หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 74 เกรงว่าโลกจะไม่โกลาหล (1)
มู่ชิงอีเหลือบมองเขาอย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวว่า ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านเฝิง พวกเราควรไปเดี๋ยวนี้
เฝิงจื่อสุ่ยพยักหน้าด้วยความเคารพและพูดว่า คุณหนูวางใจเถิด ข้าจะจัดการเรื่องที่นี่เป็นอย่างดี ตอนนี้คุณหนู…
มู่ชิงอีเหยียดริมฝีปากยิ้มบางๆ งานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ โอกาสที่หายากเช่นนี้จะไม่เข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานใหญ่ได้อย่างไร
ตอนบนของแม่น้ำหยางหลิ่วนอกเมืองหลวงไร้ซึ่งความเงียบและความสงัดตามปกติวิสัย ฝูงชนคราคร่ำ เต็มไปด้วยเสียงฆ้องและกลองอึกทึก ผู้คนเข้าออกทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ ผู้คนในเมืองหลวงหลั่งไหลกันออกมา พ่อค้าแผงลอยต่างๆ ได้ตั้งแผงลอยขึ้นแล้ว นอกจากนี้ก็ยังสามารถพบการแสดงศิลปะต่างๆ ได้ทุกที่ริมทางทั้งยังมีคนที่ผ่านไปผ่านมาเข้าร่วมสนุกด้วย ในหมู่พวกเขาสิ่งที่เป็นจุดสนใจที่สุดคือบรรดาเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ที่ปกติจะไม่ค่อยได้พบเห็น ทว่าในวันนี้ดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่างทางชนชั้นไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ในชุดหรูหราและบรรดาสตรีสูงศักดิ์ที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับไข่มุกต่างก็เดินเตร็ดเตร่อยู่ในฝูงชนที่พลุกพล่านเหมือนคนธรรมดาในชุดทั่วไป นี่เป็นการร่วมงานที่คึกคักที่สุดในรอบปีของเมืองหลวง
บนผิวน้ำมีเรือขนาดใหญ่และขนาดเล็กหลายร้อยลำจอดอยู่ สิ่งที่ตระการตาที่สุดคือเรือมังกรสีเหลืองทองขนาดใหญ่ที่จอดอยู่กลางแม่น้ำ เรือมังกรงามสง่า หัวและหางมังกรขนาดมหึมาราวกับมังกรทองที่นอนอยู่ในแม่น้ำ นอกจากนี้ยังมีธงมังกรสีเหลืองอร่ามโบกสะบัดอยู่บนเรือมังกรนั้นด้วย องครักษ์ร่างใหญ่ชุดดำยืนตรงอย่างเคร่งขรึม นางในจากราชสำนักในชุดจีนจำนวนนับไม่ถ้วนพลุกพล่านไปมา ดูเหมือนดินแดนมหัศจรรย์ที่มิอาจเอื้อมในสายตาของคนทั่วไป ทุกๆ ปีพวกเขาจะได้มีโอกาสเห็นความยิ่งใหญ่และความสง่างามแค่งานนี้เท่านั้น
บนเรือมังกรขนาดใหญ่ ฮ่องเต้แคว้นหวาพามู่เฟยหลวนนั่งบนบัลลังก์หลักด้านบน แม้แต่ฮองเฮายังต้องถอยกลับไปนั่งที่ด้านล่างขวามือของฮ่องเต้แคว้นหวา ในบรรดาพระสนมยังมีพระมารดาผู้ให้กำเนิดมู่หรงอวี้และมู่หรงอานอยู่ด้วย แต่ที่นั่งตำแหน่งด้านล่างซ้ายของฮ่องเต้ซึ่งทุกคนสามารถสังเกตเห็นได้ในทันทีนั้น มู่เฟยหลวน โหรวเฟยแห่งจวนซู่เฉิงโหวเป็นผู้ได้สิทธิพิเศษนี้
ลดหลั่นลงมาคือราชทูตจากหลากหลายแคว้นตลอดจนบรรดาราชวงศ์ของฮ่องเต้แคว้นหวา ทางด้านขวามือคือองค์ชายสี่แห่งแคว้นเย่ว์ตวนอ๋องหรงเหยี่ยน องค์ชายเก้าหรงจิ่น องค์หญิงหกไหวหยาง ต่อจากนั้นก็เป็นเลี่ยอ๋องเกอซูฮั่นและหย่งจยาจวิ้นจู่แห่งแคว้นเป่ยฮั่น ถัดจากนั้นก็คือราชทูตจากแคว้นเล็กๆ
ที่นั่งทางด้านขวาคือองค์ชายและองค์หญิงทั้งหลายโดยเริ่มจากพระโอรสองค์โตฝูอ๋อง เนื่องจากไม่มีองค์รัชทายาท จึงมีการจัดลำดับอายุโดยยากที่จะบอกได้ว่าใกล้ชิดกันขนาดไหน สายตาของฮ่องเต้หยุดลงชั่วคราวระหว่างมู่หรงอวี้และองค์ชายเจ็ดมู่หรงจ้าว พระองค์ทรงขมวดคิ้วและตรัสถามว่า หนิงอ๋องอยู่ที่ใด
ขณะนั่งลงพระสนมจูอวิ๋นเฟยที่ลืมตัวเผลอเหลือบมองตำแหน่งของมู่หรงอานก็ขมวดคิ้วจากนั้นจึงมองไปที่มู่หรงอวี้ มู่หรงอวี้ดูนิ่งสงบ เขายืนขึ้นพร้อมพูดว่า กราบทูลเสด็จพ่อ น้องแปดมักจะทำเรื่องวุ่นวายไปทั่ว กระหม่อมคิดว่าคงมัวแต่ชักช้า โปรดประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ
ฮ่องเต้แคว้นหวาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตรัสว่า เขาอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ยังทำตัวเถลไถลอยู่อีก เขาไม่รู้หรือว่าวันนี้เป็นวันอะไร
จูอวิ๋นเฟยรีบลุกพรวดขึ้นแล้วกล่าวว่า หม่อมฉันไม่มีปัญญาสอนสั่งบุตร ขอฝ่าบาทโปรดลงทัณฑ์
ฮองเฮาที่นั่งอีกฝั่งขมวดคิ้วแล้วตรัสเบาๆ ว่า วันนี้วันงานฉลองใหญ่ ขอฝ่าบาททรงเมตตา สันนิษฐานว่าที่หนิงอ๋องมาล่าช้าคงมีเรื่องสำคัญ หรือไม่ก็ส่งคนไปตามตัวเขามาเพื่อไม่ให้พิธีการล่าช้าเถิดเพคะ ตระกูลเดิมของฮองเฮาคือตระกูลโจว แต่ตระกูลก็ค่อยๆ อ่อนแอลงและไม่มีอำนาจในราชสำนัก ในฐานะเป็นผู้สืบทอดทรงมีพระธิดาอายุเจ็ดปี โดยปกติพระนางไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องความขัดแย้งในราชสำนักมากนัก อย่างไรก็ตามพระนางไม่ใช่คนลำเอียงและเป็นที่เคารพนับถือจากฮ่องเต้แคว้นหวา เมื่อฮองเฮาพูดเช่นนั้นฮ่องเต้ก็ทรงหยุดสาวความราวเรื่องมู่หรงอาน แต่กลับมองไปที่มู่หรงอวี้แล้วตรัสว่า ยังไม่ส่งคนไปตามตัวมาอีก
มู่หรงอวี้แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะกล่าวด้วยความเคารพ ลูกรับพระบัญชา ขอบพระทัยเสด็จพ่อในความเมตตา
ในห้องโถง หรงเหยี่ยนเฝ้ามองบรรยากาศที่เย็นยะเยือกนี้พลางยิ้มแล้วกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะออกจากพิธี อย่าได้ทรงเป็นกังวลไป หนิงอ๋องย่อมตระหนักได้และคงจะไม่พลาดงานสำคัญนี้
แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่สบพระทัยนักแต่พระองค์ก็ไม่อาจทรงกริ้วต่อหน้าแขกเหรื่อได้ ดังนั้นพระองค์จึงทำได้เพียงหัวเราะออกมา เจ้าอานเป็นคนดื้อดึงมาตลอด เรามาสังสรรค์กันเถิด มา หนึ่งจอกด้วยความเคารพ ทุกคนยกแก้วขึ้นตอบรับฮ่องเต้แคว้นหวา แต่หรงจิ่นที่นั่งข้างหรงเหยี่ยนดูเหมือนจะไม่ได้ยิน เขาเอนหลังพิงเก้าอี้และหลับตาลงเพื่อพักผ่อน แม้ว่าผมสีดำสนิทจะปกปิดใบหน้าของเขาไว้ครึ่งหนึ่ง และใบหน้าที่เปิดเผยไว้ครึ่งหนึ่งนั้นดูเหมือนจะหลับสนิทไปแล้วแต่ก็ยังคงทำให้หัวใจขององค์หญิงอีกหลายพระองค์แอบเต้นระรัวอยู่ไม่น้อย
ว่ากันว่าองค์ชายเก้าแคว้นเย่ว์เป็นที่รู้จักในฐานะชายหนุ่มรูปงามในแคว้นเย่ว์ ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างหน้าตาของเขา ความเฉื่อยชาที่มีเสน่ห์ที่รั่วไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ทำให้ผู้คนไม่สามารถระงับอาการหัวใจเต้นรัวได้เลย ท่าทางที่สง่างามเช่นนี้เกรงว่าจะมีเพียงคุณชายซิ่วถิงซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะชายที่รูปงามที่สุดในเมืองหลวงเท่านั้นที่สามารถเทียบได้ เพียงแต่คุณชายซิ่วถิงนั้นเป็นดั่งหยกงามที่ผู้คนได้แต่ชื่นชมแต่ไม่กล้าคิดอะไรล่วงเกินเลยไปกว่านั้น ขณะที่เมื่อได้มององค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์ก็อดที่จะลุ่มหลงไม่ได้ จนหัวใจเต้นระส่ำระส่ายไม่เป็นจังหวะ
นี่องค์ชายเก้า? สายตาของฮ่องเต้หรี่ลง แม้ว่าใบหน้าจะยังคงสงบนิ่งแต่แววตาของพระองค์ดุดันอยู่ไม่น้อย หากดำรงตำแหน่งฮ่องเต้มาเป็นเวลานานก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีจิตใจผยองซึ่งไม่สามารถทนต่อการไม่เคารพเชื่อฟังของผู้อื่นได้ แม้ว่าหรงจิ่นจะมาเป็นแขกแต่แขกที่ไม่มองหน้าเจ้าภาพเช่นนี้ก็ทำให้ฮ่องเต้ไม่สบพระทัยเอาเสียเลย
สีหน้าของหรงเหยี่ยนและองค์หญิงไหวหยางก็ดูไม่ดีเช่นกัน หรงเหยี่ยนเหยียดยิ้มออกมาแล้วอธิบายว่า น้องเก้าวุฒิภาวะยังน้อย อีกทั้งยังดื่มไม่เป็น โปรดอภัยโทษให้เขาด้วย เขาอธิบายเหตุผลว่าเหตุใดหรงจิ่นจึงไม่ดื่ม แต่ก็อธิบายไม่ถูกว่าทำไมในเวลานี้หรงจิ่นถึงได้หลับตาเพื่อพักผ่อนเช่นนี้ หากพูดว่าหรงจิ่นเหนื่อยล้าก็ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ตามคำอธิบายที่ไม่น่าเชื่อก็ยังดีกว่าไม่มีคำอธิบาย ฮ่องเต้แคว้นหวาได้แต่มองไปที่หรงจิ่นโดยที่ไม่สามารถทำสิ่งใดได้
ท้ายที่สุดฮ่องเต้ก็ยิ้มอย่างเฉยเมย อย่างนั้นหรือ เป็นเราที่สะเพร่าเอง ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้องค์ชายเก้าพักผ่อนเถิด อีกเดี๋ยวค่อยมาร่วมพิธีในภายหลัง
เชิญฝ่าบาท ทุกคนเอ่ยพร้อมลุกขึ้น
หลังจากดื่มเสร็จทุกคนก็นั่งลง เกอซูฮั่นมุ่งความสนใจมองไปที่หรงจิ่นที่หลับตาพริ้มและสงบนิ่งอยู่ไม่ไกล ทักษะศิลปะการต่อสู้ของเขานั้นแข็งแกร่งมาก เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าองค์ชายเก้านั้นอ่อนแอปวกเปียกขี้โรคจริงอย่างที่ผู้คนภายนอกได้กล่าวไว้ ทว่ายามนี้ลมหายใจขององค์ชายก็ยังทรงตัวดีซึ่งห่างไกลจากจุดที่เขาต้องหยาบคายในโอกาสดังกล่าวนี้ เช่นนั้นในกรณีนี้แสดงว่าหรงจิ่นจงใจประพฤติตัวเช่นนี้
เกอซูฮั่นมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับผู้คนและสิ่งของแปลกๆ เป็นปกติวิสัยและก็อยากรู้เกี่ยวกับองค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์ซึ่งไม่มีข้อมูลใดๆ ยกเว้นเรื่องรูปลักษณ์ที่อ่อนแอและขี้โรค จากสัญชาตญาณที่มีมาแต่ต้นกำเนิดจากแคว้นเป่ยฮั่นที่แข็งแกร่ง ดูจากภายนอกแล้วเขารู้สึกว่าองค์ชายเก้าไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด
พี่สิบเอ็ด ท่านกำลังดูอะไรอยู่ หย่งจยาจวิ้นจู่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถามอย่างสงสัย เกอซูฮั่นชี้ไปยังหรงจิ่นซึ่งอยู่ไม่ไกล หย่งจยาจวิ้นจู่เอียงศีรษะและมองตาม ในขณะนั้นเองหัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้น
หย่งจยาจวิ้นจู่อยู่ในความงุนงงสักพักหนึ่ง ไม่ใช่ว่านางไม่เคยเห็นชายรูปงามมาก่อน ทว่าเรียกได้ว่าองค์ชายของฮ่องเต้แคว้นหวาและคณะทูตจากแคว้นต่างๆ ที่อยู่บนเรือมังกรในเวลานี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่โดดเด่น แม้ว่าพวกเขาจะดูด้อยกว่าหรงจิ่นเล็กน้อยก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังเป็นชายที่หล่อเหลาเอาการ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง หย่งจยาจวิ้นจู่ไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าของชายที่ดูเหมือนจะหลับใหลอยู่ในขณะนี้ได้เลย อันที่จริงรูปลักษณ์ของหรงจิ่นไม่ใช่ในแบบที่หย่งจยาจวิ้นจู่ชื่นชอบ สตรีเป่ยฮั่นนั้นมีความเปิดเผยกว่าแคว้นหวา หย่งจยาจวิ้นจู่มักคิดว่ารูปแบบที่นางชอบคือชายร่างสูงโปร่งเหมือนพี่สิบเอ็ดซึ่งเป็นบุรุษที่มีความเป็นชาย ในทางตรงกันข้าม องค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์นั้นดูงดงามและผอมเกินไป ทว่าใบหน้านั่น…หย่งจยาจวิ้นจู่สัมผัสใบหน้าที่งดงามของตัวเองและได้แต่สงสัยว่าแม้แต่ใบหน้าของตนก็ยังไม่งดงามเท่าเขากระมัง
ตอนต่อไป