หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 354 อ๋องเย่ที่ถูกเมินเฉยอีกครั้ง
บทที่ 354 อ๋องเย่ที่ถูกเมินเฉยอีกครั้ง
ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
เขาจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขามีเพียงสิบหัวไม่สามารถจะรับมือได้
“นี่ หวังว่าท่านจะทำตามคำพูด”
หลานจิ่นเอ๋อหยิบถุงที่หนักอึ้งถุงหนึ่งออกมา เงินที่โป่งออกมา โยนมันออกไปในมือของหมอดู
“นี่คือเงินครึ่งสุดท้าย ท่านลองนับดู”
หมอดูใช้มือชั่งน้ำหนักถุง พยักหน้าด้วยความพึงพอใจอย่างมาก “การปฏิบัติตัวของคุณหนูสาม ข้านั้นวางใจ ไม่ต้องนับแล้ว จากนี้ไม่ต้องพบกันแล้ว”
หมอดูรับถุงเงินมา จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปิดประตู หลังจากออกจากประตูไป ก็กลับไปทำเหมือนเป็น หมอดูผู้ซื่อตรงอีกครั้ง
หลานจิ่นเอ๋อที่ยังอยู่ในโรงน้ำชา มองไปยังประตูที่ปิดแน่นของโรงน้ำชา อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงไม่พอใจที่เย็นชาออกมา แววตาก็เปล่งประกายของความแค้น
เพียงแค่หายไปไม่ได้ตายอย่างนั้นหรือ
มีเพียงคนตายเท่านั้นที่สามารถเก็บความลับไว้ได้ตลอดไป
หลังจากหมอดู จากไปไม่นาน
หลานจิ่นเอ๋อก็ตามออกไป แต่พวกเขาจากออกไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อเห็นหลังของหลานจิ่นเอ๋อที่กำลังรีบออกไป หลานเยาเยาก็นั่งอยู่บนหลังคาของโรงน้ำชา
คิดอย่างรอบคอบหน่อยจะเป็นอย่างไร
นางได้ยินทั้งหมดแล้ว!
“จุ๊ จุ๊” สองคำ จากนั้นก็หายไปจากบนหลังคา
……
กลางคืน ดึกมาก!
แสงจันทร์อันเยือกเย็นและเลือนราง หมู่เมฆที่ลอยผ่านไป ต้นกกประดับแต่งสวยงามลอยอยู่ริมแม่น้ำ มีเพียงแสงบางๆที่ลอดผ่านชั้นบางๆคล้ายหมอก
ไม่ใช่ค่ำคืนที่จะมืดมนเป็นพิเศษ แต่มันกลับยังคงเงียบจนน่าขนลุก
“ฮู้ว ฮู้ว……”
เมื่อลมแห่งความมืดเริ่มพัดผ่าน ต้นกกก็ลอยไป เสียงซาซาก็ส่งออกมา ความน่ากลัวนั้นก็ค่อยๆหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้คงเป็นยามจื่อ(เที่ยงคืน)แล้ว !
หมอดูยังคงทำตัวเหมือนดูดวง แต่ ป้ายที่เขาถือไว้ก่อนหน้านี้ ไม่รู้หายไปไหนแล้ว
เขาระมัดระวังตัวเป็นอย่างสูง
เพื่อป้องกันการถูกฆ่าปิดปาก เขาจึงเดินวนไปรอบๆ เป็นเวลานาน จนกระทั่งรู้สึกว่าไม่มีอะไรอยู่ด้านหลัง
จากนั้นก็จงใจเลือกกอต้นกกเป็นที่อำพรางตัว
เขามาถึงริมฝั่ง เรือเก่าๆได้ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว เอนตัวลงไปปลดเชือกที่ผูกเรือไว้ จากนั้นลมของความมืดก็พัดมาอีกครั้ง
ทันใดนั้นเงาดำก็พาดผ่านต้นกก……
“ใคร……”
หมอดูยืดตัวลุกขึ้นทันที หันกลับไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ในมือรีบหยิบอาวุธขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ซา ซา ซา……”
เงาดำพุ่งออกมาจากต้นกก รวดเร็วมาก จนแทบจับตามองไม่ทัน
ในไม่ช้า ก็นึกถึงเสียงของภูตผีที่ทำให้คนหวาดกลัว ตามมาด้วยเสียง “แกร๊ง”ของโซ่เหล็ก
หมอดูที่มักจะเดินเล่นยามกลางคืนอยู่บ่อยครั้ง ก็ได้ตกใจจนเหงื่อออกไปทั้งตัว
เขาตะโกนออกไป
“เลิกเล่นละครได้แล้ว ออกมา รีบออกมาเดี๋ยวนี้”
ลมในตอนนี้ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เสียงกรอบแกรบของต้นกก ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงกระทบกันของโซ่ชวนให้ขนลุกมากขึ้นเรื่อยๆ
“แกร๊ง……”
เสียงโซ่เหล็กยิ่งดังเข้ามาใกล้ หมอดูมากขึ้น มือของเขาตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาเบิกกว้าง เหลือบมองไปซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น!
“แกร๊ง ……”
ทันใดนั้นร่างที่มืดดำร่างหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นไม่ไกลจากเบื้องหน้าเขา
เขามองเห็นรูปลักษณ์ได้ไม่ชัดเจน จึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่าชายหรือหญิง มีเพียงมือที่ถือโซ่นั้นเพียงสิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดเจน
โซ่นั้นทั้งหนาและยาว มีตะขอเหล็กปลายแหลมสองอันห้อยลงมากระทบแสงจันทร์ บนตะขอเหล็กมีศพติดอยู่ และเดินเข้ามาหาหมอดูเรื่อยๆ……
เงาที่น่ากลัวนั้น ได้สะบัดโซ่ขึ้น
ศพนั้นได้ลอยไปทางหมอดู
หมอดูกำลังซ่อนตัวอยู่ เมื่อมีเสียง “ตุ้บ”ของศพ ตกลงมาอยู่ที่เท้าของเขา
เขาจับจ้องไป ดวงตาของเขาก็เบิกโตทันที
เป็นคนของเขา
และเป็นผู้ที่เตรียมเรือให้เขา เพื่อให้เขาหนีไป
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศพไปแล้ว!
อาศัยจังหวะช่องว่างที่เขาไม่มีสติอยู่กับตัว โซ่เหล็กได้กวาดเข้ามา หมอดูไม่ทันสังเกตเห็น ตะขอก็ได้ผ่านผิวหนังไปอย่างรวดเร็ว เกี่ยวลึกลงไปยังซี่โครง แล้วดึง
“โอ๊ย……”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น แหวกผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
หน้าอกของหมอดู ครู่หนึ่งก็มีเลือดไหลออกมา ร้องหายครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น
และซี่โครงสองสามซี่ของเขา ตอนนี้ก็ได้แขวนอยู่บนตะขอเหล็กในมือของเงามืดดำ โชกไปด้วยเลือด เป็นที่น่ากลัวมาก
“แกร๊ง……”
เงามืดดำนั้นเพิกเฉยต่อเสียงครวญครางที่แสนเยือกเย็น กวาดโซ่ครั้งหนึ่ง โซ่ลอยตรงออกไปอีกครั้ง เกี่ยวหมอดูตกลงไปในน้ำ
“ตุ้บ……”
เลือดได้ไหลเปื้อนไปในน้ำเป็นจำนวนมาก ในทันทีที่เงามืดดำได้ตรงมายังแม่น้ำหมอดูก็ได้ลอยอยู่บนผิวน้ำแล้ว นิ่งเฉยไม่ไหวติง
เงามืดดำไม่ได้เคลื่อนไหวอีก
มองไปยังศพที่ลอยอยู่อย่างเงียบๆ หัวเราะอย่างน่าสะพรึงกลัว จากนั้นก็หันหลังกลับ เขย่งปลายเท้า เหาะขึ้นไป ผ่านกอต้นกก และหายไปท่ามกลางความมืดมิดของราตรี
ในตอนนี้!
หลานเยาเยาซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ชมและนั่งกินแตงโมอยู่ในความมืด ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ริมน้ำทันที
ด้วยคลื่นจากมือเปล่าของนาง ไหมสีเงินเส้นเล็กยาวก็ได้พันรอบร่างของหมอดู จากนั้นก็รวบเส้นไหมสีเงิน ดึงร่างของหมอดูขึ้นจากน้ำทันที……
หลังจากไปมาอยู่ครึ่งคืน หลานเยาเยาก็ได้กลับถึงตำหนักเทพธิดา แล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นหายไปพร้อมกับเข้าไปยังที่นอน
เปลือกตาหนักมากแล้ว!
เมื่ออยู่บนเตียงอ่อนนุ่ม หลานเยาเยาก็รู้สึกได้ว่าตนเองกำลังจะหลับไปในทันทีทันใดแล้ว
แต่……
เงาร่างของเย่แจ๋หยิ่งกลับปรากฏขึ้นมาในห้องเพราะเหตุใด
ง่วงมากแล้วนะ!
ไม่คิดแล้ว หลับเถอะ!
ไม่ถึงหนึ่งนาที หลานเยาเยาก็หลับไปอย่างสนิท ลมหายใจยิ่งนิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เย่แจ๋หยิ่งที่ถูกเพิกเฉย ตอนนี้ยังยืนอยู่ตรงข้างหน้าต่าง และมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างทำอะไรไม่ได้
เขาเดินมายังเตียงแล้วนั่งลง เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหลานเยาเยา จากนั้นก็ปัดเส้นผมที่กีดขวางบนตาของนางออกไป
เหนื่อยสินะ!
นอนหลับฝันดี
หลังจากนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ได้นอนที่เตียงกับนาง แต่ยังคงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เพื่อคอยคุ้มกันคนที่อยู่ในหัวใจอย่างเงียบๆ
จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มปรากฏสีขาวดั่งท้องปลา เย่แจ๋หยิ่งที่เหนื่อยล้าเล็กน้อย ก็เริ่มขยับตัว แล้วหายกลับไปในห้อง
หลังจากฟ้าสาง
หลานเยาเยายังไม่ตื่นขึ้นมา แต่ตำหนักเทพธิดากลับมีชีวิตชีวา
ขันทีได้เชิญราชโองการของฮ่องเต้ เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องรับแขก เขาไม่กล้าใช้คนของตำหนักเทพธิดา ให้ไปปลุกเทพธิดา
เป็นเพราะ!
องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องรับแขก มีสีหน้าที่เคร่งเครียด ดูแล้วไม่ควรที่จะพูดออกไป
จะว่าไปก็ดูเหมือนมาเฝ้าประตู แต่ขันทีกลับรู้สึกเหมือนมาเฝ้าพวกเขา
นอกจากขันทีที่เชิญราชโองการของฮ่องเต้มาแล้ว ก็ยังมีองค์ชายรัชทายาทเย่หลีเฉินนั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย
เขากำลังดื่มชา อย่างไม่รีบเร่งหรือร้อนใจ
ในครั้งแรกที่เข้าประตูมานั้น ยู่หลิวซูจะว่านั่งก็ไม่ใช่ ยืนก็ไม่ยืน สุดท้ายจึงถือถ้วยชาเอาไว้ใบหนึ่ง และนับใบชาอยู่อย่างเงียบๆ
นอกจากพวกเขาสองสามคนแล้ว ก็ยังมีอีกสองคน
พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยา แต่งตัวดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
เหตุผลที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้ามา ก็เป็นเพราะจื่อเฟิงซึ่งเป็นผู้คุ้มกันประตูห้องรับแขกนั้นรู้จักกับพวกเขา
อาฝูและโม่ซาง!
พวกเขาทั้งสองคนเงียบมาก แต่ก็ไม่ยากที่ดูออกจากสายตาของพวกเขา หากพวกเขาไม่ได้มาเพราะเหตุจำเป็นที่สุดวิสัย ก็คงจะไม่สามารถเข้าประตูมาได้
ผ่านไปไม่นาน
หลานเยาเยาก็ตื่นขึ้นมา
หลังจากมีคนรายงานนางว่ามีคนเข้ามารออยู่ที่ห้องรับแขก นางจึงรีบลุกไปชำระร่างกาย เดินตรงไปยังห้องรับแขก
เมื่อนางมาถึงประตูห้องนั่งรับแขก ก็ชะลอฝีเท้าให้ช้าลง เดินเข้าไปในห้องรับแขกอย่างสบายๆ
ช่วงเวลานั้นที่นางปรากฏตัว……