หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 349 นางต้องการสิ่งใดก็ให้สิ่งนั้น
บทที่ 349 นางต้องการสิ่งใดก็ให้สิ่งนั้น
เซียวจิ่นหยูขยับแขนเล็กน้อย ทำให้แขนเสื้อสั่นสองสามครั้ง “อะแฮ่ม ต้องการเท่าไร”
หลานเยาเยาจ้องมองอย่างุนงงไปชั่วขณะ
ได้หันไปมองร่างกายของยู่หลิวซูอย่างไม่น่าเชื่อ และพบว่ายู่หลิวซูก็ประหลาดใจเช่นกัน
ก็ได้เทียบกับนิ้วทั้งห้าของเซียวจิ่นหยูอย่างครึ่งเชื่อครึ่งสงสัย
“จำนวนเท่านี้หรือ”
เซียวจิ่นหยูพยักหน้า แล้วขอให้คนไปนำเงินมา
เมื่อหลานเยาเยารับตั๋วเงินจำนวนห้าปึกมาไว้ในฝ่ามือ มุมปากของนางก็กระตุก
นางต้องการเพียงห้าสิบตำลึงเงินเท่านั้น
ไม่นึกเลยว่าเซียวจิ่นหยู จะมอบตั๋วเงินจำนวนห้าปึกใหญ่มา และทั้งหมดล้วนเป็นชนิดใบละห้าร้อยตำลึง
สวรรค์!
ควนมีเงินนี้ที่แท้ใจกว้างยิ่งนัก!
หลังจากได้รับเงินสดแล้ว
ทั้งสามคนก็ได้นั่งหันหน้าเข้าหากัน มุมปากของยู่หลิวซูก็กระตุกเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อกี้นี้จนถึงตอนนี้ แม้ว่าสีหน้าของเซียวจิ่นหยูจะสงบปกติ แต่ก็ไม่ยากที่จะดูออก ว่าเขาดูเหมือนจะภูมิใจที่ได้มอบตั๋วเงินให้
และการยิ้มเยาะของหลานเยาเยาก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ก็ยิ้มอย่างใสซื่อ ท่าทีได้มีการเปลี่ยนไปอย่างมาก
ตอนนี้เป็นเวลาของการเจรจาเรื่องทางการ
“เรื่องระหว่างหลินเฟยหรัน ฉินหลิงเจียวและยู่หลิวซู พวกเจ้าสองคนใครจะเป็นผู้มาจัดการร่วมกับข้า”
ทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของ ยู่หลิวซูก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนจะตกใจ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ และในที่สุดก็มองไปยังเซียวจิ่นหยู
เซียวจิ่นหยูไม่ได้มองไปที่เขา และพูดกับหลานเยาเยา
“คำสารภาพของหลินเฟยหรัน นางคิดว่าทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องจริง แต่แท้จริงแล้ว กลับมีครึ่งหนึ่งไม่เป็นความจริง”
“เอ๊ะ”
นักฆ่าในชุดดำเป็นผู้ไปลอบสังหารองค์ชายสี่ในคืนนั้น ถูกจับได้และถูกข่มขู่จนตกตะลึง จึงได้สารภาพว่าเป็นหลินเฟยหรัน และหลินเฟยหรัน ก็ถูกจับได้เพียงชั่วข้ามคืน และยอมรับในเรื่องการฆ่าคนและการวางยาพิษ
ยังไม่ทันข้ามวัน!
เซียวจิ่นหยูก็ได้รับรู้เนื้อหาของคำสารภาพแล้ว
รู้ดีว่านางจะมา และยังได้ทำการหยั่งท่าที
นี่……
พูดได้เพียงว่า “เจ้านี่ยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งจริง ๆ”
เซียวจิ่นหยู ยิ้ม แสดงท่าทียอมรับโดยปริยาย และพูดต่อไป
“หลินเฟยหรันมาตึกฟังงิ้วบ่อยครั้ง และก็มีความรักให้กับยู่หลิวซูจริง ทั้งสองคนได้แอบติดต่อกัน ไม่ได้มีการทำอะไรเกินเลย
แต่!
เรื่องจะแปลกก็แปลกตรงที่ หลินเฟยหรันคิดมาตลอดว่ายู่หลิวซูมีความรู้สึกลึกซึ้งกับนาง ความรู้สึกรักของนางที่มีต่อยู่หลิวซูก็เข้าสู่สภาวะที่บ้าคลั่ง
ไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสองคนได้ไปพายเรือที่ทะเลสาบ แต่ได้ถูกฉินหลิงเจียวพบเข้า ฉินหลิงเจียวทำให้พวกเขาตกใจอับอายจนแทบบ้าคลั่ง
แต่ในวันรุ่งขึ้น เมื่อฉินหลิงเจียวมาตึกฟังงิ้ว ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนไปอย่างมาก นางก็เริ่มจะคลั่งไคล้ยู่หลิวซูอย่างบ้าคลั่ง
แต่หลังจากนั้น หลินเฟยหรันก็บังเอิญได้พบกับคำพูดที่ไม่มีมูลความจริงว่ายู่หลิวซูและฉินหลิงเจียวได้แอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจกว่านั้นคือ พวกนางทั้งสองเชื่อว่ามันเป็นความจริง
แม้ในงานวัดวันนั้น ฉินหลิงเจียวและหลินเฟยหรันก็ต่างเชิญยู่หลิวซูไปงานวัดอย่างต่อเนื่อง แต่ยู่หลิวซูไม่ได้ไป ยังคงร้องเพลงอยู่ที่ตึกฟังงิ้วตลอดทั้งวัน พวกเจ้าหน้าที่ศาลสามารถเป็นพยานได้”
หลังจากเซียวจิ่นหยูพูดจบ
ยู่หลิวซูถอนหายใจอย่างเบาๆด้วยความโล่งอก
แม้ว่าเขาจะมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา มีผู้หญิงหลายคนล้วนแต่แสดงความรักต่อเขา แต่เขาก็ไม่เคยคลั่งไคล้หลินเฟยหรันและฉินหลิงเจียวเลย
ถ้าไม่ใช่เพื่อตึกฟังงิ้ว เขาไม่น่าจะมีหนทางติดต่อกับพวกนางได้!
หลานเยาเยาได้ฟังดังนั้นจนจบ ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ร้องเพลงทั้งวันเลยหรือ”
“ใช่แน่นอน แม้ว่าคืนนั้นจะเป็นงานวัดที่ใหญ่โต คนส่วนมากก็ไปเที่ยวงานวัดกันหมด แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่ไม่ได้ไป
แน่นอน!
ในงานวัดทุกปีเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับกิจการของตึกฟังงิ้ว แต่ไม่มีคนเลยมีแต่คนเดียว วันนั้นคนที่มาฟังการแสดง ล้วนแต่เป็นลูกค้าประจำ
มีทั้งเจ้าหน้าที่ศาลและขุนนาง และคนทั่วไปก็มี
ด้วยมีพยานเหล่านี้ ยู่หลิวซูจึงยังไม่ถูกจับกุมในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด”
หลานเยาเยาไม่ได้พูดอะไร
มือข้างหนึ่งถือน้ำชาเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งวางไว้บนโต๊ะเตี้ย เคาะไปบ้างเป็นครั้งๆ ราวกับว่ากำลังคิดถึงปัญหาอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน!
หลานเยาเยาก็ลุกขึ้นยืนและพูดเบาๆ “แม้ว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ยู่หลิวซูก็ยังต้องเดินทางไปกับข้า”
“เซียวซื่อจื่อ ข้าบอกไปแล้ว นางไม่มีทางเชื่อ เจ้าดูสิ จริงไหม”
เห็นได้ชัดว่ายู่หลิวซูไม่ได้มีความหวังมากนัก
หลังจากได้ยินคำพูดของนาง ทันใดนั้นก็หมดความหวังโดยสิ้นเชิง
เซียวจิ่นหยูไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มองไปทางหลานเยาเยา
จุ๊ จุ๊!
ไปด้วยคงไม่ใช่จับตัวเขาใช่ไหม
คนคนนี้มีปัญหาเรื่องการทำความเข้าใจหรือเปล่า
หลานเยาเยาส่งเสียงเบาๆ “หรือว่าเจ้าไม่อยากรู้ความจริงของเรื่องนี้หรอกหรือ”
ในเวลานี้
ยู่หลิวซู ถึงกับผงะ อดไม่ได้ที่จะมองไปที่นาง พร้อมกับสายตาที่เริ่มมีการพิจารณาเหตุปัจจัยต่างๆมากขึ้น
หลานเยาเยาพูดต่อ
“รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ผู้ชายร่างใหญ่แต่งตัวแบบนี้ มันตุ้งติ้งเกินไป ข้าไปรอเจ้าข้างนอกนะ”
พูดจบหลานเยาเยาก็ออกไป
ยู่หลิวซูที่เหลืออยู่ มองไปยังเซียวจิ่นหยู และถามอย่างสงสัย
“เซียวซื่อจื่อ เจ้าทำอะไรลงไปถึงได้ให้ตั๋วเงินกับนางมากขนาดนั้น ติดสินบนหรือ”
เซียวซื่อจื่อ เป็นคนนิ่งเงียบมาโดยตลอด เป็นไปไม่ได้ที่สมองของเขาจะร้อนรุ่มเอาตอนนี้ แล้วจะให้ตั๋วเงินปึกใหญ่ขนาดนั้นออกไป!
ใครจะรู้ศีรษะกลับถูกเคาะไปหนึ่งครั้ง
“วันนี้เจ้าพยายามจะโวยวายอะไรออกไป ไม่เพียงแต่ต้องการสืบหาความจริงจากเทพธิดาหรือ ยังไม่รีบเปลี่ยนชุดอีก”
ยู่หลิวซูรู้สึกเจ็บปวดส่งเสียงร้อง “โอ้” จับหัวแล้วจากไป
เซียวจิ่นหยูดื่มชาอย่างเงียบๆ และมุมปากของเขาก็ยกเล็กน้อย ดูเหมือนจะตอบคำถามของยู่หลิวซู
พระคุณของการช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นางต้องการสิ่งใดจึงต้องทำสิ่งนั้น
——
ที่พำนักอันโอ่อ่างดงาม ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา
มีสิงโตหินขนาดใหญ่สองตัวอยู่ทางด้านซ้ายและขวา เหนือบันไดห้าหกขั้น เป็นประตูเคลือบเงาสองบาน เหนือประตูมีหงส์เต้นรำมังกรบินพร้อมอักษรขนาดใหญ่——ศาลต้าหลี่
หลานเยาเยาเดินอยู่ด้านหน้า ด้านหลังมียู่หลิวซูที่แต่งตัวเป็นผู้คุ้มกันเดินตาม
ตรงประตูทางเข้าของศาลต้าหลี่มีองครักษ์เฝ้าประตูยืนอยู่สี่คน และยังมีขุนนางในชุดขุนนางอยู่คนหนึ่ง
รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย
ถ้านางเดาไม่ผิดละก็ ขุนนางผู้นี้ก็คือส้าวชิงจากศาลต้าหลี่
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังมา ส้าวชิงจากศาลต้าหลี่จึงรีบประสานมือทักทาย “คารวะเทพธิดา”
“อืม องค์ชายรัชทายาทล่ะ”
จะว่าไปก็มาศาลต้าหลี่ตอนบ่ายแล้ว
เหตุใดจึงไม่เห็นเขา”
“ฮ่องเต้มีรับสั่ง ให้องค์ชายรัชทายาทไปห้องจัดเตรียมภัตตาหาร เพิ่งจะถูกเรียกไปเมื่อกี้นี้”
ในเวลานี้ ส้าวชิงจากศาลต้าหลี่มองไปยังองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังของหลานเยาเยา เมื่อเห็นว่านางไม่มีท่าทีใดๆ จึงมองซ้ายมองขวา และกระซิบว่า
“ได้ยินมาว่า วันนี้องค์ชายรัชทายาทได้บุกเข้าไปในคุกของกรมอาญา และจับตัวนักโทษประหารหลินเฟยหรันออกไป
สิงปู้ช่างชูจึงรีบไปพบจักรพรรดิทันทีหลังจากเกิดเรื่อง ตอนนี้องค์ชายรัชทายาทจึงถูกนำตัวไปแล้ว น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
หลังจากฟังดังนั้น
หลานเยาเยาเหลือบมองไปยังส้าวชิงจากศาลต้าหลี่ และเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเขา และกล่าวว่า “ใต้เท้าส้าวชิง ตอนนี้พาข้าไปพบฮ่องเต้ได้หรือไม่”
ส้าวชิงจากศาลต้าหลี่ถึงกับผงะไปชั่วครู่ จากนั้นจึงตอบสนองทันที เดิมทีเขาคิดจะไปจัดการกับคดีอื่น และเปลี่ยนคำพูดทันที “ได้!”
“ถ้าอย่างนั้นโปรดนำความนี้ของข้าไปแจ้งกับฮ่องเต้ เพียงแค่บอกว่า ข้ามีเรื่องสำคัญต้องการจะปรึกษากับองค์รัชทายาท และจะไปเข้าเฝ้าในวัง เพื่อหารือเกี่ยวกับยาวิเศษของการมีอายุยืนนาน”
เมื่อเทียบกับการลงโทษเย่หลีเฉิน
คิดว่าฮ๋องเต้คงจะชอบฟังสิ่งนี้แน่!