หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 96 ขอให้เจ้าได้ภรรยาดุเหมือนแม่เสือ
ตอนที่ 96 ขอให้เจ้าได้ภรรยาดุเหมือนแม่เสือ
นางเฝิงและเจียงโม่หานได้ยินเสียงตกใจของนางหวงก็รีบวิ่งมาที่หลังบ้านทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งคู่เห็นหลินเว่ยเว่ยโยนหมูป่าลงพื้น
เลือดบนตัวของหมูป่าเปรอะเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้าของหลินเว่ยเว่ย นางหวงมองสำรวจบุตรสาวด้วยใบหน้าซีดเซียว เมื่อพบว่าบุตรสาวไม่ได้รับบาดเจ็บก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
หลินเว่ยเว่ยยืนนิ่งยอมให้มารดาสำรวจทั้งตัว ปากก็พูดว่า ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บเสียหน่อย บนภูเขายังเหลือหมูป่าอีกตัว ประเดี๋ยวข้าจะกลับไปแบกมันลงมา…
ว่าอย่างไรนะ ? ยังเหลืออีกตัวหรือ ? เหตุใดเจ้าจึงกล้า…หากเจ้าเป็นอันใดขึ้นมา แล้วจะให้แม่มีชีวิตอยู่อย่างไร ? นางหวงหน้าซีดเผือด ขอบตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม บุตรสาวคนนี้นับวันก็ยิ่งใจกล้าบ้าบิ่น ! จะปล่อยให้ทำตัวอิสระและตัดสินใจทำอันใดบุ่มบ่ามเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว !
หลินเว่ยเว่ยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน สิ่งที่นางกลัวมีเพียงน้ำตาของมารดา เมื่อได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นนางก็รีบร้อนพูดว่า ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่าหมูป่าตัวนี้ ท่านดูบาดแผลบนตัวของมันสิ ตอนที่ข้าขึ้นไปเก็บลูกท้อป่าก็พบว่าเจ้าหมูป่าสองตัวต่อสู้กันอยู่ ข้าแค่บังเอิญโชคดีได้รับผลประโยชน์เท่านั้น !
เจียงโม่หานมองสำรวจบาดแผลบนตัวของหมูป่าแล้วพยักหน้าพลางกล่าวว่า นี่เป็นรอยเขี้ยวของหมูป่าจริง น้องรองไม่ได้โกหก
น้องรองอย่างนั้นหรือ ? บัณฑิตหนุ่มช่างเก่งในเรื่องเสแสร้งต่อหน้ามารดาของนางและมารดาของเขาเสียจริง ! พออยู่ไกลอาวุโสเข้าหน่อยก็มักเรียกนางว่า ‘เด็กอ้วน’ หรือ ‘เจ้าเด็กตัวเหม็น’ ช่างเป็นคนหน้าซื่อใจคดเสียจริง โอ้ แต่ก็พูดเถิด หากเป็นคนหน้าซื่อใจคดที่มีรูปโฉมงดงามถึงเพียงนี้ก็ไม่น่ารำคาญอันใดหรอก !
ข้าจะไปแบกหมูป่าอีกตัวกลับมา จะได้ไม่โดนสัตว์ป่าบนภูเขาแย่งไปเสียก่อน ! หลินเว่ยเว่ยไม่อยากฟังคำบ่นของมารดาอย่างไม่จบไม่สิ้นจึงรีบหนีออกไป !
หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนที่หลินเว่ยเว่ยกำลังสับเนื้อหมูป่า เจียงโม่หานก็ทำทีเป็นพูดว่า เมื่อวานเพิ่งพูดไปว่าขาดวัตถุดิบที่จะนำมาทำเนื้อแผ่น มาวันนี้ก็ได้หมูป่า 2 ตัว ดูเหมือนบังเอิญไปหน่อยหรือไม่ ?
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวว่า ผู้ใดใช้ให้ข้าโชคดีมากเล่า ? ข้าจะบอกความจริงให้แล้วกัน ข้าเป็นถึงโอรสของสวรรค์เชียวนะ ! หากสวรรค์ไม่ดูแลข้าแล้วจะให้ผู้ใดมาดูแล ?
โอรส ? เมื่อได้ยินก็รู้แล้วว่านางกำลังพูดเพ้อเจ้อ เจียงโม่หานกวาดตามองนางแล้วมุ่ยปากพลางกล่าวว่า คนอย่างเจ้ามีโอกาสกลับชาติมาเกิดด้วยหรือ !
บัณฑิตน้อย พูดสิ่งใดก็ให้รื่นหูบ้าง ! ระวังสวรรค์จะลงโทษให้เจ้าได้แต่งงานกับภรรยาที่ดุเหมือนแม่เสือ ให้นางทุบตีเจ้าวันละสามครั้งหลังมื้ออาหาร ! หลินเว่ยเว่ยก็มีฝีปากใช่ย่อย นางเก่งในเรื่องใช้วาจาโต้ตอบผู้อื่นนักเชียว
เจียงโม่หานใช้สายตาดูแคลนชำเลืองมองนาง ยังมีแม่เสือที่ดุกว่าเจ้าอีกหรือ ? หึ หมูป่าอย่างข้าไม่กลัวหรอก !
หากข้าเป็นแม่เสือดุตัวนั้นแล้วต้องมาเจอใบหน้าที่งดงามเสียจนดวงจันทร์ยังต้องหลบไม่กล้าเทียบ รูปงามจนหมู่มวลบุปผาพากันหุบไม่กล้าบานแข่งรัศมีเช่นใบหน้าของเจ้า ข้าจะตัดใจลงมือต่อเจ้าได้เช่นไร ! เรื่องการยั่วยุอารมณ์ผู้อื่นนั้น หลินเว่ยเว่ยเก่งที่สุด
เจียงโม่หานสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนนี้ตำราในมือของเขาถูกบีบไว้แน่นจนแทบจะขาดแล้ว เจ้าคิดว่าข้าไม่มีวิธีจัดการเจ้าจริงหรือ ?
มีสิ ! แค่เจ้าขยิบตาให้ ข้าก็หมดเรี่ยวแรงและกำลังวังชาอีกต่อไป หากไม่เชื่อจะลองดูหรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยถือมีดสับหมูไว้ในมือ ตอนนี้มือทั้งสองข้างของนางเต็มไปด้วยเลือดหมูขณะจับจ้องไปยังบัณฑิตหนุ่มผู้ที่กำลังโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ
นางหวงที่อยู่ในครัวทนฟังต่อไปไม่ไหว จังหวะที่นางกำลังจะลุกไปตำหนิบุตรสาวผู้ไม่รู้จักละอาย นางเฝิงก็หัวเราะแล้วห้ามเอาไว้ แค่เด็กน้อยปะทะฝีปากกัน พวกเราเป็นผู้ใหญ่อย่าเข้าไปยุ่งเลย ไม่ต้องกังวล ข้ารับรองได้เลยว่าเสี่ยวเว่ยของท่านไม่เสียเปรียบหรอก
ประโยคนี้ทำให้นางหวงถึงขั้นแอบพูดในใจว่า ‘ข้าแค่กลัวว่าบุตรชายของเจ้าจะโกรธจนขาดใจตายต่างหาก ! ’
นางเฝิงยืนอยู่ในครัวพลางจ้องมองไปยังคู่เด็กหนุ่มสาวที่กำลังปะทะฝีปากกัน ‘ไอหยา หานเอ๋อร์ทั้งหน้าเขียวคล้ำ ทั้งโมโหจนตัวสั่น นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นบุตรชายโกรธจนตัวสั่น ! เพราะเขามีสีหน้าเย็นชาราวกับผู้ใหญ่ในร่างเด็กมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เขามักมีสีหน้าไม่แยแสต่อผู้ใด จนในที่สุดก็มีคนจับจุดโทสะเขาได้เสียที ! ’
หลินเว่ยเว่ยทำเมินเฉยต่อความโกรธของบัณฑิตหนุ่มแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย หมูป่าสองตัวนี้น่าจะสับเนื้อออกมาได้อย่างน้อยหกร้อยถึงเจ็ดร้อยชั่ง ลำพังข้าคนเดียวคงเหนื่อยตายก่อนที่จะสับได้เสร็จ หลังจากสับเนื้อเสร็จแล้ว ในวันพรุ่งนี้ข้าต้องเข้าเมืองเพื่อไปซื้อกระทะกลับมาสัก 2 ใบ !
เจียงโม่หานพยายามอดกลั้นความโกรธไว้ในใจ เขาคร้านจะสนใจถ้อยคำของนางแล้ว หลินเว่ยเว่ยจึงพูดเองเออเองว่า บัณฑิตน้อย เจ้าต้องการซื้อสิ่งใดหรือไม่ ? จดรายการมาเถิด ประเดี๋ยวข้าจะซื้อกลับมาให้
จดรายการ ? เจ้าอ่านออกด้วยหรือ ? เจียงโม่หานกัดนางด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลินเว่ยเว่ยล้างมือแล้วดึงคัมภีร์หลุนอวี่ในมือของเขา จากนั้นก็อ่านให้ฟังว่า เสวียะ เอ๋อ สือ สี จือ ปู๋ อี้ เอยีย ฮู ? โหย่ว เผิง จื้อ เหวียน ฟัง ไหล, ปู๋ อี้ เล่อ ฮู…เฉี่ยว เอยี่ยน หลิง เส่อ, เซียน อี่ เยิ่น !…
อ่านว่าเซียนตรงไหน มันอ่านว่าเซี่ยนต่างหาก เจียงโม่หานดึงตำรากลับมาอย่างแรง หากไม่ใช่เพราะ หลินเว่ยเว่ยปล่อยมือได้ทันก็มีหวังว่าคัมภีร์หลุนอวี่ที่เขาเขียนวิเคราะห์จนแทบจะครบทั้งหมดได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนแน่
หลินเว่ยเว่ยจงใจเถียงเขา เห็นอยู่ว่ามันอ่านว่าเซียนที่แปลว่าสด เจ้ารู้จักหรือไม่ หมูสด ไก่สดน่ะ !
เจียงโม่หานกระฟัดกระเฟียดแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า นอกจากเรื่องกินแล้ว ในหัวของเจ้าเคยมีเรื่องอื่นหรือไม่ !
ก็มีบุรุษรูปงามเช่นเจ้าอยู่ไงเล่า ! หลินเว่ยเว่ยหันไปทำตาแป๋วใส่เขา นางทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น!
เจียงโม่หานโมโหมากจึงสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปจากสวนหลังบ้านทันที เด็กตัวเหม็นผู้นี้ช่างน่าโมโหเหลือเกิน ! หึ ต้องมีสักวัน จะต้องมีสักวันที่ข้า…หืม ! ตีนางหรือ ? แต่เด็กตัวเหม็นผู้นี้มีพละกำลังมากมายมหาศาล หรือจะด่านาง ? ไอหยา นางปากคอเราะร้ายถึงเพียงนี้ หรือหาวิธีจัดการไปเลย ? อ่า แม้ที่มาที่ไปของเด็กตัวเหม็นจะแปลกประหลาด แต่นางก็ไม่ใช่คนเลว…นางก็แค่ปากร้ายเท่านั้น หากเขาทำอันใดไม่ยั้งมือแล้วทำให้นางได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ถึงตอนนั้นมารดาไม่มีวันให้อภัยเขาแน่…แล้วเขาจะทำอันใดนางได้อีก ?
หลังจากสามารถทำให้บัณฑิตหนุ่มโกรธจนเดินหนีไปได้แล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ฮัมเพลงมายังประตูห้องครัวอย่างสบายใจ นางเฝิงที่เห็นเช่นนั้นจึงแกล้งหยอกเย้าว่า ดีใจเพราะปะทะฝีปากชนะใช่หรือไม่ ?
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะแล้วกล่าวว่า น้าเฝิง ข้าทำให้บัณฑิตน้อยโกรธจนเป็นเช่นนี้ ท่านสงสารเขาหรือไม่ ?
สงสารอันใด ? แม้แต่จะพูดเอาชนะสตรีนางหนึ่งยังทำไม่ได้ เขาก็สมควรโมโหแล้วล่ะ นางเฝิงหัวเราะ จากนั้นก็หันไปเติมลูกท้อที่ปอกเปลือกแล้วลงในหม้อ ถ้าจะให้สงสาร ข้ารู้สึกสงสารเจ้าเสียมากกว่า เพราะหมูป่าตัวนี้มีน้ำหนักตั้งหลายร้อยชั่ง เจ้าจะสับมันเสร็จเมื่อใด ?
เมื่อกลับถึงบ้านของตน เจียงโม่หานได้ยินผ่านกำแพงบ้านอย่างชัดเจนก็เริ่มเกิดความสงสัยในชีวิตของตนแล้วว่า ‘หรือนางเป็นบุตรสาวที่ท่านแม่คลอดออกมาเอง ? เอ่อ…ดูเหมือนจะไม่ใช่ ! ’
ดังนั้นข้าจึงมาหาพวกท่านในครัว…แต่เจตนาของข้าไม่ได้ต้องการให้พวกท่านช่วยหรอก ต่อให้พวกท่านอยากทำก็ตาม เพราะข้ายอมให้พวกท่านทำงานหนักไม่ได้ ! หลินเว่ยเว่ยมองไปยังผู้อาวุโสที่มีร่างกายผอมบางอ่อนแอ นางจะยอมให้ทั้งสองทำงานหนักได้เช่นไรเพราะการสับเนื้อหมูป่าในครานี้กว่าจะเสร็จคงใช้เวลาเต็มวันหรือมากกว่า แล้วยังต้องมีคนคอยทำผลไม้อบแห้งด้วย !
เจียงโม่หานที่แอบฟังอยู่ฝั่งกำแพงบ้านของตนก็หัวเราะเยาะขึ้นมา ‘ทำปากหวาน ! เด็กอ้วนตัวเหม็นผู้นี้เก่งในเรื่องการพูดให้ผู้อื่นลุ่มหลงเสียจริง’
หลินเว่ยเว่ยพูดต่อ ข้าอยากจ้างคนมาช่วย ! ข้าจะให้ค่าแรงวันละ 30 อีแปะ ท่านแม่ น้าเฝิง พวกท่านมีคนรู้จักที่ขยันขันแข็งหรือไม่ ?
นางหวงรู้สึกเสียดายเงินค่าแรงวันละ 30 อีแปะ ต้องเข้าใจก่อนว่าบุรุษในหมู่บ้านที่เข้าไปทำงานในเมืองอย่างยากลำบากตลอดทั้งวันยังได้ค่าแรงวันละ 30 อีแปะเช่นเดียวกัน
นางเฝิงจึงพูดโน้มน้าวนางหวงว่า การซื้อขายเนื้อแผ่นไม่เหมือนผลไม้อบแห้ง เนื้อแผ่นสามารถขายได้ตลอดทั้งปี ลำพังพึ่งพาเสี่ยวเว่ยผู้เดียวคงไม่ไหว นางต้องมาสับเนื้อ ทั้งต้องมาปรุงอีก ต่อให้มีมือเพิ่มขึ้นมานางก็ทำไม่ทันหรอก ! ประเดี๋ยวข้าจะคำนวณให้ท่านดูว่าหากเราจ้างแรงงานหนึ่งคนด้วยค่าแรงวันละ 30 อีแปะ ในแต่ละวันสามารถทำเนื้อแผ่นได้เพิ่มสัก 20 ชั่ง เช่นนี้ก็จะช่วยให้ท่านได้เงินเพิ่มอีก 2 ตำลึง ถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง !
ตอนต่อไป