หวนกลับมาเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ - บทที่ 3 เล่นอย่างหนักเพื่อให้ได้มา
บทที่ 3 เล่นอย่างหนักเพื่อให้ได้มา
บทที่ 3 เล่นอย่างหนักเพื่อให้ได้มา
“เถาหง ไปเอาถังไม้ใส่น้ำแข็งมาให้ข้า เอาใบใหญ่ ๆ”
เมื่อกลับมาถึงเรือนเหมันต์อันหรูอี้จึงสั่งการแก่สาวใช้ที่อยู่เคียงข้างนาง
เถาหงนั้นซื่อสัตย์ภักดีต่ออันหรูอี้มาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ดังนั้นในชาตินี้อันหรูอี้จึงยังเต็มใจที่จะเรียกใช้นาง
ไม่นานนักเถาหงก็โอบอุ้มถังน้ำแข็งใบใหญ่มาด้วยริมฝีปากสั่นเทาจากความหนาว “คุณหนูใหญ่ เหตุใดท่านต้องการถังน้ำแข็งในยามนี้ด้วยล่ะเจ้าคะ? ระวังจะมิสบายเอานะเจ้าค่ะ”
อันหรูอี้เผยยิ้มอย่างมีเลศนัย “ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะจับลูกเสือได้เช่นไร?…*[1] น้ำสำหรับอาบเตรียมพร้อมหรือยัง?”
แม้ว่าเถาหงจะสงสัยแต่ก็ยังพยักหน้าอย่างว่าง่าย “เตรียมพร้อมหมดแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่จะอาบตอนนี้เลยหรือเจ้าคะ?”
“เทก้อนน้ำแข็งพวกนี้ลงไปทั้งหมด” อันหรูอี้กล่าวพร้อมกับหัวเราะ
“เอ๊ะ?” เถาหงคิดว่าตนหูฝาดจึงถามอย่างไม่เชื่อ “คุณหนูเอ่ยว่ากระไรนะเจ้าคะ หากเทก้อนน้ำแข็งเหล่านี้ลงไปแล้ว ท่านจะต้องล้มป่วยแน่เจ้าค่ะ”
“ก็ข้าก็ต้องการที่จะป่วยไงเล่า ทำตามที่ข้าสั่ง” อันหรูอี้กล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ หากนางไม่ทำให้ตนเองเจ็บป่วยเล็กน้อย อัครมหาเสนาบดีจะมาเยี่ยมนางได้เช่นไร?
เถาหงคัดค้านอันหรูอี้ไม่ได้ จึงจำต้องเทก้อนน้ำแข็งลงในอ่างอาบน้ำอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อปรนนิบัติให้อันหรูอี้ถอดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว อันหรูอี้ก็ไม่ลังเลที่จะก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำทันที
แม้จะเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็ยังหนาวเย็นมาก อุณหภูมิน้ำเย็นยะเยือกเพราะก้อนน้ำแข็งแม้กระทั่งเถาหงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังสามารถรับรู้ได้ถึงไอเย็นนั้นได้ ขณะที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงามของอันหรูอี้กลับแฝงไปด้วยความอดทนและความเฉยชา โดยไม่แสดงอาการขมวดคิ้วเพราะความหนาวเย็นแต่อย่างใด
ชาติที่แล้ว ในช่วงฤดูหนาวนางขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มและอาหาร ได้แต่สวมเสื้อผ้าบาง ๆ …ความหนาวเย็นเช่นนี้ นางเคยสัมผัสมาหมดแล้ว ขณะนี้นางเพียงแค่ใช้น้ำแข็งชำระกาย แล้วจะมีสิ่งใดที่ยอมรับไม่ได้หรือ ?
อันหรูอี้ค่อย ๆ หลับตาลง
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่อัครมหาเสนาบดีกลับจากประชุมราชการเสร็จ ข้ารับใช้ก็รีบรายงานด้วยความระมัดระวังว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี คุณหนูใหญ่…ร่างกายร้อนยิ่งนักขอรับ และไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลยขอรับ”
“เจ้าว่าเช่นใดนะ! อยู่ดี ๆ เหตุใดถึงได้ล้มป่วยเช่นนี้” อัครมหาเสนาบดีตกใจ ถามด้วยคิ้วขมวด
ข้ารับใช้กระแอมไอเล็กน้อย แล้วเตือนอย่างอ่อนโยนว่า “เมื่อวานนี้ เข้าไปในศาลบรรพชนพร้อมกับคุณหนูรองแล้วเกิดตกใจ…”
อัครมหาเสนาบดีนึกถึงเรื่องราวเมื่อวานนี้ จึงฮึดฮัดว่า “หลิงหลงนั่นช่างเหลวไหลยิ่งนัก ถึงแม้ว่าหรูอี้จะมีนิสัยไม่ดี แต่ก็ยังเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของนาง… ช่างเถิด ข้าจะไปเยี่ยมหรูอี้”
อัครมหาเสนาบดีก้าวเข้าไปในเรือนเหมันต์ก็เห็นอันหรูอี้สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ใบหน้าขาวซีดราวกับหิมะ นั่งขีดเขียนบางสิ่งอยู่ที่โต๊ะหนังสืออย่างตั้งใจ แม้มือที่บอบบางของนางที่จับพู่กันอยู่จะแดงก่ำเพราะความหนาวเย็นเพียงใด นางก็ไม่ทีท่าว่าจะหยุด
“เจ้ากำลังทำอันใดอยู่?” อัครมหาเสนาบดีเดินเข้าไปใกล้ถามพลางคิ้วขมวด
อันหรูอี้แสร้งทำเป็นว่าเพิ่งมองเห็นเขา รีบลุกขึ้นและคำนับอย่างเชื่องช้า
นางยิ้มด้วยใบหน้าซีดเผือดแล้วกล่าวว่า “ลูกได้ยินมาว่า ช่วงนี้ท่านพ่อนอนหลับไม่สนิท… อีกทั้งท่านพ่อยังเป็นเสาหลักของบ้านเมือง ร่างกายของท่านก็เปรียบเสมือนร่างกายของเมือง ลูกรู้สึกเป็นห่วงท่านพ่อ จึงนึกถึงเคล็ดช่วยเรื่องการนอนหลับสมัยที่ท่านแม่ยังอยู่… ลูกตั้งใจจะเขียนให้เสร็จแล้วส่งให้ข้ารับใช้ไปมอบให้แก่ท่าน…ไม่นึกว่าท่านพ่อจะมาถึงเสียก่อน…”
อัครมหาเสนาบดีรู้สึพอใจที่อันหรูอี้ยกย่องสรรเสริญตน และเมื่อนึกถึงฮูหยินใหญ่คนก่อน เขาก็ยิ่งรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ
แววตาที่มองไปยังอันหรูอี้พลันปรากฏความรักใคร่ขึ้นเล็กน้อย เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”
“การได้ดูแลท่านพ่อเป็นหน้าที่ของลูกเจ้าค่ะ” อันหรูอี้ยิ้มอย่างเขินอาย
“แต่เหตุใดเจ้าไม่นำมาให้ข้าเอง แต่กลับต้องส่งผ่านข้ารับใช้เล่า?” อัครมหาเสนาบดีถามซักไซ้
อันหรูอี้ส่งสายตาอย่างอ่อนโยนและเม้มริมฝีปาก ก่อนจะกล่าวอย่างเขินอายว่า “ลูกไม่สบาย จึงไม่เหมาะที่จะพบหน้าท่านพ่อ หากทำให้ท่านพ่อเจ็บป่วยลงไปแม้เพียงเล็กน้อย ถึงครานั้นลูกคงรู้สึกแย่ยิ่งนัก”
อัครมหาเสนาบดีมีความรู้สึกประทับใจกับคำตอบของนาง พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “หรูอี้ เจ้าเติบโตแล้วจริง ๆ เมื่อเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็สบายใจแล้ว”
“ข้าเป็นบุตรีของตระกูลอัน จึงควรมีกิริยามารยาทที่งดงามของสตรี เพื่อมิให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตระกูลอัน” อันหรูอี้ตอบช้า ๆ พร้อมกับเน้นคำว่า ‘บุตรีตระกูลอัน’ อย่างหนักแน่น
สีหน้าของอัครมหาเสนาบดีเปลี่ยนไปเล็กน้อย และกล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “เจ้าเป็นคนที่มีความคิด แต่ว่าน้องสาวของเจ้ากลับทำตัวแย่ยิ่งนัก!ข้าได้ยินว่าหลังจากที่นางกลับไปยังเรือนแล้ว ก็ได้แต่ร้องเอะอะโวยวาย ข้าผิดหวังในตัวนางเสียจริง!”
“เมื่อวานนี้…” อันหรูอี้สังเกตสีหน้าของอัครมหาเสนาบดีแล้วเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “หลิงหลงเป็นกังวลมาก จึงได้เข้าใจคำกล่าวของท่านผิดไป นางมาบอกกับข้าว่า ท่านพ่อไม่ต้องการจะยกโทษให้ข้า…”
อัครมหาเสนาบดีถึงบางอ้อในทันที เข้าใจในพลันว่าเหตุใดพี่น้องทั้งสองจึงได้ทะเลาะกัน และแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ความโปรดปรานที่มีต่ออันหลิงหลงแย่ลงไปอีก เขากล่าวว่า “เหลวไหลสิ้นดี! ยามปกติเห็นนางมีกิริยาสุภาพเรียบร้อย แต่เหตุใดจึงได้ทำแย่ถึงเพียงนี้ !”
“ท่านพ่อ หากท่านโกรธน้องรองก็มิต้องลงโทษน้องหนักนะเจ้าค่ะ เพียงแค่ให้หลิงหลงได้ไตร่ตรองความผิดก็เพียงพอแล้ว” อันหรูอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ
อัครมหาเสนาบดีรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขารู้สึกเสมอว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า มีความแตกต่างจากบุตรีคนโตที่ดูโง่เขลาและหุนหันพลันแล่นในอดีต แต่เขาไม่สามารถระบุได้ว่านางมีความแตกต่างที่ตรงใด
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า “หากเป็นสตรีอื่น พวกนางคงร้องห่มร้องไห้ไปแล้ว แต่เจ้ากลับอดทนเอาไว้ได้”
มุมปากของอันหรูอี้ปรากฏรอยยิ้มเย็นชาเล็กน้อย นางเพียงแค่ลองใจบิดาของนางเท่านั้น แต่ดูบิดาของนางคงไม่คิดจะลงโทษอันหลิงหลงจริง ๆ ดูเหมือนว่าอิทธิพลของแม่เลี้ยงหวังซื่อในใจเขายังมีมากอยู่ไม่น้อย…
“ลูกทำไปก็เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของตระกูล” อันหรูอี้เอ่ยพร้อมรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
หลังจากสนทนากับอัครมหาเสนาบดีอีกเล็กน้อย เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าอันหรูอี้เป็นเด็กดีที่มีความคิดอ่านและสุขุม ด้วยความพึงพอใจในตัวอันหรูอี้เขาจึงมอบยาตงอาเจียว*[2]จากวังหลวงและของบำรุงกายอื่น ๆ ให้กับอันหรูอี้ จากนั้นจึงกลับไปทำงานที่ห้องหนังสืออย่างสบายใจ
เมื่ออัครมหาเสนาบดีเดินจากไป เถาหงจึงรีบยื่นถุงน้ำร้อนให้อันหรูอี้พร้อมกับถามว่า “คุณหนูใหญ่ พวกเราลงแรงไปมากถึงเพียงนี้เพื่อให้คุณหนูรองได้รับการลงโทษที่สมควรได้รับมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดเมื่อครู่คุณหนูใหญ่ไม่ร้องขอกับท่านอัครมหาเสนาบดีละเจ้าคะ?”
“หากครั้งนี้สามารถร้องขอได้ แต่แล้วต่อไปล่ะ? อันหลิงหลงเป็นคนเช่นไร เราทั้งสองเห็นกันอยู่ หางสุนัขจิ้งจอกย่อมมิอาจซ่อนได้ตลอดหรอก ตราบใดที่นางยังดิ้นรนอยู่ จะต้องมีสักวันที่ทำให้ท่านพ่อลงโทษนางด้วยความเต็มใจ”
อันหรูอี้วางพู่กันลงด้วยสีหน้าหม่นหมอง พร้อมกับโอบกอดถุงร้อนและหันหลังเดินเข้าไปในห้องใน
เถาหงตามหลังนางเข้าไปด้วยความไม่เข้าใจ พร้อมกับสงสัยว่า “คุณหนู พวกเราแค่รอให้บางสิ่งให้เกิดขึ้นเองอยู่หรือ?”
“ผิดแล้ว นี่คือการอดทนเพื่อรอความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า หรือก็คือ…วางเบ็ดล่อเหยื่อ เพื่อรอคอยตกปลาใหญ่” อันหรูอี้ยกยิ้ม ดวงตาอันสวยงามของนางเผยประกายความเย็นชาออกมา
เมื่อศัตรูกำลังรอให้เราใจร้อน เราต้องใจเย็นเอาไว้
ในที่สุดก็ได้รับความโปรดปรานจากอัครมหาเสนาบดี นางจะไม่ยอมทิ้งมันไปอย่างง่ายดายอย่างแน่นอน…
[1] ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะจับลูกเสือได้เช่นไร การทำสิ่งใดต้องตั้งใจทำ ไม่กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น ผลสุดท้ายก็จะได้อย่างที่หวัง
[2] ยาตงอาเจียว เป็นยาสมุนไพรจีนที่ทำจากหนังลา มีสรรพคุณบำรุงเลือด บำรุงกำลัง แก้ปัญหาเลือดน้อย ปรับสมดุลหยินหยางในร่างกาย บรรเทาอาการนอนไม่หลับ และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง