวกเขาไม่พอใจ
นี่ทำอะไรกันเนี่ย?
หรือนางไม่มัดผมให้ดี หรือใบหน้านางสกปรก?
“หน้าข้ามีดอกไม้บานหรือ? พวกท่านถึงได้จ้องขนาดนั้น ข้าทำอะไรไม่ถูกแล้ว” หลานเยาเยาพูดไป แล้วคิดไปว่านางไปทำอะไรให้เหล่าตาแก่นี้ไม่พอใจหรือไม่
เอ๋?
เหมือนไปรับปากอะไรพวกเขาไว้นะ?
ใช่ ทำกับข้าว รายการอาหารถี่ยิบนั่นนางยังไม่ได้ทำสักอัน!
ตายจริง ทำไมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ?
ไม่มีทางแล้ว
หลานเยาเยาส่งยิ้มหวานให้พวกเขา
“อ๊ะ ข้าจำได้แล้ว ทำกับข้าว พรุ่งนี้แล้วกัน! พรุ่งนี้ข้าจะทำกับข้าวให้พวกท่านเป็นยังไง?”เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของพวกเขา หลานเยาเยาก็รู้ว่าพวกเขาไม่ทำ
นางจึงทำได้เพียงถอนหายใจ เล่นซีนอารมณ์
“เฮ้ เหล่าตาแก่ แม้ข้าจะเด็ก แข็งแรง งดงามเหมือนดอกไม้ แต่เมื่อคืนข้าเหนื่อยมาก ใบหน้าก็ซีดไปไม่น้อย ต้องการการพักผ่อนอย่างมาก พวกท่านดูสิว่าข้านั้นง่วงมาก ขนาดข้าวเช้ายังไม่ได้กินเลย”
ตาแก่ในฐานะพ่อบ้านก้าวมาข้างหน้า พูดหน้าจริงจังว่า:
“เมื่อคืนไปไหนมา? แม้แต่คนในสำนักหงอีก็ย้ายไปหมด”
“ก็ไปสั่งสอนฮ่องเต้เบาๆ คืนสองวันก่อนพวกท่านก็อยากสั่งสอนเขา ข้าเลยช่วยพวกท่านสั่งสอน”หลานเยาเยาบึนปาก
“เจ้า……ที่พวกข้าบอกว่าสั่งสอน ก็คือไปอัดเขาแรงๆสักที แล้วก็ฆ่าคนข้างกายเขาที่ทำชั่วไว้มากมายสักสองสามคน
แล้วเจ้าหล่ะ เจ้าไปทำเรื่องที่ดีอะไร?”
ตาแก่นั่นโมโห!แทบอยากยื่นมือไปบิดหูของหลานเยาเยา
“ข้าไม่ได้ทำเรื่องแย่อะไร!”
“ยังไม่ทำหรือ? เจ้ารู้ไหม ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งสำนักหงอีก็จบแล้ว
จัดการสำนักหงอีกอย่างอยากลำบากมาเป็นเวลานาน ถ้าเกิดเรื่องอะไรจริงๆ เจ้าจะทำอย่างไร? แล้วพวกเราอีกจะทำอย่างไร?”
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าหลานเยาเยาเกิดเป็นอะไรขึ้นมา พวกเขาจะอธิบายกับใต้เท้าเย่นอย่างไร?
“นี่มันก็ไม่มีอะไรนี่! ท่านยังไม่รู้ความสามารถข้าอีกหรือ? ไม่ได้เข้าใจข้าเลยว่าข้าจะไม่ทำเช่นนั้น” หลานเยาเยาพูดตามจริง
“เจ้า เจ้าหนู ครั้งต่อไปถ้ายังผลีผลามอีก พวกข้าจะไม่ตามใจเจ้าแบบนี้อีก จะผูกเจ้ากับสำนักหงอี และไม่อนุญาตให้ออกมาอีก”
เมื่อได้ยินตาแก่พูดเช่นนี้ หลานเยาเยาก็รีบยิ้ม
“ก็ได้ๆ ครั้งหน้าข้าจะคุยกับพวกท่านดีๆก่อน พวกท่านพยักหน้า ข้าถึงค่อยทำดีไหม?
ท่านดูสิ ว่าข้าสามารถจับเชลยพลทหารและม้าของฮ่องเต้ได้ตั้งสองสามพัน สังหารไปแล้วเกือบหมื่น ถ้าสู้ในสนามรบหล่ะก็ จะต้องเป็นเรื่องที่ดี ที่ชนะได้ด้วยกำลังคนที่น้อยกว่า”
เมื่อเห็นท่าทางยิ้มแย้มของหลานเยาเยา ตาแก่ก็ส่งเสียงเย็นชา แต่ในน้ำเสียงผ่อนคลายลงมาก แต่ก็ยังอดว่าไม่ได้:
“รู้ว่ากล้าหาญ ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นมา สิ่งที่เจ้าพยายามทำมาสองสามปีนี้ก็ไร้ประโยชน์”
“วางใจเถอะตาแก่ ท่านดูข้าตอนนี้สิว่าสวยมากใช่ไหม?”
“เฮอะ!”
ตาแก่พูดไม่ออก ตาแก่สองสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตาแก่คนนี้ก็ดึงแขนนางและเขาไว้ และพูดโน้มน้าวว่า:
“พอแล้วๆ ก็ไม่เกิดอะไรไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้องแล้ว! การสู้นี้โจมตีได้งดงามขนาดนี้ พวกเราควรจะปลื้มปิติ”
“ใช่ พวกเราทำพวกท่านผิดหวังมาหลายปี พอเจ้าหนูนี่ลงมือ ก็ไม่พอใจแทนเรา เจ้าไม่ต้องโมโหแล้ว”
ตาเฒ่าสองสามคนที่อยู่ด้านหลังแย่งกันพูดโน้มน้าว
“ข้า ทำไมพวกเจ้าถึงไปคุยกับนางหล่ะ ไม่ใช่ว่าจะมาถามความผิดด้วยกันหรือ?”ตาแก่พ่อบ้านเจา ชำเลืองมองพวกเขา
พวกเขาก็ทำเป็นมองไม่เห็น
“เอาหล่ะๆ เจ้าหนูนี่เหนื่อยมาทั้งคืน นี่ เอานี่ไปบำรุงร่างกายดีๆ”
แม้หน้าตาแก่จะไม่ได้ดี แต่เขาก็หยิบไก่ย่างตัวนึงออกมาจากด้านหลัง แล้วส่งให้หลานเยาเยา
“กินเถอะ! รองท้องก่อน”
“ใช่ๆๆ ยังมีพวกเราอีก ข้าเตรียมผลไม้ เม็ดแตงโม แล้วก็ยังมีขาหมูที่เจ้าชอบที่สุดอีก”
หลานเยาเยาที่เดิมทีหิวจนท้องร้อง เมื่อเห็นเหล่าตาแก่ต่างเอาของที่นางชอบกินมา ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจ
ก็รู้อยู่แล้ว ว่าตาแก่หน่ะดีกับนางที่สุด
“ได้ ข้าจะกินให้หมด ข้าชอบกินทั้งหมด”
หลังจากนั้นไม่นาน
หลานเยาเยาก็กำลังกินอย่างออกรส ส่วนเหล่าตาแก่ก็บินออกประตูไปอย่างรวดเร็ว
นางอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น
ตาแก่เหล่านี้ กลัวว่านางจะเผยความลับ
คาดว่าตอนนี้คงกำลังมุ่งไปที่หมู่บ้าน เพื่อไปดูว่ายังมีเบาะแสสำคัญอะไรทิ้งไว้หรือไม่ พวกเขากำจัดหลักฐานได้ดีหนิ!
ตอนที่ท้องอิ่มไปได้ครึ่ง
“ฉึบ……”
อาวุธลับอันเย็นเยือกถูกยิงออกมา
เป้าหมายไม่ใช่นาง แต่เป็นเสาด้านหลังสีแดง หลานเยาเยาขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยืนขึ้นและเดินไปข้างเสาเพื่อมอง
ก็เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งผูกอยู่บนอาวุธลับ
หยิบขึ้นมาดู สายตาก็อดไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจ
แม้แผนนี้จะค่อนข้างดี
แต่ว่า……
จะต้องทำอย่างนี้จริงหรือ?
ขณะนี้ จื่อเฟิงก็บินมา
“คุณหนู เมื่อครู่มีคนบินออกมาจากชายคาห้องบรรทม ข้าน้อยกลัวคุณหนูจะเกิดอะไร จึงรีบตามมา”
“ไม่เป็นไร!” นั่นเป็นผู้ส่งสาร
“งั้นจะให้ตามไปหรือไม่?”
“ไม่ต้อง เขาเป็นคนของอ๋องเย่”
ตอนนี้จื่อเฟิงจึงแปลกใจเล็กน้อย กำลังคิดจะพูดอะไร
ก็มีองครักษ์คนหนึ่งมารายงาน:
“เทพธิดา เหล่าพ่อบ้านกลับมาแล้ว”
“อื้ม!”
หลังจากองครักษ์เดินไป พ่อบ้านและตาแก่สองสามคนก็เดินเข้ามา พูดคุยกันถึงเรื่องราวบางอย่าง หลังจากนั้นพ่อบ้านก็เอ่ยขึ้นว่า:
“ท่านจับเชลยศึกไว้สองสามพันคนใช่ไหม?”
“อื้ม!ปล่อยพวกเขาไว้ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอยู่”
“แต่ว่าคนมากมายเป้าหมายใหญ่เกิน ปล่อยพวกเขาไว้อาจสร้างหายนะได้ นี่มันไม่ดีต่อสำนักหงอี และก็กับท่าน”พ่อบ้านเตือนอย่างเหมาะสม
“วางใจได้ ข้าจัดการพวกเขาไปอยู่ที่อื่น”
เมื่อเห็นว่าหลานเยาเยามีการเตรียมการอย่างถี่ถ้วน พ่อบ้านก็พยักหน้าและไม่ได้ไปถามอะไรนางอีก แต่ถอนหายใจออกมา
“เจ้าสำนัก ท่านโตแล้วจริงๆ หากใต้เท้าเย่นได้มาเห็นท่านตอนนี้ จะต้องยินดีเป็นอย่างมากแน่ๆ”
“ตาเฒ่าเย่นจะมาเจอข้าเมื่อไหร่? เขามักจะทำตัวลึกลับ อยากจะเจอเขาสักครั้งก็ยากลำบาก”
ไม่ได้เจอนานแล้ว คิดถึงตาเฒ่าเย่นจริงๆ……