หวนกลับมาเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ - บทที่ 96 สตรีตระกูลอัน
บทที่ 96 สตรีตระกูลอัน
ซ่งจื่ออานคิดว่าในช่วง 2 วันนี้ย่อมเกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมาย แต่ในการคาดการณ์ของเขา ส่วนมากล้วนเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะแผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น หมากทุกตัวเดิมตามเส้นทางที่ควรจะเป็น
แต่นอกจากความยินดีที่ไม่คาดคิดเรื่องอันหรูอี้ตั้งครรภ์ ก็ยังมีความตกใจที่ไม่คาดฝันเรื่องอันหลิงหลงวางยาพิษ
ขณะที่เขายังอยู่ตำหนักไท่เหอ สนทนากับเซี่ยเหิง เมื่อเรื่องสำคัญเพิ่งจบลง ข่าวของเจียอี้ก็วิ่งมาเข้าหูทันที
องค์จักรพรรดิหนุ่มพิโรธอย่างรุนแรง ฟาดโต๊ะเสวยแตกด้วยฝ่าพระหัตถ์ จนแม้แต่เซี่ยเหิงที่ติดตามพระองค์มาอย่างยาวนานก็อดตกตะลึงไม่ได้
บุรุษร่างสูงสง่าลุกขึ้นจากที่ประทับ พระอังสากว้างราวกับป้อมปราการที่หล่อด้วยทองแดงและเหล็ก นัยน์ตาหงส์ทอประกายสังหารอันเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัว พระหัตถ์กำแน่นจนได้ยินเสียงกรอบแกรบ พระพักตร์บึ้งตึง
เมื่อมังกรถูกแตะต้องเกล็ดใต้คาง บารมีอันน่าสั่นสะท้านย่อมมิใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทนรับได้
เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนศีรษะเจียอี้ เขาคุกเข่าลงกับพื้นไม่กล้าขยับเขยื้อน กลั้นลมหายใจเอาไว้
ทันใดนั้นแรงกดดันอันน่าเกรงขามก็หายไป พอฉลองพระองค์สีเหลืองทองเคลื่อนผ่านกายไปครู่หนึ่ง เซี่ยเหิงจึงช่วยพยุงเขาลุกขึ้น ถอนหายใจพลางกล่าว “ฝ่าบาทของพวกเราทรงเอาจริงแล้วเจียอี้… ”
เซี่ยเหิงตบบ่าเขาเบา ๆ กะพริบตาอย่างมีเลศนัย “อดทนไว้นะน้องชาย! ”
เจียอี้เช็ดเหงื่อเย็นบนศีรษะ จ้องมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หัวหน้า การถูกท่านสมน้ำหน้าเช่นนี้ไม่ดีเลย”
“พอเถอะ รีบตามไปเร็วเข้า หัวหน้าของเจ้ากำลังจะลาพักร้อนไปเที่ยวเล่นแล้ว”
เจียอี้ไม่พูดอะไร ก้าวยาว ๆ ออกจากตำหนักไท่เหอ วิ่งไปยังเรือนเหมันต์ ส่วนซ่งจื่ออานขณะนี้มาถึงนอกของเรือนเหมันต์แล้ว ชิวจื้อยืนอยู่ที่ประตูส่ายหน้ามาให้
“ให้แพทย์หลวงมาที่นี่เถอะ”
ซ่งจื่ออานถอนหายใจยาว ข่มความโกรธไว้แล้วเดินเข้าไปด้านใน
ตั้งครรภ์เพียงเดือนกว่า เมื่อวานในงานวันเกิดอันหรูอี้ก็มีอาการแพ้ท้องแล้ว วันนี้อันหลิงหลงมาก่อเรื่องที่นี่ หากไม่ระวังเกรงว่าจะรักษาเด็กไว้ไม่ได้ แม้แต่อันหรูอี้ก็อาจตกอยู่ในอันตราย
การเลือกเรือนเหมันต์ในเวลานี้ แสดงให้เห็นว่าเหลิงเยว่มีความคิดชั่วร้ายเพียงใด
เขาเดินเร็ว ๆ เข้าไปในโถง ซ่งจื่ออานเหลียวมอง ทันใดนั้นก็เห็นอันหรูอี้กำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ริมหน้าต่าง จึงรีบเข้าไปดูสีหน้าของนาง
อันหรูอี้กลับดึงเขาไปนั่งข้าง ๆ แล้วปลอบใจว่า “ไม่ต้องกังวล ทันทีที่ อันหลิงหลงปรากฏตัว ข้าก็ระแวดระวังนางแล้ว ไม่มีทางให้นางสมหวังได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นพิษหรือเรื่องสะเทือนใจ ข้าจะไม่ยอมให้เกิดอันตรายขึ้นกับลูกแน่”
ซ่งจื่ออานยังคงขมวดคิ้วแน่น “เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้าง? ”
“ไม่เป็นไร ดูสิ” อันหรูอี้เชิดหน้าขึ้น รอยยิ้มเย่อหยิ่ง “ข้าเป็นคนอ่อนแอที่พวกต่ำช้าทำร้ายได้หรือ? ”
ซ่งจื่ออานถอนหายใจยาว มือที่มีข้อนิ้วขึ้นชัดลูบผ่านท้องของนาง นึกถึงคำพูดของตนเองเมื่อ 2 ชั่วยามก่อน ทันใดนั้นก็รู้สึกจนปัญญา ขมวดคิ้วแน่น
ชายหนุ่มยิ้มขื่นพลางกล่าว “ข้าไม่ควรประกาศออกไปแบบนั้นเลย นี่เพิ่งจะวันแรกเท่านั้น… ผู้เป็นบิดาเช่นข้ากลับเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นเสียแล้ว”
อันหรูอี้ตอบอย่างขบขัน “ยังเหลืออีกตั้ง 9 เดือนเชียวนะ ท่านวางใจเถิด ข้าจะปกป้องลูกให้ดี รวมถึงจะปกป้องตัวเองด้วย”
ซ่งจื่ออานหรี่ตาลง คิ้วคมและดวงตาเรียวยาวกระตุกพร้อมกัน “เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ? ”
อันหรูอี้ยิ้มน้อย ๆ นิ้วเรียวงามถูกเอื้อมไปแตะจมูกของเขา ท่าทางครุ่นคิด “ข้าเชื่อใจท่านนั่นแหละ อย่างไรเสียก็ต้องมีความระแวดระวังไว้บ้าง หากเกิดเรื่องขึ้นมา มารดาเช่นข้าคงโกรธจนตายไปข้างเป็นแน่”
“ห้ามพูดคำว่า ‘ตาย’ ” ซ่งจื่ออานขมวดคิ้ว
“พรืด” อันหรูอี้หัวเราะคิกคัก ยื่นมือไปกอดเขาแน่น ดวงตาวาววับด้วยความหวานซึ้ง “ข้าไม่พูดหรอก… เจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป”
ไม่กังวลรึ? จะไม่กังวลได้อย่างไร?
เพียงวันแรกก็มีคนเข้ามามุ่งร้ายแล้ว อีก 9 เดือนข้างหน้าจะขนาดไหน?
ซ่งจื่ออานนึกถึงอันหลิงหลงขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาลึกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับห้วงลึกไร้ก้นที่สามารถกลืนกินได้ทุกสิ่ง แม้การเคลื่อนไหวของมือจะนุ่มนวล แต่นิ้วมือกลับเย็นชาและแข็งทื่อ
“…อันหลิงหลงอยู่ไหน? ”
อันหรูอี้ชะงักเล็กน้อย เงยหน้ามองเขา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “แม้ข้าจะไม่ชอบนาง แต่ตอนนี้ร่างกายของนางได้รับบาดเจ็บ เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น… ”
“นางถูกบีบบังคับให้มา” ซ่งจื่ออานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่หากนางไม่มีความคิดที่จะทำร้ายเจ้า นางจะหันไปเข้าข้างฮองเฮาได้อย่างไร? วันนี้เจ้าปล่อยนางไป ใครจะรับประกันได้ว่าวันพรุ่งนี้นางจะไม่ทำเรื่องเดิมซ้ำอีก”
อันหรูอี้รู้สึกใจหายวาบ ขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ “จื่ออาน นางก็เป็นบุตรีของจวนอัครมหาเสนาบดีนะ”
ซ่งจื่ออานก้มหน้าลง จุมพิตหน้าผากนางเบา ๆ “ก็เพราะเหตุนี้แหละ หรูอี้… เพราะนางเป็นบุตรีของจวนอัครมหาเสนาบดี เป็นน้องสาวของเจ้า ข้าถึงได้ปล่อยนางไปครั้งแล้วครั้งเล่า… แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะให้อภัยนางโดยไม่มีขอบเขต”
อันหรูอี้นิ่งเงียบ
ซ่งจื่ออานประคองเอวนางให้นั่งลงอย่างระมัดระวัง ยิ้มบาง ๆ “อีกอย่างนะหรูอี้ นางลงมือกับรัชทายาท และถึงรัชทายาทจะเป็นของเราสองคน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นของแคว้นซีจิ้นด้วย รวมถึงอาจจะ… เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ในอนาคต”
อันหรูอี้ตกใจ และมองออกไปข้างนอกโดยสัญชาตญาณนาง ก่อนนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่มีทางมีคนแอบฟัง แต่นางก็อดขมวดคิ้วไม่ได้อยู่ดี “ท่านไม่ควรคิดเช่นนั้น… ”
“ทำไมข้าจะคิดไม่ได้? ” ซ่งจื่ออานหัวเราะเบา ๆ ยื่นมือปิดตาของนาง “หรูอี้ ข้าคือฮ่องเต้ แน่นอนว่าข้าคิดเช่นนี้ได้”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปลูบท้องของอันหรูอี้ สายตาลึกล้ำ “เจ้าวางใจเถิด นางจะไม่ตาย”
พูดจบ ซ่งจื่ออานก็หมุนตัวเดินจากไป
ชิวจื้อรออยู่ข้างนอกมานาน เถาหงและหลิวลวี่ยืนนิ่งขนาบอยู่สองข้าง สายตาโกรธแค้นทำให้ซ่งจื่ออานอดยิ้มไม่ได้ โชคดีที่อันหรูอี้ยังมีบ่าวผู้ภักดี 2 คนอยู่ข้างกาย
ทันใดนั้นเขาก็ถามชิวจื้อว่า “อันหลิงหลงอยู่ที่ใด?”
ชิวจื้อตอบ “ที่ตำหนักข้าง ๆ เพคะ”
ซ่งจื่ออานประสานมือไว้ด้านหลัง เดินไปยังตำหนักดังกล่าว
หลิวลวี่ก้าวเท้าจะตามไป สมัยอยู่จวน อันหลิงหลงมีพฤติกรรมผันผวนเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่ตลอด น่าเสียดายที่นางเป็นเพียงทาสรับใช้ แม้ใจจะอยากปกป้อง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ก้มหน้าจำยอม ไม่มีวันสั่งสอนอันหลิงหลงได้ บัดนี้มีผู้จะจัดการอันหลิงหลง นางย่อมต้องการชมผลลัพธ์
แต่เถาหงกลับห้ามนางไว้ “หลิวลวี่ เจ้าอยู่เฝ้าตำหนักเถอะ ตำแหน่งที่พวกเราควรอยู่คือข้างกายของพระนาง”
หลิวลวี่ขมวดคิ้ว “แต่ว่า… ”
“เถาหงพูดถูกแล้ว” ชิวจื้อมองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “หลิวลวี่ พระองค์คือฮ่องเต้ อย่าได้ประมาทเพียงเพราะฝ่าบาททรงดีต่อกุ้ยเฟยของพวกเรา”
หลิวลวี่ อึ้งไปครู่หนึ่ง “หา? ข้าไม่ได้… ”
ชิวจื้อเสริม “อันหลิงหลงเป็นพระสนม ซ้ำยังเป็นหน้าตาของฝ่าบาท หลิวลวี่… แม้เหนียงเหนียงจะดีต่อเจ้า แต่สำหรับฝ่าบาทแล้ว เจ้าเป็นเพียงนางกำนัลคนหนึ่งเท่านั้น”
หลิวลวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที ริมฝีปากสั่นระริกขณะก้มหน้าลง ไม่กล้าเอ่ยปากโต้แย้งแม้แต่คำเดียว
ชิวจื้อสบตากับเถาหง พยักหน้าอย่างพอใจเล็กน้อย แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในตำหนักชั้นใน และพบว่าขณะอันหรูอี้ลุกขึ้นยืน ผ้าคลุมไหล่ของนางได้ตกลงไปบนพื้น นางมองไปทางด้านข้างด้วยสีหน้าเป็นกังวล
อาจเป็นเพราะกำลังตั้งครรภ์ อันหรูอี้จึงพบว่าตนเองกลายเป็นคนขี้กังวลและอ่อนไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในชั่วขณะที่อันหลิงหลงเผยให้เห็นบาดแผล นางจึงรู้สึกใจอ่อน แต่ก็ยังโกรธอีกฝ่ายไม่หาย
ด้วยท้ายที่สุดแล้ว นางก็จัดเป็นบุตรีตระกูลอัน คนตระกูลเหลิงถือดีอะไรมาแตะต้องคนตระกูลอัน?