หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 279 เนี่ยอวิ๋นอ่อนข้อให้ ออกจากเมืองหลวง (2)
มู่หรงซีผลักตัวกู้ซิ่วถิงออกไปทางด้านหลังแล้วรับดาบยาวที่พุ่งเข้ามาจู่โจมของรองหัวหน้าองครักษ์หวังเอาไว้ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ปะทะฝีดาบกันไปมาบนช่องเขาแห่งนั้น
จ้าวจื้ออวี้ที่ชมอยู่ด้านข้างมองพวกเขาที่กำลังปะทะกันอยู่แวบหนึ่ง ฉับพลันก็ขมวดคิ้วมุ่นแล้วกระโดดขึ้นฟ้าข้ามมู่หรงซีและรองหัวหน้าองครักษ์หวังที่กำลังต่อสู้กันอยู่ไปยังทิศทางของกู้ซิ่วถิง
“ซิ่วถิง!” มู่หรงซีใจหายวาบแล้วดันดาบของรองหัวหน้าองครักษ์หวังออกในคราวเดียว จากนั้นก็หมุนตัวพุ่งเข้าไปโจมตีจ้าวจื่ออวี้
“จะไปไหน!” รองหัวหน้าองครักษ์หวังสบโอกาสแล้วจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ได้เช่นไรจึงรีบลอยตัวไปข้างหน้าแล้วฟาดดาบซ้ำอีกครั้ง มู่หรงซีมัวแต่ร้อนใจเรื่องความปลอดภัยของกู้ซิ่วถิงจึงไม่ได้สนใจดาบยาวที่ไล่ตามมาด้านหลัง ขณะที่ดาบกำลังจะแทงหลังเขาก็ได้ยินเสียง สวบ! มีแรงลมผ่าเข้ามากลางอากาศจนทำให้ปลายดาบของรองหัวหน้าองครักษ์หวังเบี้ยวแฉลบผ่านหัวไหล่ของมู่หรงซีไปแทน ทำเอารองหัวหน้าองครักษ์หวังตกใจ จากนั้นก็รีบถอยไปอยู่ข้างกายเนี่ยอวิ๋นแล้วมองไปรอบทิศอย่างระหวาดระแวง “ใครกัน!”
เนี่ยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองจุดที่อาวุธลับโผล่มา บนช่วงเขาเหนือพวกเขาขึ้นไปมีเงาสองคนกำลังยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่สวมชุดสีเทาพร้อมกุมดาบยาวในมือ ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มน้อยชุดขาวร่างบางอ้อนแอ้นความสูงไม่ถึงบ่าบุรุษผู้นั้นเลยด้วยซ้ำ ครั้นเห็นผู้มาเยือน เนี่ยอวิ๋นก็เงียบกริบไม่พูดอะไร
“จังชิงหรือ” จ้าวจื่ออวี้หลบฝีดาบของมู่หรงซีไปอีกฝั่งแล้วล้มเลิกการจับกุมตัวกู้ซิ่วถิง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นพลางมุ่นคิ้วมองหนุ่มน้อยด้านบน
มู่ชิงอียิ้มบางประสานมือทำความเคารพกล่าว “อานซีจวิ้นอ๋อง หัวหน้าองครักษ์เนี่ย ใต้เท้าเซ่า เป็นเกียรตินัก”
เซ่าจิ่นกลอกตาใส่แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “คุณชายจังก่อเรื่องในเมืองหลวงโกลาหลวุ่นวายขนาดนี้ ช่างเป็นเกียรติมากจริงๆ”
มู่ชิงอีหลุบตายิ้มบางแต่กลับไม่ได้คัดค้านอะไร
“คุณชายจังหนีไปได้แล้วถึงจะถูก เหตุใดถึงกลับมารนหาที่ตายเองอีกเล่า” จ้าวจื่ออวี้เลิกคิ้วเอ่ย ถึงแม้จะรู้ว่าจังชิง กู้ซิ่วถิงและมู่หรงซีเป็นพวกเดียวกัน แต่เขากลับเดาไม่ออกว่าจังชิงมีความสัมพันธ์ใดกับสองคนนี้ คุ้มค่าที่จะทำให้เขาย้อนกลับมาเสี่ยงอันตรายเชียวหรือ
มู่ชิงอีเลิกคิ้วแล้วฉีกยิ้ม “คงไม่ใช่กลับมารนหาที่ตายหรอกกระมัง”
เซ่าจิ่นยิ้มเอ่ย “หืม? พูดเช่นนี้คุณชายจังยังมีไพ่ไม้ตายอะไรอีกอย่างนั้นหรือ”
มู่ชิงอียิ้มเย็นชากล่าว “ในมือข้ามีของเล่นน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ใต้เท้าเซ่าอยากลองดูสักหน่อยหรือไม่เล่า”
เซ่าจิ่นเลิกคิ้วสูง มู่ชิงอีล้วงหยิบขวดเล็กสีขาวอันหนึ่งออกมาจากทรวงอกอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตรงนี้อยู่เหนือลมพอดี ใต้เท้าเซ่า ท่านว่าถ้าข้าเทของสิ่งนี้ออกมาจะเป็นเช่นไร”
เซ่าจิ่นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “ด้านในเป็นยาพิษ? เจ้าอย่าลืมสิว่าผิงอ๋องกับคุณชายกู้ก็อยู่ตรงนี้ด้วย! มู่ชิงอียิ้มกล่าว “หากเทียบกับถูกพวกท่านจับตัวกลับไป คาดว่าผิงอ๋องและคุณชายกู้คงยอมตายด้วยน้ำมือข้าเสียยังดีกว่า หัวหน้าองครักษ์เนี่ย ทางที่ดีท่านอย่าขยับ…หรือท่านจะลองเจ้านี่ดูสักหน่อยเล่า”
ขวดสีขาวหยกใบเล็กกะทัดรัดใบหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของมู่ชิงอี เซ่าจิ่นเอ่ยถามอย่างข้องใจ “เจ้านี่คืออะไร”
เนี่ยอวิ๋นเอ่ยเสียงขรึม “เข็มพิษดอกสาลี่ต้องพายุวรุณ”
ครั้นเห็นสีหน้าจริงจังของเนี่ยอวิ๋น เซ่าจิ่นก็เอ่ยถามเสียงเบา “สุดยอดมากเลยหรือ” จ้าวจื่ออวี้กลับมาอยู่ข้างกายเซ่าจิ่นแล้ว เขาเอ่ยเสียงเรียบ “หากพิษและอาวุธลับในมือของนางเป็นของจริง พวกเราที่นี่คงไม่มีใครรอดยกเว้นเนี่ยอวิ๋น” เข็มพิษดอกสาลี่ต้องพายุวรุณไม่ใช่แค่มีอานุภาพทำลายล้างสูง แต่ยังสังหารได้ในวงกว้างมากด้วย เล่าลือกันว่าคนที่อยู่ภายในขอบเขตเส้นรอบรูปพัดจะไม่มีใครรอดไปได้เลยสักคน อีกทั้งไม่รู้ว่าเป็นพิษอะไรอีกต่างหาก แม้แต่จ้าวจื่ออวี้ยังไม่มั่นใจว่าจะหนีรอดไปได้หรือเปล่า
“อายุแค่นี้แต่ใจเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้เชียว” เซ่าจิ่นอุทานขึ้น
มู่ชิงอีอมยิ้มกล่าว “ขอบคุณสำหรับคำชมของใต้เท้าเซ่า ข้าเองก็อยากจะจิตใจดีบ้าง ใต้เท้าเซ่าโปรดให้โอกาสนี้กับข้าเถิด”
เซ่าจิ่นมุมปากกระตุก หากให้โอกาสเจ้าก็เท่ากับตัดเส้นชีวิตของพวกข้าสิ
“พวกเจ้าไปเถิด” เนี่ยอวิ๋นมองมู่ชิงอีแล้วเปิดปากบอก
“เนี่ยอวิ๋น!” จ้าวจื่ออวี้และเซ่าจิ่นเปิดปากพูดพร้อมกัน
“หัวหน้าองครักษ์เนี่ยจะปล่อยพวกเขาไปได้เช่นไร!” รองหัวหน้าองครักษ์หวังคำรามด้วยความโกรธ
เนี่ยอวิ๋นมองพวกเขาอย่างสงบ “ข้าไม่มีความมั่นใจ หรือพวกเจ้ามีอย่างนั้นหรือ หรือว่า…รอให้พวกเจ้าตายกันหมดก่อน ข้าแค่คนเดียวไล่ตามจับพวกเขากลับไปได้อยู่แล้ว” ทุกคนเงียบกริบ แม้แต่เนี่ยอวิ๋นยังไม่มั่นใจแล้วพวกเขาจะเหลืออะไรเล่า
“รีบขึ้นมา พวกเราไปกัน!” มู่ชิงอีร้องเรียกมู่หรงซีและกู้ซิ่วถิง
มู่หรงซีคุ้มกันกู้ซิ่วถิงเดินถอยหลังไปไม่กี่ก้าว กระทั่งมั่นใจว่าเนี่ยอวิ๋นไม่ลงมือทำอะไรจริงๆ ถึงเร่งฝีเท้าวิ่งไปทางมู่ชิงอี
“พี่ใหญ่ พี่ชาย พวกท่านไปกันก่อน” ครั้นเห็นพวกเขาสองคนมาหยุดอยู่ข้างกายตน มู่ชิงอีถึงผ่อนลมหายใจแล้วเอ่ยบอกเสียงทุ้มต่ำ
กู้ซิ่วถิงรู้ดีว่าตอนนี้ตนอยู่ที่นี่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในทางกลับกันจะกลายเป็นตัวถ่วงเสียมากกว่า ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่เอ่ยเสียงเบาว่า “ระวังตัวด้วย”
มู่ชิงอีพยักหน้าพร้อมอมยิ้ม ทว่ายังคงยื่นเข็มพิษดอกสาลี่ต้องพายุวรุณในมือจ่อไปทางทุกคนด้านล่างอยู่
ครั้นเห็นเงาของมู่หรงซีและกู้ซิ่วถิงลับตาไปแล้ว เซ่าจิ่นถึงเอ่ยอย่างระอาใจ “คุณชายจัง เจ้าคงไม่คิดว่าจะต่อกรกับพวกเราอยู่ตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ กระมัง”
มู่ชิงอีเลิกคิ้วยิ้มกล่าว “เช่นนั้นจะบอกว่าใต้เท้าเซ่าคิดจะเมตตาปล่อยพวกข้าไปอย่างนั้นหรือ”
“ข้าหมายถึงเจ้าวางเจ้านั่นลงก่อนแล้วพวกเรามาหารือกันดีๆ เถิด เจ้าไม่เหนื่อยหรือ” เซ่าจิ่นยิ้มเอ่ย มู่ชิงอียิ้มแล้วตอบกลับ “เทียบกับข้ายอมเหนื่อยกว่าหน่อย ข้าเชื่อว่าใช้เจ้านี้จะปลอดภัยจากหัวหน้าองครักษ์เนี่ยมากกว่า”
เนี่ยอวิ๋นหลุบตาลงแล้วบอกคนรอบกายว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน”
“เนี่ยอวิ๋น...” เซ่าจิ่นขมวดคิ้วมุ่น
เนี่ยอวิ๋นเอ่ยเสียงขรึม “พวกเจ้าอยู่ตรงนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไปเสีย!”
เซ่าจิ่นลองขบคิดดู จากนั้นไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ถึงโบกมือพาคนของตัวเองออกไป จ้าวจื่ออวี้พยักหน้าให้เนี่ยอวิ๋นแล้วพูดแค่ว่า “ระวังตัวด้วย” ก่อนจะพาองครักษ์ของตัวเองออกไป เหลือเพียงรองหัวหน้าองครักษ์หวัง เขามองเนี่ยอวิ๋นด้วยความสงสัยแต่สุดท้ายก็พาเหล่าองครักษ์ออกไป เนี่ยอวิ๋นมีแผนอะไรหรือไม่เขาไม่สน หากจังชิงนั่นลงมือขึ้นมาจริงๆ ด้วยสุดยอดวิชาตัวเบาของเนี่ยอวิ๋นต้องเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่พวกเขาอาจไม่รอด ทว่าหากเนี่ยอวิ๋นจับตัวจังชิงผู้นี้ไม่ได้ ตนก็จะกลับไปฟ้องต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทให้หนักๆ เลย
ไม่นานบนเส้นทางนั้นก็เหลือเพียงพวกเขาสามคน ด้านบนสองคนด้านล่างคนหนึ่งยืนประจันหน้ากัน มู่ชิงอีมองเนี่ยอวิ๋นด้วยสายตาตักเตือนเชิงไม่เข้าใจว่าเนี่ยอวิ๋นหมายความว่าเช่นไร ไล่ทุกคนออกไปหมดเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีสำหรับเนี่ยอวิ๋นเลย
เนี่ยอวิ๋นเองก็ไม่พูดอะไร เขาแค่เอามือไพล่หลังยืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองนางด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งเวลาล่วงเลยไปพักหนึ่งมู่ชิงอีถึงรู้สึกว่าเนี่ยอวิ๋นมองตัวตนที่แท้จริงของนางออกแล้ว
จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ เนี่ยอวิ๋นถึงเปิดปากพูดว่า “พวกเจ้าไปเถิด”
“ท่าน…” มู่ชิงอีผงะไป จากนั้นก็จับจ้องบุรุษร่างกายกำยำที่ยืนตัวตรงด้านล่างด้วยสีหน้าสับสน เนี่ยอวิ๋นยิ้มบางกล่าว “แม่นางมู่ รักษาตัวด้วย”
เขารู้จริงๆ ด้วย! มู่ชิงอีพลันตกใจ เอ่ยขึ้นว่า “ท่านน่าจะรู้ว่าถ้าท่านกลับไปเช่นนี้ ฮ่องเต้แคว้นหวาไม่มีทางปล่อยตัวท่านไปแน่”
เนี่ยอวิ๋นส่ายศีรษะกล่าว “ข้ามีแผนการของตัวเองไม่ต้องกังวลหรอก รีบไปเถิด หากยื้อเวลานานกว่านี้พวกจื่ออวี้คงย้อนกลับมาแน่ ข้าจะอยู่ถ่วงเวลาอีกสักครึ่งชั่วยาม ด้วยวิทยายุทธของเขาคงเพียงพอจะพาเจ้าหนีไปได้ไกลแล้ว”
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง