หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 516 นางปิศาจแสนโอหัง กล้ายั่วยวนบัณฑิตน้อยของข้า
ตอนที่ 516 นางปิศาจแสนโอหัง กล้ายั่วยวนบัณฑิตน้อยของข้า
“ไม่จำเป็น แค่พวกเจ้าสองนายบ่าวไม่มาให้เห็นหน้าอีก ก็ดีมากแล้ว ! ” สำหรับสตรีที่นอกเหนือจากหลินเว่ยเว่ยแล้วเจียงโม่หานไม่เคยมีความอดทนให้มาโดยตลอด สตรีที่เข้ามาขวางทางเขาอย่างมีเจตนาแอบแฝงเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาไม่ปิดบังอารมณ์ความรู้สึก
หลังได้รับสัญญาณลับจากคุณหนูของตนแล้ว มู่ชิวก็รีบตวาด “เจ้าคนโอหัง ! รู้หรือไม่ว่าคุณหนูของพวกเราเป็นใคร ? นาง…”
เจียงโม่หานพูดแทรก “ไม่รู้ ไม่เคยรู้และยิ่งไม่อยากรู้ ! ถอยไป เจ้าขวางทางข้าอยู่ ! ”
คราวนี้ฉินเยี่ยนหรานแทบเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ไม่อยู่ มู่ชิวพูดเสียงเข้ม “บังอาจ ! คุณหนูของพวกเราเป็นถึงบุตรสาวฮูหยินรองของท่านซื่อฝู่ (รองหัวหน้าเหล่าขุนนาง อยู่ต่ำกว่าโฉวฝู่) ! ข้าแนะนำให้เจ้ารีบขออภัยคุณหนูของเราดีกว่า ไม่อย่างนั้นระวังอนาคตของเจ้าจะพังพินาศ”
“หืม ? ” เจียงโม่หานเหลือบมองสองนายบ่าวช้า ๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเย็นชา “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณหนูเรือนรองของซื่อฝู่ก็สามารถเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับอนาคตของบัณฑิตได้ เจ้าอย่าลืมว่าเบื้องบนของซื่อฝู่ยังมีโฉวฝู่อยู่ ส่วนเบื้องบนของโฉวฝู่ก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ! หากซื่อฝู่อยากใช้ฝ่ามือข้างเดียวปิดแผ่นฟ้า ก็ยังต้องดูว่ามีความสามารถนั้นหรือเปล่า ! ”
ซื่อฝู่คนปัจจุบันมีนามว่า ฉินหยวนเจิ้น ฮึ ! ก็แค่ตั๊กแตนในฤดูใบไม้ร่วง อย่ามองว่าตอนนี้สามารถกระโดดโลดเต้นได้อย่างมีความสุขเลย อีกแค่ 5 ปีก็จะโดนตัดสินโทษ ค้นจวนและยึดทรัพย์ ประหารชีวิตบ้าง เนรเทศบ้าง ส่วนคุณหนูฉินคนนี้ก็ตกต่ำกลายเป็นนางโลม ออกมาต้อนรับแขกและขายรอยยิ้มขายศิลปะ…สตรีที่มาขวางทางบุรุษกลางถนนเช่นนี้จะมีค่าได้อย่างไร !
สีหน้าของฉินเยี่ยนหรานเปลี่ยนไปทันที นางแค่นเสียงดุ “มู่ชิว หุบปากเดี๋ยวนี้ ! พอกลับไปแล้วก็ไปขอรับโทษจากแม่นมฟาง สาวใช้ในจวนไม่รู้ความ พอกลับไปแล้วข้าจะขายนางออกไปแน่นอน คุณชายได้โปรดอภัยให้ด้วย ! ”
“สาวใช้ก็แค่ทำตามที่นายสั่ง ไม่มีเจ้านายให้ท้าย ไฉนเลยจะกล้าทำตัวขาดสติเช่นนี้ ? มีนายอย่างไรก็มีบ่าวอย่างนั้น ซื่อฝู่คนนี้ ฮึ…” เจียงโม่หานแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปทันที
ใบหน้าที่แสนดูดีของฉินเยี่ยนหรานบิดเบี้ยวโดยพลัน นางง้างมือตบหน้ามู่ชิว “คนไม่ได้เรื่อง ทำให้เรื่องดี ๆ ของข้าเสียการหมด ! ”
มู่ชิวปิดหน้าขณะร้องขอความเมตตา ฉินเยี่ยนหรานหันไปพูดกับผู้คุ้มกันข้างรถม้า “ไปสืบมาว่าบัณฑิตผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เหตุใดจึงบังอาจจนไม่เห็นซื่อฝู่อยู่ในสายตา ! ”
คงไม่ใช่ญาติของขุนนางคนสำคัญคนไหนหรอกกระมัง ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง หากบิดารู้ว่านางมาหาเรื่องเขาก่อน พอกลับไปแล้วก็ไม่รู้จะโดนด่าอย่างไรบ้าง ! ฉินเยี่ยนหรานยังกัดฟันพูดกับมู่ชิวต่อ “กลับไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับเจ้า ! ”
เหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้หยวนชิงที่ประทับอยู่บนโรงน้ำชา พระองค์แค่นสุรเสียงดัง ฮึ “งามหน้าเหลือเกิน เจ้าซื่อฝู่ ! ”
ทว่าบุตรชายคนเล็กของหมินอ๋องก็น่าสนใจใช้ได้ เผชิญหน้ากับหญิงงามของเมืองหลวงอย่างฉินเยี่ยนหรานแล้วยังสามารถทำตัวเหมือนนักบวชไม่มีผิด แม้แต่ชายตามองยังไม่ทำ นิสัยนี้ได้มาจากหยูอันสิท่า !
เจียงโม่หานเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็โดนคุณชายในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ามาขวางทางอีกรอบ “เจียงเจี้ยหยวน ฉินซื่อฝู่เป็นผู้ตรวจการประจำการสอบในครั้งนี้เชียว และยังเป็นขุนนางขั้นสองแห่งราชสำนักด้วย แม้เจ้าจะมีความสามารถเหนือผู้อื่น มีสิทธิ์สอบติดอันดับต้น ๆ แต่การผิดใจกับเขาก็อาจสร้างอุปสรรคในอนาคตได้…”
“คุณชายหยวนพูดผิดแล้ว หากอนาคตต้องได้มาจากการประจบสอพลอ ไม่มีก็ช่างเถิด ! ” เดิมทีเจียงโม่หานก็เป็นคนหยิ่งยโสอยู่แล้ว ในเวลานี้แค่แสดงตัวตนแท้จริงออกมา ชาติก่อนเขาต้องอ่อนน้อมให้คนอื่น แต่ในชาตินี้เขาต้องยืนแผ่นหลังตั้งตรงให้ได้ !
หยวนเจี๋ยมองแผ่นหลังที่ทิ้งห่างไปของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกนับถือ รู้แล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ใบเบิกทางพิเศษจากฮ่องเต้ ก็เพราะมีความสามารถเหนือใคร ไม่กลัวผู้ทรงอำนาจ…คนแบบนี้ เป็นคนที่ราชสำนักต้าเซี่ยต้องการจริง ๆ ! เจียงโม่หานที่เกิดจากครอบครัวฐานะยากจน ยังมีศักดิ์ศรีถึงขนาดนี้ ช่างเป็นแบบอย่างของบัณฑิตในยุคสมัยนี้อย่างแท้จริง !
“พี่หยวน คุณชายท่านนี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงไม่เห็นซื่อฝู่อยู่ในสายตา ! ” สหายในกั๋วจื่อเจียนของหยวนเจี๋ยอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
หญิงงามแห่งเมืองหลวง มีรูปโฉมงดงามเหนือผู้คนและเป็นที่หมายปองของบุรุษในเมืองหลวง หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น การได้รับความชื่นชอบจากหญิงงามอย่างฉินกู่เหนียง จะยังไม่รู้สึกเป็นเกียรติอีกหรือ ? แต่คุณชายท่านนี้ไม่ปกปิดอารมณ์ของตน ช่างไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ !
หยวนเจี๋ยหันไปมองสหายด้วยรอยยิ้มแล้วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า “เขาน่ะหรือ ! เป็นผู้มีความสามารถที่คนผู้นั้นชื่นชม ! เคยได้ยินเรื่องกังหันน้ำกระดูกมังกรซึ่งหายสาบสูญไปหรือไม่ ? เขาไม่เพียงสร้างออกมาได้ แต่ยังปรับปรุงมันโดยใช้พลังงานลมในการขับเคลื่อน วิธีกรองน้ำรูปแบบใหม่ของกองทัพก็มาจากเขาเช่นกัน ! แล้วยังมีวิธีเขียนบัญชีรูปแบบใหม่ที่กรมคลังใช้ในเวลานี้ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเหมือนกัน…”
“ว่าอย่างไรนะ ? เรื่องพวกนี้มาจากคนผู้เดียว ? รู้แล้วว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงให้ความสำคัญ ! ภาพวาดกังหันน้ำกระดูกมังกรมาจากบัณฑิตในหุบเขาแดนเหนือผู้หนึ่ง ฮ่องเต้เรียกเขามาที่เมืองหลวงก็เพราะอยากใช้งานเขาหรอกหรือ ? ” เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงสามารถเข้าพระเนตรฮ่องเต้ได้ ดังนั้นย่อมมีสิทธิ์ทำตัวหยิ่งยโสอยู่แล้ว
“เจ้าพูดผิดแล้ว เขาไม่ได้โดนฮ่องเต้เรียกมาที่เมืองหลวง แต่เขามาสอบขุนนางต่างหาก ! จริงสิ ลืมบอกเจ้าไปว่าเขายังเป็นอั้นโฉ่วในการสอบเยวี่ยนซื่อของเมืองจงโจวและเจี้ยหยวนในการสอบเซียงซื่อเมืองเหอโจวจงโจวอีกด้วย ! ” ขณะมองสหายแล้วหยวนเจี๋ยก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
สวรรค์ ! เก่งขนาดนี้เชียวหรือ ! รู้แล้วว่าเหตุใดไม่เห็นซื่อฝู่อยู่ในสายตา ! ทว่าสายตาของเจ้าหมอนี่จะสูงเกินไปหน่อยหรือเปล่า ? หญิงงามแห่งเมืองหลวงยังไม่เข้าตา ไม่รู้ว่าต้องเป็นผู้หญิงแบบใดถึงจะทำให้เขาหวั่นไหวได้…หรือว่าเจ้าหมอนี่ใฝ่สูงจนอยากได้องค์หญิง ?
…
“ฟู่หวงเพคะ วันนี้พระองค์เสด็จออกนอกวังอีกแล้วหรือ ? เหตุใดไม่พาลูกไปด้วย ? ครั้งก่อนพวกเราไม่ได้คุยกันแล้วหรือว่าหากพระองค์เสด็จออกจากวังก็จะพาลูกไปด้วย ? ” องค์หญิงเจียวเจียวคือพระธิดาเพียงหนึ่งเดียวของฮ่องเต้หยวนชิงและกำลังจับพระหัตถ์ของฟู่หวงมาเขย่าอย่างออดอ้อน
ฮ่องเต้หยวนชิงโดนนางอ้อนจนหมดปัญญา สำหรับพวกองค์ชายแล้ว พระองค์เป็นบิดาที่เข้มงวด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระธิดาแล้ว พระองค์ก็ไร้วิธีจัดการ ได้เพียงตรัสปลอบโยนด้วยสุรเสียงอ่อนหวาน “เจิ้นออกไปทำงาน คราวหน้าแล้วกัน…คราวหน้าจะต้องพาเจ้าไปด้วยแน่นอน ! ”
องค์หญิงเจียวเจียวมุ่ยพระโอษฐ์ “คำพูดนี้ ฟู่หวงตรัสมาตั้งกี่ครั้งแล้วเพคะ ! แต่ไม่ทำจริงสักครั้ง ถ้าเช่นนั้น…ขอให้ฟู่หวงประทานอนุญาตให้ลูกไปตำหนักหมินอ๋องด้วยเถิด ลูกจะไปเรียนต่อสู้กับหมินอ๋องเพคะ ! ”
พอเอ่ยถึงศิลปะการต่อสู้ ฮ่องเต้หยวนชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว องค์หญิงน้อยผู้แสนน่ารัก พลิกตำราก็ง่วง ศาสตร์ทั้งสี่แขนงก็ไม่เป็นท่า มีเพียงศิลปะการต่อสู้เท่านั้นที่สนใจ โดยเฉพาะการได้กราบหมินอ๋องเป็นอาจารย์ ซึ่งตำแหน่งของหมินอ๋องในใจนางอยู่สูงกว่าคนเป็นบิดาอย่างพระองค์เสียอีก…เรื่องนี้พระองค์ไม่มีทางทนได้ !
“ใช่ว่าให้หัวหน้าราชองครักษ์สอนเจ้าแล้วหรือ ? ” ฮ่องเต้หยวนชิงไม่อยากให้เจียวเจียวใกล้ชิดกับหมินอ๋องมากเกินไป เดือนนี้ไม่ได้เจอแค่ไม่กี่ครั้ง ก็เอาแต่พูดถึงทุกวัน หากให้เจียวเจียวไปเรียนต่อสู้กับอีกฝ่าย นางจะไม่ลืมฟู่หวงไปเลยหรือ !
เจียวเจียวยังเขย่าพระหัตถ์ของฟู่หวงด้วยความไม่พอใจ “หัวหน้าราชองครักษ์สิบนายยังสู้หมินอ๋องคนเดียวไม่ได้เลย ลูกจะเรียนกับอาจารย์ผู้ร้ายกาจที่สุดเพคะ ! ”
“เอ่อ…เจียวเจียว เกรงว่าช่วงนี้หมินอ๋องจะไม่มีเวลาสอนวิชาต่อสู้ให้เจ้าแล้ว ! ” ตอนนี้ฮ่องเต้หยวนชิงก็มีเหตุผลพอดิบพอดีที่จะใช้ปฏิเสธพระธิดา
องค์หญิงเจียวเจียวทูลถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมหรือเพคะ ? ที่ชายแดนมีสงครามอีกแล้วหรือเพคะ ? ”
“ไม่ใช่ ! หมินอ๋องได้สูญเสียบุตรคนหนึ่งไปนานหลายปี แต่ตอนนี้หาเจอแล้ว ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงเผยดวงเนตรแห่งรอยยิ้ม เพราะรู้สึกดีพระทัยแทนสหายด้วยใจจริง
หมินหวางเฟยที่กำลังใกล้คลอดแล้วยังช่วยล่อทหารกบฏออกไปแทนฮองเฮาจนเกิดเหตุการณ์คลอดก่อนกำหนด แทบทั้งวังหลังไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้ แม้องค์หญิงเจียวเจียวจะไม่ใช่ธิดาของฮองเฮา แต่ก็มีฮองเฮาเป็นผู้เลี้ยงดู สำหรับหมินหวางเฟยและเด็กที่คลอดในปีเดียวกับองค์รัชทายาทแล้ว นางรู้สึกซาบซึ้งใจมาก เพราะถ้าไม่มีพวกเขาแล้ว ฮองเฮาและองค์รัชทายาทที่อยู่ในพระครรภ์ก็ต้องตกอยู่ในอันตราย !