หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - ตอนที่ 14 เงินบันดาลได้ทุกสิ่ง
บทที่ 14 เงินบันดาลได้ทุกสิ่ง
จื่อซีจะเข้าใจถึงความรู้สึกของหลานเยาเยาในตอนนี้ได้อย่างไร หลานเยาเยากำลังแสดงให้เห็นว่านางกำลังทุกข์อยู่รู้หรือไม่?
ตอนนี้พวกที่ขาดแคลนเงินทองของใช้ล้วนเป็นพี่ใหญ่ พวกขอทานเหล่านี้ทำตัวไม่แตกต่างจากลูกหลาน กลัวว่าเวลาคนอื่นไม่สบายใจก็จะไม่ให้ พอถึงเวลาก็มักจะร้องห่มร้องไห้จนไม่มีที่จะร้อง
หากยังไม่ได้มุกเย่หมิงมาอยู่ในมือ
ชีวิตก็ยังอยู่ในกำมือคนอื่น
อีกทั้งหากยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้านาย การรักษาผู้ป่วยโดยพลการ หากเกิดข้อผิดพลาด จะต้องตายทันที
ดังนั้น!
จึงต้องทำให้รัดกุมหน่อย
“รับไปซะ!”
น้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกดังขึ้น หลานเยาเยาพอจะเดาออกว่าต้องเป็นเช่นนี้จึงไม่ได้ใส่ใจ นางฝืนยิ้มอย่างอายๆแล้วรับผ้าเช็ดหน้าคืน
เชอะ!
เอาไปก็เอาไป ไม่เห็นจะสนใจสักนิด!
ดังนั้นหลานเยาเยาจึงเดินไปหาจื่อซี ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส แล้วจึงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
“เอ่อ พี่ชาย เช็ดคราบน้ำบนหน้าก่อนสิ!”
จื่อซีรู้สึกอึกอัด ในที่สุดเขาจะรับหรือว่าไม่รับกันนะ?
เมื่อเห็นจื่อซีรู้สึกลังเล หลานเยาเยาตระหนักได้ในทันที จึงใช้มือตีที่หัวตัวเองแบบนึกอะไรออก แล้วพูดว่า : “อ๋อ ข้ารู้แล้ว เรื่องแบบนี้จะทำเองได้อย่างไร มือของพี่ชายมีค่าดั่งทอง มาเถอะ ข้าเช็ดให้ท่านเอง”
จื่อซีรู้สึกเขิน จึงรีบรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเอง
“แม่นางเป็นหมองั้นหรือ?”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหลานเยาเยาแล้ว แต่เรื่องนี้จะให้หลานเยาเยารู้ไม่ได้ ถ้ารู้ว่าเจ้านายกำลังจับตาดูนางอยู่ เดาว่านางจะต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นแน่นอน
“อืม!”
หลานเยาเยาพยักหน้าอย่างเบื่อหน่าย
“แม่นางผู้นั้นจะรู้หรือไม่ว่าโรคขององค์หญิงจาวหยางมีวิธีรักษาอย่างไร?” จื่อซีตั้งตารอ
องค์หญิงจาวหยางป่วยด้วยโรคนี้มาสามปีแล้ว อาการก็แปลกประหลาดอย่างมาก หาสาเหตุไม่พบมาโดยตลอด บรรดาหมอต่างก็ทำอะไรไม่ถูก
ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถควบคุมอาการขององค์หญิงจาวหยางได้ชั่วคราว แต่ก็หาสาเหตุไม่พบ ดังนั้นจึงไม่สามารถเริ่มลงมือรักษาได้
รู้แค่ว่าองค์หญิงจาวหยางโดนแสงไม่ได้ ชอบดื่มเลือด เมื่อโรคกำเริบอารมณ์จะแปรปรวนอย่างมาก มีพลังมหาศาล และขาดสติ
ดังนั้น!
องค์หญิงจาวหยางใช้ชีวิตอยู่ได้แค่ในความมืด อีกทั้งยังต้องมัดนางไว้ เพื่อป้องกันนางทำร้ายตัวเองหรือแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
แต่น่าเสียดาย……
ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอลงทุกที กลัวว่านางจะทนได้อีกไม่นาน!
แต่เข็มเงินของหลานเยาเยา เพียงแค่ดึงออกมาก็สามารถถอนพิษในตัวองค์หญิงได้ อีกทั้งยังทำให้องค์หญิงจาวหยางสงบลงอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกว่าหลานเยาเยา คงจะต้องรู้อะไรบ้าง!
แต่น่าเสียดาย……
นางไม่ได้แสดงออกอะไรมากนัก
แต่จริงๆแล้ว ในใจของหลานเยาเยาแอบตกใจอยู่นานเช่นกัน
ที่แท้หญิงสาวในชุดสีฟ้าคนนั้น คือองค์หญิงนี่เอง!
เป็นเช่นนั้นก็ดี นางจะได้เรียกราคาได้
ดังนั้น หลานเยาเยาจึงถอนหายใจหนึ่งครั้ง แล้วส่ายหน้าพลายพูดว่า:
“ไม่รู้!”
“นางต้องรู้สาเหตุของโรคที่องค์หญิงเป็น?” จื่อซีไม่เชื่อ และยังคงถามต่อไป
หลานเยาเยาถอนหายใจอีกครั้ง มองจื่อซีอย่างทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ส่ายหัว
คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ โง่จริงๆหรือว่าแกล้งกันแน่?
มีเงินก็สามารถบันดาลได้ทุกอย่าง เขาไม่รู้หรือยังไง?
ไม่เห็นหรือว่านางดีดนิ้วคำนวณไปมากี่รอบแล้ว?
จื่อซีผู้ไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริง จึงรู้สึกหมดหวัง
ตอนนั้นเอง!
“เจ้าเป็นคนยังไงกันแน่?”
น้ำเสียงที่ดึงดูดนั้น ทำให้ร่างกายภายในรู้สึกเย็นเฉียบ อีกทั้งยังดังมาจากทางด้านหลังของหลานเยาเยา ทำให้นางตกใจจนขนลุกซู่ เหมือนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
ช่างน่าประหลาดใจ
หลานเยาเยาเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าอ๋องเย่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว อีกทั้งยังยืนห่างกันไม่ถึงสามก้าวอีกด้วย
ไม่ใช่ว่าปกติ อ๋องเย่จะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เขาเกินสามก้าวหรอกหรือ?
อีกทั้งคนที่เข้าใกล้เขาเกินสามก้าว ล้วนตายแล้วทั้งสิ้น……
ตาย?
ไม่นะ นางยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย!
“ท่านคิดจะทำอะไร? เป็นท่านที่เดินเข้ามาเอง ไม่เกี่ยวกับข้า ถ้าต้องการเงิน ข้าไม่มีให้ ถ้าต้องการชีวิต ข้าก็ไม่มีให้ แต่หากต้องการข้า ข้าอาจจะลองคิดดู”
หลานเยาเยามองดูเย่แจ๋หยิ่งอย่างระมัดระวัง ในมือถือเข็มเงินอาบยาพิษ ที่พร้อมจะปาได้ทุกเมื่อ
แต่ใครจะไปคิดว่า……
กลายเป็นว่าเขายิ่งเขยิบตัวเข้ามาใกล้ทันที ซ้ำยังหรี่ตามองนางด้วยตาที่ลึกซึ้ง
เมื่อมองไปที่หน้ากากสีเงินซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม หลานเยาเยารู้สึกได้ถึงไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากหน้ากาก เมื่อสบตากับเขา นางรู้สึกเหมือนเวลาเดินช้าลง
เขาคิดจะทำอะไร?
คงไม่ได้คิดจะทำมิดีมิร้ายจริงๆหรอกนะ?
หลังจากนั้นไม่นาน!
มุกเย่หมิงที่สุกสว่าง กลมเกลี้ยงเม็ดหนึ่ง ปรากฏต่อหน้านาง เปล่งประกายเรืองรองจนหลานเยาเยาไม่สามารถละสายตาได้
“สามารถรักษาจาวหยางให้หายขาดได้หรือไม่?” เขาถามเบาๆ
“ได้สิ ได้แน่นอน!”
“นางเป็นโรคอะไรกันแน่?”
“แน่นอนว่าไม่ได้โดนพิษ แต่โดนคุณไสย เป็นการถูกพิษกู่โยวหมิงที่น่ากลัว” หลานเยาเยาที่กำลังมองมุกเย่หมิงอย่างไม่วางตา กลับลืมนึกไปว่าตนเองยังไม่ทันจะได้เรียกราคา ก็บอกสาเหตุของโรคออกไปเสียหมดสิ้นแล้ว
เมื่อนางพูดจบ!
มุกเย่หมิงก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา!
หลานเยาเยานึกขึ้นได้ทันที ว่าตนเองพูดอะไรออกไป เอามือตีหัวตัวเอง อารมณ์เสียที่ตัวเองพลั้งปากบอกไป
ถูกทางแล้ว!
มาถูกทางแล้วจริงๆ!
“จะรักษานางต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?” เย่แจ๋หยิ่งยิ้มเยาะที่มุมปากเล็กน้อย
“เรื่องนี้น่ะเหรอ……”
หลานเยาเยาไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ในเมื่อมุกเย่หมิงมาถึงมือแล้ว นางควรจะรีบคว้าไว้ทันที
นางทำเสียง “จุ๊บ” มุกเย่หมิง แล้วพูดว่า
“อย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งปี!”
พูดจบ ก็มีของบางอย่างลอยมา
เยาเยากระโดดขึ้นไปรับโดยสัญชาตญาณ เมื่อมองดูแวบแรก ก็เห็นเป็นประกายสีทองสะท้อนออกมา
เป็นตั๋วเงินหนาหนาหนึ่งปึก ที่มีมูลค่าห้าร้อย
ดูแล้วก็เยอะพอสมควร!
“แคก แคก ครึ่งปี ขอเวลาครึ่งปี น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ดูท่าแล้ว นางคงจะทำอย่างสุดความสามารถจริงๆ
แต่ทว่า!
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว” มีตั๋วเงินอีกหลายปึก ลอยเข้ามาในอ้อมแขนของนาง หลานเยาเยาเห็นดังนั้นก็ตาลุกวาว
ครั้งนี้เป็นตั๋วเงินมูลค่าใบละหนึ่งพัน หลานเยาเยากลืนน้ำลายด้วยความอยากได้ เมื่อตัดสินใจได้จึงหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า:
“สามเดือนละกัน! สามเดือนเป็นเวลาที่สุดขีดความสามารถแล้ว ท่านก็รู้ว่าอาการป่วยขององค์หญิงเป็นมานานกว่าสามปี……”
“หลังจากหายดีแล้ว ก็ยังมีของรางวัลรออยู่อีกมากมาย!” พูดพลาง เสียงของเย่แจ๋หยิ่งก็เริ่มฟังดูเย็นชาขึ้น “แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นล่ะก็ เจ้าจะได้กอดเงินกระดาษลงไปหายมบาลแน่”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
ยังไงซะก็ยังช่วยนำพาความหนาวเหน็บในห้องไปด้วย
จุ๊ๆ!
ช่างชั่วร้ายจริงๆ
จริงๆแล้ว หลานเยาเยาก็ยังไม่แน่ใจนักสำหรับเวลาสามเดือน แต่เป็นเพราะนาง เห็นยาและอุปกรณ์ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ที่จะต้องอัปเกรดก่อนจึงจะสามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมดแล้ว
นั่นจึงจะถือว่าสมบูรณ์และอยู่ในขั้นสูง!
เพียงอัปเกรดขึ้นอีกสามขั้น นางก็จะสามารถรักษาองค์หญิงจาวหยางได้อย่างสมบูรณ์
ถึงตอนนี้ จื่อซีซึ่งตกใจจนแข็งเป็นหิน เพิ่งจะเริ่มกลับมามีความรู้สึกนึกคิด เขาไม่รู้แล้วว่าตอนนี้สีหน้าของตัวเองเป็นเช่นไร ทำได้เพียงยกนิ้วโป้งชื่นชมนาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะจากไปว่า:
“หากต้องการความช่วยเหลือให้รีบบอกทันที จวนอ๋องเย่จะช่วยอย่างสุดความสามารถ”
เมื่อจื่อซีเดินจากไป ก็มีสาวใช้เดินเข้ามาสองสามคน