หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 486 การตายของมู่หรงอวี้(2)
ผู้ที่นั่งอยู่ข้างบนเป็นขุนนางระดับหนึ่ง ผู้ที่นั่งอยู่สองแถวด้านล่างเป็นองค์ชายกับขุนนางคนสำคัญในราชสำนัก แม้ว่าจะเป็นใต้เท้าเจ้ากรมอาญาในราชสำนักมาหลายปีแต่ก็อดตัวสั่นไม่ได้ แอบไตร่ตรองในใจอย่างเงียบๆ ว่าจะสอบสวนอย่างไรจึงจะไม่ทำให้ใครขุ่นเคือง หากเทียบกันแล้ว มู่ชิงอีกับหนานกงอี้นั้นดูสงบกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ได้เวลาแล้ว ใต้เท้าเจ้ากรมอาญา ขอเชิญท่านเริ่มได้เลย” มู่ชิงอีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เจ้ากรมอาญาเหลือบมองบรรดาองค์ชายด้านล่างที่กำลังจ้องมองมาด้วยสายตาดุดันราวกับเสือก็ไม่ปาน ลูบหน้าผากแล้วยิ้มเอ่ย “เชิญใต้เท้ากู้เถิด”
มู่ชิงอียิ้มเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะเสียมารยาทได้อย่างไร เชิญใต้เท้าเจ้ากรมอาญาก่อนเถิด” ใต้เท้าเจ้ากรมอาญาแอบปาดเหงื่อในใจ ข้าไม่ว่าอะไรเลยหากเจ้าจะเสียมารยาท “เช่นนั้น…เชิญใต้เท้าหนานกงก่อนเถิด”
หนานกงอี้แค่นเสียงแล้วยกมือขึ้นหยิบค้อนผู้พิพากษาทุบโต๊ะ “เบิกตัวผู้ต้องสงสัย”
ผ่านไปไม่นาน เจ้าหน้าที่ที่ว่าการเฟิ่งเทียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษที่สวมเสื้อผ้าขาดรุ่ย ไม่ต้องสงสัย บุรุษผู้นี้ก็คือคนในจวนอานซุ่นจวิ้นอ๋อง รับสารภาพว่าวางยาพิษจวงอ๋องตามคำสั่งของมู่หรงอวี้
คนที่ออกมาหลังจากนั้นคือมู่หรงอวี้ เมื่อเทียบกับคนที่ตกอยู่ในมือของหนานกงอี้ ก็เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอวี้โชคดีกว่าเล็กน้อย อย่างน้อยเสื้อผ้าก็ยังเรียบร้อย ดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าถูกทรมาน หนานกงอี้จ้องไปที่มู่หรงอวี้พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “มู่หรงอวี้ บ่าวรับใช้ในจวนของเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนออกคำสั่งวางยาพิษจวงอ๋อง เป็นเรื่องจริงหรือไม่”
มู่หรงอวี้มองไปยังบรรดาองค์ชายที่นั่งอยู่ในชั้นศาล ปรากฏว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของหรงเหยี่ยน ในใจพลันมืดมน ก้มหน้ารับคำ “ใช่”
ปัง! หนานกงอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “บังอาจยิ่งนัก รู้หรือไม่ว่าการปลงพระชนม์องค์ชายมีโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร”
มู่หรงอวี้พยักหน้ารับคำ “รู้”
“แล้วเหตุใดจึงทำร้ายจวงอ๋อง เจ้ามีความแค้นกับจวงอ๋องอย่างนั้นหรือ” หนานกงอี้เอ่ยถาม
มู่หรงอวี้ส่ายหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “ตวนอ๋องเป็นคนสั่งให้ข้าทำเช่นนี้”
“เจ้าพูดจาเหลวไหล” หรงซิงองค์ชายสิบลุกขึ้นพลางชี้ไปยังมู่หรงอวี้แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “พี่สี่กับพี่สองเป็นพี่น้องกัน จะทำร้ายเขาได้อย่างไร ใส่ร้ายองค์ชายมีโทษประหารชีวิตเช่นกัน!”
หนานกงอี้มุ่นคิ้วเอ่ย “องค์ชายสิบ จะใส่ร้ายหรือไม่อีกสักครู่ก็จะได้รู้แล้ว ที่นี่คือชั้นศาล ขอให้องค์ชายสิบโปรดอยู่ในความสงบด้วย”
มู่หรงอวี้เหลือบมองหรงซิง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้ามีจดหมายลับที่ติดต่อกับตวนอ๋อง”
หนานกงอี้พยักหน้า “เบิกหลักฐาน”
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างล่างยกกล่องจดหมายขึ้นมา หนานกงอี้กับมู่ชิงอีเชิญให้เจ้ากรมอาญาดูด้วยกัน เจ้ากรมอาญามุ่นคิ้วเอ่ย “นี่…แม้ว่าจะพิสูจน์ได้ว่าอานซุ่นจวิ้นอ๋องกับตวนอ๋องมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกันจริงๆ แต่ดูเหมือนจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าตวนอ๋องสั่งให้เขาวางยาพิษ”
มู่ชิงอีก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เชิญตวนอ๋องมาให้ปากคำดีหรือไม่”
อีกสองคนที่เหลือเห็นด้วย
“ตวนอ๋องเสด็จ!” หรงเหยี่ยนถูกกล่าวหาว่าวางยาพิษหรงเซวียนในทันที แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแต่หรงเหยี่ยนในฐานะผู้ต้องสงสัยไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดี ทำได้เพียงรอที่ห้องโถงรอง
หรงเหยี่ยนก้าวเข้ามาในชั้นศาลอย่างสงบนิ่ง เหลือบมองทั้งสามคนที่อยู่บนชั้นศาลกับมู่หรงอวี้ที่อยู่ตรงกลางห้อง หนานกงอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “ใต้เท้ากู้ ที่เหลือให้ท่านเป็นคนถามเถิด” แม้ว่าหนานกงอี้ก็เป็นหัวหน้าผู้พิพากษา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของหรงเซวียนด้วย ดังนั้นย่อมต้องหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย
มู่ชิงอีไม่ได้สนใจ พยักหน้าเอ่ย “ตวนอ๋อง มู่หรงอวี้ให้การว่าท่านออกคำสั่งให้เขาทำร้ายจวงอ๋อง ท่านยอมรับข้อกล่าวหาหรือไม่”
ท่าทีของหรงเหยี่ยนสงบนิ่งเป็นอย่างมาก เอ่ยเสียงเรียบ “แน่นอนว่าข้าไม่ยอมรับ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพี่สองจะไม่ดีนัก แต่ก็เป็นพี่น้องกัน ข้าจะวางยาพิษพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองได้เช่นใด”
มู่ชิงอีหยิบจดหมายบนโต๊ะแล้วเอ่ยถาม “ท่านจะอธิบายเรื่องจดหมายเหล่านี้อย่างไร”
หรงเหยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง ก้มหน้าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบ “ตอนนั้นมู่หรงอวี้มาแคว้นเย่ว์กับข้า มิตรภาพของข้ากับเขาย่อมดีกว่าคนทั่วไป หากมีจดหมายติดต่อกันเป็นครั้งคราวจะแปลกตรงไหน” ความจำของหรงเหยี่ยนก็ไม่ได้แย่ เขานึกขึ้นได้อย่างรวดเร็วว่าถึงแม้จะมีสิ่งผิดปกติในจดหมายอยู่บ้าง แต่ก็เทียบไม่ได้กับโทษฐานวางยาพิษจวงอ๋อง
ดูเหมือนว่ามู่ชิงอีไม่ได้มีเจตนาจะสืบสาวราวเรื่องสิ่งนี้ เพียงแต่เอ่ยเสียงเรียบ “เช่นนี้หมายความว่าตวนอ๋องยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมู่หรงอวี้” หรงเหยี่ยนตอบอย่างระมัดระวัง “ก็นับว่าเป็นเช่นนั้น” เขาเคยเห็นความเก่งกาจของกู้หลิวอวิ๋นมาแล้ว ย่อมต้องระมัดระวังในการพูด
มู่ชิงอียกยิ้มเอ่ย “ในเมื่อความสัมพันธ์ของตวนอ๋องกับมู่หรงอวี้ไม่ได้แย่ เหตุใดเขาจึงบอกว่าท่านเป็นคนสั่งการ แต่กลับไม่บอกว่าเป็นคนอื่น อย่างเช่นสวินอ๋องหรืออวี้อ๋อง”
หรงเหยี่ยนเบิกตากว้าง ก้มหน้าเอ่ย “ข้าจะรู้ได้อย่างไร บางที…เขาอาจเก่งในการทรยศเพื่อน อย่าลืมว่า…ตระกูลกู้ในแคว้นหวาก็ถูกทำลายลงเพราะเขาไม่ใช่หรือ”
“ตระกูลกู้ล้มลง ตั้งแต่นั้นมากงอ๋องก็อยู่แถวหน้าในราชสำนักมาตลอด ตอนนี้…หากตวนอ๋องล้มลง อานซุ่นจวิ้นอ๋องจะได้ประโยชน์อะไร” มู่ชิงอีถามอย่างใจเย็น
หรงเหยี่ยนหลับตา “ดูเหมือนว่าเจ้าควรจะไปถามอานซุ่นจวิ้นอ๋องเอง” พูดจบก็หันหลัง เห็นได้ชัดว่าปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ เพิ่มเติม
มู่ชิงอียักไหล่ เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ตวนอ๋อง เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ว่าการเฟิ่งเทียนของกระหม่อมได้รับจดหมายฟ้องร้องจวงอ๋องกับขุนนางที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเขาเกือบสี่สิบถึงห้าสิบฉบับ มีคนบอกว่าท่านสั่งการอยู่เบื้องหลัง ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่”
หรงเหยี่ยนลืมตาขึ้น เอ่ยเสียงกร้าว “กู้หลิวอวิ๋น เจ้าอย่ากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน!”
มู่ชิงอีไม่ได้โต้เถียง ถามต่อไปว่า “วันรุ่งขึ้น ที่ว่าการก็ได้รับจดหมายฟ้องร้องจวนตวนอ๋องอีกหลายสิบฉบับ ว่ากันว่าจวนจวงอ๋องเป็นคนสั่งการ ตวนอ๋องคิดว่าใช่หรือไม่”
“ข้าไม่รู้ นี่เป็นเรื่องของที่ว่าการเฟิ่งเทียนไม่ใช่หรือ ตอนนี้ใต้เท้าเหล่านั้นก็ยังถูกใต้เท้ากู้ขังไว้ในที่ว่าการเฟิ่งเทียน หรือว่าใต้เท้ากู้ยังตรวจสอบไม่ได้อีก” หรงเหยี่ยนเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
มู่ชิงอีถามต่ออย่างใจเย็น “ก็ยังไม่ได้ตรวจสอบออกมาได้ทั้งหมด แต่ว่าก็มีเรื่องบางอย่างที่เล็ดรอดออกมา ตวนอ๋องต้องการฟังหรือไม่”
ลางสังหรณ์ร้ายพลันปรากฏขึ้นในใจหรงเหยี่ยน กำลังคิดที่จะปฏิเสธ ก็ได้ยินหรงจังที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงเรียบว่า “แม้ว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับคดีนี้ แต่หากผู้พิพากษาทั้งสามท่านรู้สึกว่าสามารถพิสูจน์อะไรได้ จะฟังสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรกระมัง”
แน่นอนว่าหนานกงอี้เห็นด้วย เดิมทีเป็นมู่ชิงอีที่พูดขึ้นมา ย่อมไม่มีปัญหาอะไร แต่เจ้ากรมอาญากลับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เบือนหน้าหลบสายตาคมกริบของหรงซิงก่อนจะกล่าวว่า “ข้า…ไม่มีความเห็น”
มู่ชิงอีหันกลับไปรับม้วนเอกสารจากปู้อวี้ถังที่อยู่ด้านหลังด้วยรอยยิ้ม เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าตรวจสอบคดีที่หนานกงอวี้ตระกูลหนานกงปล่อยม้าทำร้ายคนเมื่อสองปีก่อน แม้ว่าจะเป็นความจริง แต่ต่อมาตระกูลหนานกงได้ชดเชยให้แก่ผู้บาดเจ็บหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้อาการบาดเจ็บก็หายเป็นปกติหลังจากผ่านไปสองเดือน แต่ไม่นานมานี้เขากลับเสียชีวิตอย่างไร้เหตุผล คดีหลานสาวสกุลเดิมของพระสนมตวนอ๋องทำร้ายคนจนเสียชีวิตนั้นเป็นเรื่องจริง อ้อ…ผู้ตายดูเหมือนจะเป็นคนที่ถูกม้าของคุณชายหนานกงเตะเมื่อสองปีก่อน คดีซื่อจื่อจวนตวนอ๋องรับสินบนนั้นก็เป็นเรื่องจริง คดีใต้เท้าหลี่ฉุดสตรี จากการสืบสวน…สตรีผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นสตรีที่ใต้เท้าหลี่ซื้อตัวมาจากหอนางโลมแล้วแอบหนีไป แน่นอนว่า…ในฐานะที่เป็นขุนนางแต่กลับมัวเมาหลงใหลในหอนางโลม ย่อมมีความผิด…”