หวนกลับมาเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ - บทที่ 15 จมน้ำ
บทที่ 15 จมน้ำ
บทที่ 15 จมน้ำ
แม้หวังซื่อจะไม่ได้กล่าวออกมาตรง ๆ นางเพียงต้องการแสดงว่าตนอยู่เหนือกว่าต่อหน้าอันหรูอี้เท่านั้น แต่ทว่าวันนี้อันหรูอี้กลับนิ่งเฉยราวกับน้ำนิ่ง ไม่ว่ายั่วยุนางเพียงใดก็ไร้ปฏิกิริยาโต้กลับของอันหรูอี้
อันหรูอี้พูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อท่านป้าหวังจะหาปิ่นปักผม เหตุใดจึงมิไปถามกับข้ารับใช้ แต่กลับมาถามกับข้าเช่นนี้ ปิ่นปักผมของท่านทำตกในเรือนของข้างั้นรึ?”
“แน่นอนว่ามิใช่” หวังซื่อขมวดคิ้ว “เมื่อวันก่อนข้าเดินเล่นริมสระในสวนบุปผา แล้วข้าเผลอตกที่สวนแห่งนี้ สองวันนี้ยังไม่มีผู้ใดมาที่นี่…”
“มีเพียงข้า?” อันหรูอี้เลิกคิ้ว
หวังซื่อลูบผมของตนเองเบา ๆ “ใช่แล้ว… มีแค่เจ้า ข้ามิได้มีเจตนาอื่นใด เพียงรู้ว่าเจ้าคุ้นเคยกับที่สถานที่แห่งนี้ คิดว่าให้เจ้าช่วยหาคงจะหาเจอง่ายกว่าข้ารับใช้ขี้เกียจพวกนั้น จริงหรือไม่?”
หลิวลวี่จ้องเขม็งมองหวังซื่อด้วยความโกรธ นางกล่าวราวกับคุณหนูใหญ่ของจวนอัครมหาเสนาบดีเป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่งงั้นรึ!
อันหรูอี้รีบคว้าตัวหลิวลวี่ไว้ด้วยความว่องไว นางไม่อยากให้สาวใช้ข้างตนที่หุนหันพลันแล่นจนเผลอทำเรื่องราวใหญ่โตได้ จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้หวังซื่อ “เช่นนั้นข้าขอถามท่านสักนิด ว่าท่านทำตกที่ใด?”
เมื่อได้ยินอันหรูอี้ถามเช่นนั้น หวังซื่อจึงเอ่ยเสียดสีไปว่า “หากข้ารู้ว่ามันตกอยู่ที่ใด ก็คงเก็บมันกลับมาแล้ว มิต้องให้เจ้ามาช่วยหาให้”
อันหรูอี้ก้มหน้าลงเล็กน้อย “เช่นนั้นป้าหวังรู้ตัวเมื่อใดว่าปิ่นปักผมของท่านหายไป?”
หวังซื่อชี้ไปที่สระน้ำด้วยท่าทางไม่พอใจ “ข้ามิรู้ ข้าหาทุกที่แล้ว ยกเว้นบริเวณริมสระน้ำที่ยังมิได้หา เจ้าย่อมมีสายตาดีกว่าข้าเช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
อันหรูอี้เริ่มรู้สึกสงสัยว่าหวังซื่อมีแผนการอันใดกันแน่ จึงเอ่ยขึ้นว่า
“หากป้าหวังกล่าวเช่นนี้ งั้นข้าจะช่วยหาให้ท่าน”
เดิมทีหวังซื่อคิดว่าจะต้องเสียเวลาล่อลวงนางอยู่สักพัก แต่ไม่คิดว่าอันหรูอี้จะรับปากช่วยนางง่ายดายเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นอันหรูอี้เดินไปหาที่ริมสระน้ำจริง ๆ หวังซื่อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นางคิดในใจว่า ‘นั่นสิ เด็กสาวที่ไม่กี่วันก่อนที่ยังดูโง่งม จู่ ๆ จะฉลาดขึ้นมาได้อย่างไรกัน?’
อันหลิงหลงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว นางจะมีสติปัญญาปราดเปรื่องรับมือกับทุกเรื่องได้แค่ไหนกันเชียว?
หลิวลวี่ข่มอารมณ์โกรธไว้ในใจและช่วยอันหรูอี้เดินหาปิ่นปักผม ทั้งสองเดินแยกกันออกไปคนละทาง หวังซื่อจึงรีบส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผู้นั้นมีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาหลิวลวี่
อันหรูอี้มีรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะส่งสายตาให้หลิวลวี่
หลิวลวี่พยายามกลั้นหัวเราะแล้วพยักหน้ารับ หลิวลวี่ยังคงเดินหาต่อทำเป็นไม่รู้เรื่องอันใด แต่หางตาเหลือบไปเห็นหวังซื่อแสร้งทำเป็นเดินหาพร้อมเดินเข้าไปใกล้อันหรูอี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ในใจหลิวลวี่จะรู้ว่านายหญิงตนเองรับมือได้ แต่ในใจยังรู้สึกกังวลอยู่บ้าง… เมื่ออันหรูอี้เข้าใกล้ริมสระมากขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้น หวังซื่อก็ผลักอันหรูอี้ไปข้างหน้า หลิวลวี่ถึงกลับหน้าซีดเผือดทันที! แต่ทันใดนั้นนางกลับต้องชะงัก
หลิวลวี่เห็นอันหรูอี้ก้าวเท้าเบี่ยงตัวไปทางขวาเล็กน้อย พลางยื่นเท้าซ้ายไปเกี่ยวขาของหวังซื่อ หวังซื่อที่ยังไม่ทันตั้งตัวถึงกลับตกใจสุดขีด ร่างของนางพุ่งตกลงไปที่สระทันที!
“ตู้ม!”
สาวใช้ของหวังซื่อถึงกลับตกตะลึง หลังจากได้สตินางก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือด้วยความตื่นตระหนก ทันใดนั้นหลิวลวี่ก็หมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วและจับสาวรับใช้หวังซื่อกดลงกับพื้น พร้อมกับเอ่ยขู่เสียงเบา “หากกล้าส่งเสียงและขัดขวางคุณหนูข้า ข้าจะทำให้เจ้าพิการบัดเดี๋ยวนี้!”
สีหน้ายาซุนซีดเผือด นางรู้ดีว่าหลิวลวี่จากเรือนเหมันต์เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อน ตอนนี้หลิวลวี่ยังอยู่บนตัวนางเช่นนี้ นางจะกล้าส่งเสียงได้เช่นไรเล่า?
“ช่วยด้วย! รีบช่วยข้า….” หวังซื่อตกลงสู่น้ำที่เย็นยะเยือก ร้องประสาทหลอนราวคนบ้าคลั่ง “ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้า…”
แต่มีคำกล่าวว่า “กรรมใดผู้ใดเป็นคนก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง”*[1] ข้ารับใช้บริเวณสวนแห่งนี้ถูกหวังซื่อไล่ออกไปจนหมดเพื่อที่นางได้ให้บทเรียนแก่อันหรูอี้ ดังนั้นในตอนนี้นางจะเรียกผู้ใดมาช่วยได้เล่า
อันหรูอี้มองดูหวังซื่อตะเกียกตะกายดิ้นรนอยู่ในสระน้ำด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
เมื่อหลิวลวี่เดินหาท่อนไม้ยาวเจอ อันหรูอี้พยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นทั้งบ่าวและนายก็ช่วยกันถือท่อนไม้มาแล้วหย่อนไม้ลงไปที่สระน้ำ
หลังจากหวังซื่อที่สำลักน้ำเข้าไปหลายอึก ยามนี้ถึงจะเป็นเพียงเส้นฟางข้าวเส้นเดียว หวังซื่อย่อมต้องคว้าจับมันไว้อย่างแน่น แต่ทว่าเมื่อนางคว้าท่อนไม้ไว้ได้ อันหรูอี้และหลิวลวี่กลับดึงนางขึ้นมาเพียงเหนือน้ำเท่านั้น แต่ไม่ได้ดึงนางขึ้นมาจากสระด้วย
หวังซื่อเมื่อใบหน้าโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้ก็ยังอยู่ในอาการตกและมึนงุนงงอยู่ ผ่านไปพักหนึ่งจึงค่อยรู้สึกตัว “อันหรูอี้! เจ้ามันชั่วร้าย…อึก…เจ้ากล้าคิดร้ายต่อข้า! ข้าเป็นถึงฮูหยินใหญ่ของจวนแห่งนี้ เจ้ากล้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ ไม่กลัวท่านอัครมหาเสนาบดีจะทำโทษเจ้างั้นรึ!”
แม้ใบหน้าของหวังซื่อจะบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแต่กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออันหรูอี้แม้แต่น้อย กล่าวได้ว่านี่คือสีหน้าแท้ของหวังซื่อ
อันหรูอี้เอียงคอมองหวังซื่อ ดวงตาเจ้าเล่ห์ของนางมีแววซุกซน แต่ส่วนลึกในดวงตากลับไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ รับรู้ได้เพียงความเย็นที่หนาวจับใจยิ่งกว่าน้ำในสระ…
หวังซื่อถึงกับสะดุ้งพลางได้ยินอันหรูอี้กล่าวว่า “ป้าหวัง… ท่านรู้ความหมายของคำว่าป้าหวังของข้าหรือไม่… นั่นมันหมายถึงท่านเป็นเพียงอนุภรรยาเท่านั้น! ส่วนข้าอันหรูอี้เป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่! ยิ่งไปกว่านั้น…ชีวิตของท่านอยู่ในกำมือของข้า ดังนั้นข้าบังอาจชี้แนะท่านสักนิดเถิด ท่านอย่าอวดดีให้มันมากนัก ถ้าข้าเผลอมือลื่น….”
กล่าวจบอันหรูอี้ก็แสร้งเป็นปล่อยมือจากท่อนไม้แล้วดึงไม้ไว้อย่างรวดเร็ว
การปล่อยและดึงของอันหรูอี้ ทำให้ใบหน้าของหวังซื่อผวาจนเกือบขาวซีด นางจมไปใต้น้ำก่อนศีรษะจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมากอีกครั้ง
อันหรูอี้หัวเราะอย่างสงบนิ่งว่า “ท่านก็เห็นแล้วว่าแรงของข้าน้อยนิด ไม่รู้ว่าจะรั้งไว้ได้นานเท่าใด”
หวังซื่อร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและสำลักน้ำ “อย่าปล่อยนะ เจ้าอย่าปล่อย! พวกเรามาหาคุยกันดี ๆ ดีหรือไม่ เจ้าใจเย็นก่อนเถิด… คุยกันดี ๆ”
“อืม… ข้าชอบ ‘อนุหวัง’ที่เข้าใจสิ่งใดง่าย ๆ เช่นนี้แหละ” อันหรูอี้ค่อย ๆ ดึงไม้กลับมา “ที่จริงก็มิมีอันใดมาก เพียงหวังว่าอนุหวังและน้องสาวที่ดีของข้าจะมิยุ่งเกี่ยวกับข้าอีกต่อไปเท่านั้น”
ตอนนี้หวังซื่อเข้าใจแล้วว่าตนถูกหลอกและตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างยิ่ง นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามที่อันหรูอี้เสนอมา แต่นางเพียงรับปากในตอนนี้เท่านั้น ส่วนจะทำตามที่อันหรูอี้ต้องการนั้นหรือไม่? ย่อมเป็นเรื่องของวันข้างหน้า…
“แต่ท่านอนุหวังอย่าคิดรับปากข้าแล้วไม่กระทำตามนะ ถ้าข้าสามารถทำให้ท่านตกน้ำได้หนึ่งครั้ง ก็ย่อมทำได้สิบครั้ง ร้อยครั้ง! เอ้ะ! มิใช่สิ มิใช่ข้าที่ทำให้ท่านตกน้ำ แต่เป็นอนุหวังกระโดดลงไปเองใช่หรือไม่”
หวังซื่อตะลึง หัวใจนางเต้นแรงขึ้น นางรู้สึกราวกับความคิดของตนถูกอันหรูอี้ถูกจับได้ แต่ในยามนี้นางไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ มิฉะนั้นหากอันหรูอี้ปล่อยมือจริง ๆ นางที่ไม่ว่ายน้ำไม่เป็น คงแย่แน่ ๆ
หวังซื่อทำได้เพียงอดทนไว้ เพื่อรอความสงบสุขในภายภาคหน้า หวังซื่อกัดฟันกรอด ‘รอให้ข้าขึ้นจากน้ำก่อน แล้วค่อยดูว่าข้าจะจัดการกับนังคนชั่วช้าเช่นเจ้าอย่างไร!’
หวังซื่อเกาะท่อนไม้แล้วค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาจากริมสระ รอยยิ้มของหวังซื่อก็ค่อย ๆ กว้างขึ้น อันหรูอี้เห็นระยะห่างระหว่างตนเองกับนางแล้วจึงก้าวเท้าไปใกล้ริมสระอีกหนึ่งก้าว…
หลิวลวี่คิดว่านี่คือแผนการของอันหรูอี้ นางกำลังจะเตรียมเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม แต่ทันทีที่หวังซื่อขึ้นมาจากสระได้ นางกลับทำสิ่งที่ทำให้หลิวลวี่ถึงกับหมดแรงทรุดตัวนั่งลงไปกับพื้นทันที
ท่อนไม้ยาวที่หวังซื่อใช้เกาะขึ้นมายังอยู่ในมือของนาง ก่อนที่นางจะทรงตัวยืนได้อย่างมั่นคง ดวงตาของหวังซื่อพลันฉายแววเจ้าเล่ห์และเหี้ยมโหดออกมาก่อนจะตะโกนออกมาว่า “ไปตายซะ!”
อันหรูอี้ที่ยังไม่ทันระวังตัว ท้องของนางก็ถูกท่อนไม้กระแทกเข้าอย่างแรงจนพลัดตกลงไปที่สระน้ำ!
“อ๊ะ!”
หลิวลวี่ตกใจสุดขีด ทรุดตัวคลานไปยังริมสระเพื่อใช้ไม้คว้าอันหรูอี้ขึ้นมา แต่หวังซื่อกลับแย่งไม้ไปและถีบหลิวลวี่อย่างเต็มแรง หวังซื่อพูดด้วยอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ามันเป็นผู้ใด! เจ้าถึงกล้ามาจองหองกับข้า!”
“อนุหวัง… ได้โปรดอย่าได้ถือสาพวกข้าที่เป็นเพียงข้ารับใช้เลย เพียงแค่ท่านยอมช่วยชีวิตคุณหนู มิว่าท่านจะทำสิ่งใดข้ายอมทั้งสิ้น…”
หวังซื่อเคยรังเกียจคำว่า ‘อนุ’ อยู่แล้ว วันนี้อันหรูอี้กลับเอ่ยถึงหลายครั้ง บัดนี้แม้แต่ข้ารับใช้ชั้นต่ำยังกล้าเรียกนางว่า ‘อนุ’ ยิ่งทำให้นางโกรธจนคลั่งยื่นมือไปบีบคางหลิวลวี่แล้วตบหน้านางไม่ยั้ง
ในสระน้ำ อันหรูอี้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดแต่ไร้ผู้ใดมาช่วย หลังจากตะเกียกตะกายดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง แรงดิ้นเฮือกสุดท้ายของนางก็หมดลง ได้แต่ปล่อยให้ร่างของตนค่อย ๆ จมดิ่งลงไปในสระน้ำ…
“หวังเสวี่ยเฟิง! นางปีศาจ!”
[1] กรรมใดผู้ใดเป็นคนก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ทำกรรมไว้ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น เป็นการเตือนว่าการกระทำที่ไม่ดีจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่ดีเช่นกัน