หวนกลับมาเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ - บทที่ 35 ใจดำดั่งอำมหิต
บทที่ 35 ใจดำดั่งอำมหิต
บทที่ 35 ใจดำดั่งอำมหิต
“หลี่หรูหัว!”
อันก่วงเหนิงบุกเข้ามาด้วยเกรี้ยวกราด หลิวลวี่ถูกกระชากออกไปอย่างแรง หลี่หรูหัวมองเขาด้วยความหวาดกลัว ความกลัวแล่นเข้าสู่จิตใจตามาด้วยความเจ็บปวดที่แสนสาหัส
เพียะ!
อันผิ่นและอันหรูอี้ ที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่สะดุ้งตัวและลุกขึ้นยืนพร้อมกัน โต๊ะหมากรุกถูกร่างของหลี่หรูหัวที่ล้มลงมากระแทกจนตกลงบนพื้น แต่อันก่วงเหนิงยังไม่หยุดมือ กลับยื่นมือไปกระชากเสื้อผ้าของหลี่หรูหัวดึงขึ้นมาอีกครั้ง
“ลูกชั่วนั่นอยู่ที่ใด! บอกมา!”
หลี่รู่หัวถูกตบจนหมดสติไปแล้ว แม้จะถูกยกตัวขึ้นมาก็ยังแยกไม่ออกว่าทิศไหนเป็นทิศไหน เลือดสด ๆ จากหน้าผากและมุมปากที่แตกทำให้ใบหน้าทั้งหมดของนางดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียด
แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับความใจดำของอันก่วงเหนิง
ความรู้สึกหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปทั่วร่าง หลี่หรูหัวส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาแดงก่ำราวกับมีไหลออก “ไม่รู้…ท่านพี่…ข้าก็กำลังตามหานางอยู่…”
“เจ้ายังโกหกอีก! ลูกชั่ว! พอคลอดนางออกมาก็เป็นตัวซวยของจวนตระกูลอันของข้า!”
อันก่วงเหนิงตวัดมือตบลงไปที่นางอีกครั้ง คราวนี้หลี่หรูหัวใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นขึ้นมา นางเหม่อมองกลับไปเห็นผู้คนมุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกลับหัวเราะออกมา
“ท่านพี่…” หลี่หรูหัวค่อย ๆ พลิกตัว แต่ก็ไม่รีบลุกขึ้น คนที่ขี้ขลาดมาตลอด กลับแสดงความไม่พอใจออกมาทางสายตา “นางก็เป็นบุตรีของท่าน… นางทำสิ่งใดผิด? ท่านถึงขั้นจะเอาชีวิตนาง… โดยไม่สืบให้ถ่องแท้เช่นนี้หรือ?”
อันก่วงเหนิงโมโหจนอยากตบคนอีก แต่อันหรูอี้ทนไม่ไหวแล้ว “ท่านพ่อ! ท่านจะตีนางจนตายเลยหรือ?!”
อันก่วงเหนิงชะงัก เงยหน้ามองอันหรูอี้ แต่ความโกรธก็ไม่ลดลง “เจ้าจะพูดแทนนางงั้นรึ?!”
อันหรูอี้ถอนหายใจ “ท่านพ่อ แม้ข้าไม่รู้ว่าป้าหลี่และน้องสี่ทำอันใดผิด แต่ป้าหลี่เพิ่งปรากฏตัวต่อหน้าข้ากับน้องสามเมื่อครู่นี้เอง และกำลังถามหาข่าวคราวของน้องสี่ นางมิรู้ข่าวคราวของสี่น้องเลย”
อันก่วงเหนิงขมวดคิ้ว มองไปที่อันผิ่น อันผิ่นกัดฟันเข้าไปประคองหลี่หรูหัว “ใช่แล้วท่านพ่อ ต่อให้น้องสี่ทำสิ่งใดผิด แต่ป้าหลี่ที่คอยรับใช้ท่านมาหลายปี ท่านจะ… ใจร้ายกับนางเช่นนี้มิได้นะเจ้าค่ะ”
อนุเซียวที่อยู่ในฝูงชนหน้าเปลี่ยนสีทันที รีบเข้ามาพาอันผิ่นออกไป พลางกล่าว “ท่านพี่ เด็กคนนี้มิรู้เรื่องอันใด ท่านอย่าได้ใส่ใจเลย”
อันก่วงเหนิงกำหมัดแน่น ไม่รู้จะระบายความโกรธใส่ใคร อันหรูอี้มองเขาด้วยแววตาเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ นางเข้าไปพยุงหลี่หรูหัว แล้วเดินออกไป
“พวกเจ้าจะไปไหน!” อันก่วงเหนิงตวาด “หรูอี้! เจ้าก็อยากทำให้ข้าโกรธรึไง?!”
หลี่หรูหัวดึงอันหรูอี้ไว้ แต่อันหรูอี้กลับส่ายหน้าให้นางเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ป้าหลี่บาดเจ็บสาหัส ลูกจะพานางไปรักษา ส่วนน้องสี่ท่านพ่อจะตามหา จะตีหรือจะไปฆ่านางก็เชิญ! หากท่านหานางไม่พบก็มาที่เรือนเหมันต์มาฆ่าป้าหลี่แล้วก็ฆ่าข้าด้วย!”
อันก่วงเหนิงตัวสั่นไปทั้งตัว หันกลับมามองด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
“อันหรูอี้!”
อันหรูอี้ไม่สนใจเขา หลิวลวี่หัวเราะเย็นชาครั้งหนึ่ง “คนที่เรือนเหมันต์ล้วนเป็นคนของฮูหยินใหญ่ หากนายท่านยังรู้สึกว่าไม่พอใจ ก็ฆ่าพวกเราทั้งหมดได้เลยเจ้าค่ะ!”
ไม่มีใครกล้าเอ่ยอันใดออกมา บรรยากาศอันน่ากลัวและมืดมนของอันกว้างเหนิงค่อย ๆ แผ่ขยาย แต่หลังของอันหรูอี้ยังคงตรงเสมอ
นางทนพอแล้ว! ใบหน้าที่หน้าซื่อใจคดไร้ความรู้สึกของอันก่วงเหนิง นางทนไม่ไหวแม้แต่นาทีเดียว! ไม่ว่าจะแกล้งทำเป็นอ่อนแอ เสแสร้งเป็นเชื่อฟัง นางก็จะไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้น! พอกันที!
ซ่งจื่ออานไม่ใช่ต้องการให้นางเข้าวังหรอกหรือ? ย่อมได้! ขอเพียงเขายอมจ่ายในสิ่งนางต้องการ!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการกระทำของพวกนางน่าตกใจเกินไปหรือไม่ เพราะจนถึงตอนนี้ แม้จะไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านอันก่วงเหนิงอย่างโจ่งแจ้งแต่เรือนเหมันต์กลับสงบนิ่งราวกับไม่หวั่นเกรงสิ่งใด เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องที่เรือนเหมันต์
ตลอดทั้งบ่าย บรรยากาศในสวนเหมยฮวาก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด
บาดแผลของหลี่หรูหัวนั้นหนักมากจริง ๆ แม้แต่หมอชราก็ยังไม่กล้ามาดูอาการ แต่ตอนที่อันหรูอี้รักษาบาดแผลที่แขนจึงมียาไว้มากพอที่จะรักษาบาดแผลของหลี่หรูหัวได้
ในครัวเล็ก ๆ หลังเรือนกำลังต้มโจ๊ก ใบหน้าของหลี่หรูหัวบวมปูดจนมองไม่เห็นดวงตา น้ำตายังคงไหลไม่หยุด อันหนิงกัดฟันไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้ออกมาดัง ๆ ภาพของแม่ลูกสองคนช่างดูเวทนายิ่งนัก
อันหรูอี้ ห้เถาหงและหลิวลวี่คอยรับใช้ทั้งสองคน แต่ทั้งสองกลับกลัวจะทำให้นางลำบาก จึงรีบจากไปก่อน ทิ้งไว้เพียงจดหมายฉบับหนึ่ง ช่างเป็นคนโง่ทั้งคู่
อันหรูอี้ เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์กลางฟ้าอย่างสิ้นหวัง
ในช่วงเวลาที่นางอดตายอยู่ในเรือนเหมันต์นี้ นางก็ชอบมองดวงจันทร์เช่นกัน ในยามที่อันก่วงด่าทอนางอย่างร้ายกาจว่า ‘ตัวซวย’และทุบตีนาง นางก็มองดวงจันทร์ ในยามที่นางตายอย่างอ้างว้างโดดเดี่ยว ก็มีเพียงดวงจันทร์ที่มองดูนางอยู่…
สูงส่งเหนือใคร เย็นชาไร้หัวใจ หน้าซื่อใจคด เอาแต่เข้าหาผู้มีอำนาจ ช่างน่ารังเกียจ! น่าขยะแขยงยิ่งนัก!
บิดาที่สามารถเอ่ยคำร้ายกาจใส่บุตรสาวแท้ ๆ ของตนเองว่า ‘อัปมงคล ลูกอกตัญญู สมควรตาย’ ออกมาได้ ที่ผ่านมาเพราะเขาทำตัวอ่อนโยนในบางครั้ง นางจึงแอบหวังในตัวเขาอยู่บ้าง แต่ทว่าเขากลับไม่เคยใส่ใจเรื่องในจวน เห็นชัดแล้ว่าทั้งหมดนั่นล้วนเป็นความโหดเหี้ยมในใจของเขาจริง ๆ
จวนอัครมหาเสนาบดีเช่นนี้ อยู่ต่อไปจะมีความหมายอันใดกัน?
เงาจันทร์สั่นไหว อันหรูอี้เลื่อนสายตาไปมองซ่งจื่ออานที่กระโดดลงมาจากกำแพงและค่อย ๆ เดินมาหานาง ใบหน้าของเขาไร้รอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ที่ตรงกับจินตนาการทั้งหมดของหญิงสาวในห้องหอที่มีต่อชายหนุ่ม
“อย่าร้องไห้เลย” ซ่งจื่ออานยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน ยืนอยู่นอกหน้าต่างค่อย ๆ เช็ดน้ำตาให้นาง “เหตุใดต้องร้องไห้ ข้ามาหาเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?”
มีข้าอยู่ไม่ว่าพายุฝนใด ๆ ก็ทำอันใดเจ้าไม่ได้…
อันหรูอี้มองเขาอย่างเหม่อลอย แต่จู่ ๆ เสียงร้องไห้ของนางก็ดังขึ้นทันที
นางปิดหน้าร้องไห้ ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด “เพราะอันใดกัน! ท่านคือฮ่องเต้ ท่านบอกข้ามาที เหตุใดเขาถึงได้เย็นชาไร้หัวใจเช่นนี้ เหตุใดถึงได้โง่เขลาเบาปัญญาเพียงนั้น ผู้ใดเอ่ยสิ่งใดก็เชื่อไปหมด? ถ้าหากเขามีความคิดที่จะห่วงใยครอบครัวบ้างล่ะก็ เรื่องเลวร้ายพวกนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่! ท่านบอกข้ามาสิว่าเพราะเหตุใด…”
ถ้าเขาหันมามองคนในจวน มองลูกสาวของตัวเองบ้าง บางทีนางอาจจะไม่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้น…
ซ่งจื่ออานไม่อาจตอบนางได้ อัครมหาเสนาบดีที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงคัดเลือกมา เขาก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นกันว่าเหตุถึงได้เป็นคนขี้ขลาดกลัวเรื่องราวเพียงนี้
เรื่องของอันหนิงเป็นเพียงแค่เรื่องเด็ก ๆ ทะเลาะกันเท่านั้น เป็นเรื่องเล็กน้อยเสียยิ่งกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ แต่เขากลับใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ถึงขั้นจะฆ่าแกงกัน
“หรูอี้” ซ่งจื่ออานพลิกตัวเข้าไปในห้อง ยื่นมือออกไปอย่างลังเล กอดหญิงสาวที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดตรงหน้าเอาไว้ “เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง…”
แต่เขายังไม่ทันได้คิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เรื่องที่ใหญ่กว่าก็เกิดขึ้นในทันที
“ปัง!”
ประตูของเรือนเหมันต์ถูกคนนอกถีบเปิดออก หัวใจของคนรับใช้วัยชราพลันหนักอึ้ง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวยืนอยู่ข้าง ๆ กับคนอื่น ๆ อย่างเงียบ ๆ
คนรับใช้คนอื่น ๆ ถูกส่งออกไปหมดแล้ว คนที่เหลืออยู่ล้วนแต่เป็นบ่าวรับใช้ของฮูหยินใหญ่ พวกเขาผิดหวังในตัวอันก่วงเหนิงมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่กลัวความโกรธของเขา
ผู้ที่เดินเข้ามาก่อนคือหวังเสวี่ยเฟิง นางเดินเข้ามาอย่างผยองในขณะที่ประคองอันกว้างเหนิงที่กำลังโกรธเคืองเข้ามา และไม่ได้หยุดอยู่ที่นั่น แต่เดินตรงไปยังห้องด้านใน
ซ่งจื่ออานขมวดคิ้ว คิดจะถอยออกไป เขาคิดว่าอันหรูอี้ไม่ต้องการให้ใครมาพบเห็น แต่อันหรูอี้กลับดึงเขาไว้ ซ่งจื่ออานตกอยู่ในความตะลึง แต่ประตูห้องด้านในถูกเตะเปิดออกแล้ว
หวังเสวี่ยเฟิงกับอันก่วงเหนิงเดินเข้ามา เห็นคนสองคนกอดกันอยู่ที่หน้าต่าง ก็เริ่มโจมตีคนทั้งสองทันที “ข้าว่าแล้ว นังตัวร้ายนี่ต้องทนความเหงาไม่ไหว ลักลอบพาผู้ชายเข้าเรือน ท่านพี่ ตอนนี้เห็นกับตาแล้ว ท่านก็น่าจะเชื่อแล้วนะ”
“อันหรูอี้!”