หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 470 ฮองเฮาถูกปลดตำแหน่ง แบกรับความรู้สึกผิด (1)
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ด้านนอกมีเสียงร้อนใจของขันทีดังแว่วมา
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ผงะไป ตรัสเสียงเย็นชา “ว่ามา!”
ขันทีน้อยที่อยู่ด้านนอกพระตำหนักคุกเข่าลงพื้น เอ่ยเสียงสั่นเครือ “ฮองเฮา…ฮองเฮาจะฆ่าเต๋อเฟยพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ” ทุกคนต่างตื่นตกใจ กระทั่งหรงเซวียนที่เผยสีหน้าเคร่งขรึมในเดิมทีก็ยังสีหน้าเปลี่ยน ขันทีน้อยกล่าว “ฮองเฮา…ได้ยินว่าจวงอ๋องเป็นคนฆ่าองค์รัชทายาทเต้ากง พระองค์ตรัสว่าจะฆ่าเต๋อเฟยเพื่อเป็นการแก้แค้นให้องค์รัชทายาทเต้ากง เหล่านางในของเต๋อเฟย...มิกล้าขัดขวางฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
“เสด็จพ่อ ลูกขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ไม่รอให้ขันทีพูดจบ หรงเซวียนก็เอ่ยเสียงขรึม อีกทั้งไม่รอให้ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ทรงอนุญาตก็หมุนตัวเดินพุ่งออกพระตำหนักไปทางวังหลังก่อนแล้ว
ตอนนี้หนานกงเจวี๋ยกับหนานกงอี้จะมีเวลามาสนใจอัครเสนาบดีโจวกับหรงไหวใยอีก สิ่งที่ทำได้พวกเขาก็ทำไปหมดแล้ว ส่วนจะจัดการเช่นใดก็เป็นเรื่องของฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ หนานกงเจวี๋ยเอ่ยตามขึ้นว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมขอ…” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์โบกมือตรัสว่า “ไปเถิด”
หนานกงเจวี๋ยและหนานกงอี้รีบเดินออกพระตำหนักไป
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์จับจ้องหรงไหวและอัครเสนาบดีโจวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นจากมุมสูง สีหน้าของพวกเขาสองคนซีดขาว ฮองเฮาจะฆ่าเต๋อเฟย ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ฮองเฮาก็ทำไม่เหมาะสม เกรงว่ากระทั่งไพ่ไม้ตายสุดท้ายที่จะช่วยทำให้พวกเขากลับมาผงาดได้ก็พังไม่เป็นท่า
“ฮองเฮาจะฆ่าเต๋อเฟยหรือ” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เลิกคิ้วตรัสเสียงเรียบ “นางก็ช่างเลือกเวลาได้ดีจริงๆ” ผู้หญิงโง่ๆ เช่นนั้น เกรงว่าต่อให้ถูกหลอกใช้งานก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำประกายความเย้ยหยันไม่พอใจพาดผ่านดวงตาของฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ สตรีวังหลังเหล่านั้นใครจะฆ่าใคร ใครอยากฆ่าใครเขาไม่สนใจทั้งนั้น ตายกันไปให้หมดสิดี เพียงแต่…เขาหลุบตาลงกวาดมองเหล่าองค์ชายตรงหน้าแวบหนึ่ง ลูกๆ ต่างฝีมือร้ายกาจกันทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือใครกันแน่
“พวกเจ้าคิดเห็นกับเรื่องนี้เช่นไร” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เอ่ยเสียงเรียบ
ทุกคนต่างสบตากัน นอกจากหรงเซวียนคนที่อายุมากที่สุดก็คือหรงเหยี่ยน เขาเลยเปิดปากพูดขึ้นก่อนว่า “แต่ไหนแต่ไรมาฮองเฮาเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาน่านับถือ เกรงว่าคงมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่างแน่นอน เสด็จพ่อทรงตรวจสอบให้กระจ่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์มองเขาด้วยท่าทีสงบตรัสขึ้นว่า “หากจวงอ๋องไปถึงช้าแล้วเต๋อเฟยตายขึ้นมาจะทำเช่นใด”
“คือว่า…” ครั้นเห็นสายตาเย็นยะเยือกของฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เขาก็สะดุ้งวาบในใจ หรงเหยี่ยนรีบก้มหน้าเอ่ยเสียงเบา “เป็นลูกไม่ควรวิจารณ์ความผิดพลาดของพ่อแม่ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เสด็จพ่อตัดสินเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์พยักหน้ากล่าวเอ่ยเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เจ้าช่างกตัญญูนัก”
หรงเหยี่ยนเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าคำพูดของฮอ่งเต้แคว้นเย่ว์หมายความว่าอย่างไร เวลานี้ไม่กล้าคิดอะไรไปไกล เพียงแค่ทำท่านอบน้อมเท่านั้น
“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าคิดเห็นอย่างไร” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์มองหรงจิ่นที่นั่งพิงพนักเก้าอี้หลับตาอยู่อีกฝั่ง หรงจิ่นสุขภาพไม่ดี สีหน้าจึงดูอ่อนแรงกว่าองค์ชายคนอื่นๆ ท่าทีสะลึมสะลือพิงพนักเก้าอี้เหมือนว่าเพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วยเช่นนั้นชวนให้รู้สึกอดตำหนิไม่ได้จริงๆ
หรงจิ่นเปิดเปลือกตาช้าๆ กล่าว “ลูกมิทราบ”
“มิทราบหรือ” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เลิกคิ้ว
หรงจิ่นเอ่ยเสียงเนิ่บนาบ “ลูกมิทราบว่าเหตุใดฮองเฮาถึงอยากฆ่าเต๋อเฟย และมิทราบว่าเวลานี้เต๋อเฟยจะตายหรือยัง เสด็จพ่ออยากให้ลูกพูดอะไรหรือ”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์จ้องเขาอยู่นาน ทันใดนั้นก็ตรัสเสียงกลั้วหัวเราะว่า “จิ่นเอ๋อร์พูดไม่ผิดเลยจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไปดูก่อนดีกว่าว่าเต๋อเฟยเป็นเช่นใดบ้าง” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เหลือบมองหรงไหวและอัครเสนาบดีโจวที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นแวบหนึ่งแล้วตรัสว่า “พวกเจ้าก็ไปดูพร้อมเราด้วยเลย”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์จับแขนของเจี่ยงปินประคองตัวลุกขึ้นหมุนตัวเดินไปทางด้านหลังพระตำหนัก ครั้นเห็นท่าทีของเขาเช่นนั้น เหล่าองค์ชายที่อยู่ในนั้นต่างก็อดสะท้านวาบในใจไม่ได้ ถึงอย่างไร…เต๋อเฟยกับฮองเฮาก็อยู่เคียงข้างเสด็จพ่อมาสี่สิบกว่าปี คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะไร้ความปรานีขนาดนี้
ยามไปถึงพระตำหนักหนานกงเสียนหรือเต๋อเฟย ทั้งนอกและในพระตำหนักก็ตกอยู่ในความโกลาหลแล้ว ทุกคนที่เดินตามฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เข้ามาต่างเห็นเหตุการณ์วุ่นวายในพระตำหนักทั้งสิ้น
เต๋อเฟยเอนกายนอนอยู่บนเตียง เป็นตายเช่นใดมิอาจทราบได้ แต่ดูจากสีหน้าของหรงเซวียนและหนานกงเจวี๋ยแล้วเกรงว่าอาการจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ส่วนฮองเฮานั่งด้วยท่าทีเย่อหยิ่งอยู่อีกฝั่ง ถึงแม้เสื้อผ้าจะยับยู่ยี่ แต่นางก็ยังคงรักษาความผยองและเกียรติยศของมารดาแห่งแผ่นดินได้เหมือนเดิม ทว่าพอเห็นฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เสด็จมา สีหน้าของนางถึงเปลี่ยนไป
“เสด็จพ่อ…” ครั้นเห็นฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เดินเข้ามา หรงเซวียนก็ปิดเปลือกตาก่อนจะเดินเข้ามาทำความเคารพด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เวลานี้บุรุษวัยกลางคนอายุมากกว่าสี่สิบปีก็อดดวงตาแดงก่ำไม่ได้ “เสด็จพ่อ เสด็จแม่…”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ก่อนมองไปทางหนานกงเจวี๋ย หนานกงเจวี๋ยปิดเปลือกตาเอ่ยด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมมาช้าไปก้าวหนึ่ง เต๋อเฟย...”
“ตายแล้ว!” หนานกงเจวี๋ยยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ เสียงแหลมสูงของฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างก็ดังขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปทางหนานกงเสียนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ฮองเฮาเองก็อายุล่วงเลยมาจนหกสิบชันษาแล้ว เมื่อก่อนนางดูแลตัวเองเป็นอย่างดีจนเหมือนสาวอายุสี่สิบห้าสิบชันษา ทว่าบัดนี้เพิ่งผ่านไปไม่ได้กี่เดือนกลับมีผมหงอกขาวโพลนเต็มไปหมด ราวกับสาวชราวัยเจ็ดสิบชันษาซึ่งดูแก่กว่าฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เสียอีก
เวลานี้สายตาของนางไม่ได้ดูโกรธแค้นและหวาดเกรงฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ดั่งเช่นเคย เพียงแต่มองทุกคนพลางหัวเราะเสียงดังแฝงไปด้วยความบ้าคลั่งเท่านั้น “นังแพศยานี่ตายแล้ว! ลูกชายของข้าตายแล้ว ข้าทำให้นังแพศยานี่ลงหลุมฝังศพไปพร้อมกันด้วยเลย! หรงเซวียนฆ่าลูกชายของข้า การตายของหนานกงเสียนนังแพศยานี่ก็ถือว่าเป็นกรรมตามสนองของเจ้าแล้วกัน! ตายก็ดี…ฮ่าๆ”
“ข้าไม่ได้ฆ่าหรงหวง!” หรงเซวียนมองฮองเฮาที่บ้าคลั่งด้วยความเกลียดชังพร้อมเอ่ยเสียงแข็งกร้าว “แต่…ฮองเฮาฆ่าเสด็จแม่ของกระหม่อมเป็นความจริงที่ทุกคนต่างเห็นกับตา!” ความแค้นที่ฆ่าแม่ของเขาเป็นแค้นที่ฝังลึก เวลานี้หรงเซวียนไม่อยากเรียกฮองเฮาว่าเป็นเสด็จแม่อีกคนอีกต่อไป ทุกคนในที่นั้นก็ไม่มีใครเก็บคำเรียกของเขามาคิดเล็กคิดน้อยเลยสักคน
“เจ้าบังอาจไม่ยอมรับอย่างนั้นหรือ!” ฮองเฮากระโจนเข้ามาหมายจะฟาดหน้าของหรงเซวียน แต่แน่นอนย่อมถูกหนานกงอี้ที่อยู่อีกฝั่งสกัดไว้ก่อน ฮองเฮากรีดร้องเสียงสูง “หรงเซวียน เจ้าต่ำช้านัก! เจ้าฆ่าลูกชายของข้า ข้าทำได้แค่เก็บความแค้นที่ไม่สามารถฆ่าเจ้าเพื่อแก้แค้นแทนลูกชายข้าได้ไว้เท่านั้น! เจ้าไปตายเสียเถิด”
“พอได้แล้ว พาตัวพวกเขามา!” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์มองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาแล้วเดินไปนั่งลงตรงที่นั่งอีกฝั่ง
ไม่นานหรงไหวและอัครเสนาบดีโจวก็ถูกพาตัวมา ครั้นเห็นน้องชายกับหลานชาย ในที่สุดฮองเฮาก็สงบลงบ้าง นางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ไหวเอ๋อร์ เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ยิ้มเยาะแล้วตรัสว่า “พวกเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรน่ะหรือ ฉินอ๋องและโจวเหวินปินใส่ความว่าจวงอ๋องลอบทำร้ายองค์รัชทายาทเต้ากง ส่วนเจ้าก็ฆ่าพระสนมในพระตำหนักนี่ ช่างใจกล้ากันนัก!”
“ใส่ความ?” ฮองเฮาชะงักไปแล้วเอ่ยเสียงแหลมสูง “ไม่ใช่การใส่ความ! หรงเซวียนเป็นคนฆ่าลูกชายของหม่อมฉัน เขานั่นแหละ!”
“หลักฐานเล่า เจ้ามีหลักฐานใดบ้าง ฉินอ๋องเป็นฝ่ายลักพาตัวครอบครัวขององครักษ์จวนจวงอ๋องไปข่มขู่ให้เขามาเป็นพยานต่างหาก” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ยิ้มเย้ยตรัสขึ้น
“อะ…อะไรนะ” ฮองเฮาสีหน้าซีดขาว ดวงตาที่เคยสับสนบ้าคลั่งในเดิมทีก็ค่อยๆ สงบลงเล็กน้อย “ไม่…ไม่ใช่…ฝ่าบาททรงตรวจสอบให้กระจ่างด้วยเพคะ”