หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น - ตอนที่ 5 เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้
- Home
- หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น
- ตอนที่ 5 เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้
ผมฝันถึงวันนั้น วันที่ผมไปเดทกับเรียเมื่อวันคริสต์มาสต์ปีที่เเล้ว
พวกเราเดินจูงมือกันไปตามถนนที่หิมะตกโปรยปรายในยามคํ่าคืน
ไปดูหนัง ไปทานมื้อเย็นในร้านอาหารที่ราคาแพงกว่าปกติเล็กน้อย และแลกของขวัญกัน
เรียหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ตลอดเวลา เเละผมก็จมอยู่กับเสียงหัวเราะของเธอ
ผมคิดว่าช่วงเวลาแห่งความสุขพวกนี้จะคงอยู่ตลอดไป
ผมคิดว่าเธอจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ
แต่ถึงกระนั้น──ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะจบลงแบบนั้น
[“เรีย…ทําไมถึง…”]
ตอนที่ผมพบเรียครั้งแรกในช่วงม.ต้น ความประทับใจของผมที่มีต่อเธอคือเป็นผู้หญิงที่เงียบขรึมและเก็บตัว
อย่างไรก็ตาม จู่ๆเรียก็กลายเป็นสาวเเกล*
* สาวเเกล หมายถึงผู้หญิงที่เเต่งตัวสไตล์เปรี้ยวๆจัดๆ เช่นเเต่งหน้าจัดๆ ใส่ชุดเซ็กซี่ๆหน่อย
เมื่อผมถามเรียว่าเกิดอะไรขึ้น เธอบอกว่าเธออยากลองเปลี่ยนลุ๊คดู
แต่ที่จริงเเล้วเพราะเธอถูกย้อมเอาอกเอาใจผู้ชายคนนั้น…
ผู้หญิงที่ผมรักเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หรือเป็นเพราะอีโก้ของผมที่อยากให้มันเป็นแบบนั้น?
…ถ้าเป็นเเบบนั้น ผมคง ──
•
[“─ ─ ยังกล้าพึมพําชื่อผู้หญิงที่ตัวเองบอกเลิกไปเเล้วตอนหลับอีกนะ ชินเซย์”]
…หืม? ผมได้ยินเสียงใครสักคนจากที่ไหนสักแห่ง
ทําไมกันนะ? ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนชีวิตตกอยู่ในอันตรายยังไงก็ไม่รู้…
[“นายกอดฉันแน่นมากเลยนะเมื่อคืน แต่ใจนายยังยึดติดอยู่กับผู้หญิงคนนั้นในอดีตอีกนะ…”]
[“หือ!?”]
ทันทีผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆที่หลัง ผมได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยทันที
[“อรุณสวัสดิ์ ชินเซย์”]
หญิงสาวยิ้มในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังคร่อมผมอยู่
ทันทีที่ผมเห็นผู้หญิงคนนั้น ผมจำเหตุการณ์ได้ทุกอย่าง
[“…เป็นฝันที่ดีน่าดูเลยนะ”]
[“ฮะ ฮาๆ….”]
ด้วยเสียงเย็นชาของหญิงสาวทําให้ผมปากสั่นด้วยความหวาดกลัว
เพราะผมเข้าใจทันทีว่าผมทำอะไรลงไป
ในขณะที่ผมกําลังฝันอยู่ ผมเรียกชื่อเเฟนขณะกําลังนอนหลับซึ่งเเฟนคนนั้นผมเห็นเธอจนถึงเมื่อวานนี้เเละเธอได้ยินสิ่งที่ผมพูดเมื่อคืน เมื่อพวกเขาเริ่มเห็นหน้ากัน
เมื่อคิดดูเเล้วไม่เเปลกที่เธอจะขุ่นเคือง
เเล้วก็──เมื่อลองพิจารณาบุคลิกของ ฟุตาบะ เรย์นะ เเล้ว จึงเชื่อมั่นว่าเธอต้องลงโทษอะไรบางอย่างกับเราอย่างเเน่นอน
[“…คือว่าพอดีฉันฝันถึงวันเก่าๆน่ะ…”]
ผมเปิดปากขอโทษ ที่นั่งคร่อมฟุตาบะและผมไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะสามารถต่อต้านสิ่งที่เธอทำกับผมได้
เราต้องระวังไม่ให้ฟุตาบะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้…
ผมไม่รู้ว่าฟุตาบะจะทำอะไรกับเราในตอนนี้กันเเน่
ผมไม่รู้ว่าทำไม แม้ว่าเธอจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่นัยน์ตาของเธอดูไม่มีความสุขเลย
ก่อนอื่น เมื่อผมยกร่างกายท่อนบนขึ้น ใบหน้าของฟุตาบะก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
[“วันเก่าๆเนี่ย เป็นเรื่องเเบบไหน?”]
[“วันคริสมาสต์ปีที่เเล้ว…ในช่วงที่ฉันไปเดทกับเรีย…”]
[“หืม~…”]
ฟุตาบะดูน่าเบื่อหน่ายและหันไป
[“ในขณะที่ฉันกำลังทำอาหารเช้าให้ชินเซย์ นายก็ได้พบกับแฟนเก่าในความฝัน ไม่คิดว่า…นี่เป็นน่าสมเพชบ้างหรอ?”]
ฟุตาบะกระตุ้นให้ผมรู้สึกตัวรอบๆ และเมื่อผมมองไปที่ข้างเตียงก็ได้พบกับอาหารเช้าที่อยู่บนโต๊ะ
[“…ขอโทษครับ…”]
คนเราเลือกไม่ได้ว่าจะฝันเรื่องอะไร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเป็นความฝันที่ไม่อาจเลื่ยงได้ แต่นั่นไม่สำคัญ
ที่สําตัญกว่านั้น นี่ผมฝันถึงเรียโดยไม่อ่านบรรยากาศหรอเนี่ย
บางทีมันอาจจะไม่ใช่ฟุตาบะที่อ่านบรรยากาศไม่ออก แต่เป็นผมเองที่อ่านไม่ออก
[“…เฮ้อ ไม่เป็นไร เมื่อคืนนายดูเเลฉันซะด้วย ครั้งนี้ฉันปล่อยไปก่อนเเล้วกัน”]
[“งะ…งั้นเหรอ ขอบคุณนะ”]
ฟุตาบะที่ทําหน้ามุ่ยเเละเม้มปาก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะให้อภัยผม
[“นั้นเป็นครั้งเเรกของฉันเเท้ๆ…ชินเซย์ทําฉันซะยุ่งเหยิงอย่างงั้น”]
[“ทะ โทษที ฉันไม่คิดว่าเป็นครั้งเเรกของเธอ เห็นเธอดูคุ้นเคยกับมันน่ะ”]
เพราะฟุตาบะกล้าที่จะออกไปซื้อยางกลับบ้านอย่างไม่เเคร์โลก
เพราะเช่นนั้น ผมจึงด่วนสรุปไปว่าฟุตาบะเป็นผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน…
[“…หรือว่า นายคิดว่าฉันเป็นพวกหิวดุ้นอะไรพวกนั้นหรอ? ทั้งที่ฉันเป็นคนรักเดียวใจเดียวเเท้ๆ?”]
ฟุตาบะหรี่ตาของเธอลงและเปล่งนําเสียงที่ดูเย็นชา
อย่างกับ เธอจะบอกผมว่าอย่าไปคบกับผู้หญิงที่สุดท้ายเเล้วจะนอกใจคุณ
[“จะ…จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไง?”]
[“จริงหรอ? ถ้างั้นนายจะเชื่อฉันไหมถ้าฉันบอกว่านี่เป็นครั้งเเรกที่ฉันได้จูบกับใครสักคนอย่างชินเซย์”]
[“ชะ…เชื่อสิ จะว่าไป เธอมาขึ้นคร่อมอะไรฉันเเต่เช้าเนี่ย?”]
ผมเปลี่ยนประเด็นทันที
[“ไม่เห็นเเปลกตรงไหนเลย? เมื่อคืนเราก็ทํากันเเบบนี้”]
[“ก็จริงอยู่หรอก…ตอนเเรก ฉันนึกว่าฉันจะถูกโจมตีตอนหลับซะเเล้ว”]
นี่ไม่ใช่ประเด็น ผมอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนบทสนทนาไปในทิศทางนั้น
[“นายจะบอกว่าฉันเป็นสัตว์กินเนื้อที่โจมตีชินเซย์เเต่เช้าอะไรเเบบนี้หรอ?”]
ฟุตาบะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูน่าหลงใหล
[“ก็…ชะ…ใช่”]
[“ทําไมถึงคิดเเบบนั้นหรอ? หรือเพราะเมื่อคืนได้ประสบการณ์การถูกขึ้นคร่อมครั้งเเรกไป ส่วนครั้งที่สองก็มาเจอประสบการณ์เเบบสลับตําเเหน่งกันหรอ?”]
[“ตามนั้นเเหละ…”]
ผมย้อนไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะประจบประแจง
ฟุตาบะบอกว่าให้ผมอ่อนโยนเพราะนั้นเป็นครั้งแรกของเธอ จากนั้นเธอก็เริ่มพูดถึงครั้งที่สอง…
[“ครั้งที่สาม ชินเซย์อ้อนวอนฉันเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเลยนะ อย่าง น่ารักจังเลย…”]
จากนั้นฟุตาบะก็นํามือทั้งสองข้างมาโอบแก้มผม
[“ดูมีความสุขดีนะ เเล้วก็…”]
[“…ตอนนั้นก็มีความสุขอยู่หรอก เเต่เช้านี้ฉันอารมณ์เสียนิดนึง”]
[“เอ๋ ฉันนึกว่าเธอจะยกโทษให้ฉันที่พูดตอนนอนซะอีกนะ?”]
[“มันคนละเรื่องกัน เพราะฉะนั้นชินเซย์ ช่วยทําให้เเฟนของตัวเองกลับมาอารมณ์ดีซะ”]
[“อะ อ่า…เข้าใจเเล้ว”]
หลังจากเเก้ต่างกันบนเตียงและทำให้ฟุตาบะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจทานอาหารเช้าด้วยกัน
มันยังคงเป็นอาหารญี่ปุ่นเพื่อสุขภาพเเบบเดียวกับเมื่อคืนและมันก็ยังอร่อยอยู่
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฟุตาบะก็เริ่มเปลี่ยนชุดเครื่องเเบบต่อหน้าผมอย่างช้าๆ
ฟุตาบะถอดเสื้อนอน ถอดบราออก โน้มตัวไปข้างหน้าเเละเอามือดึงกางเกงลง
หน้าอกของเธอแกว่งไปมาอย่างเย้ายวน และขาของเธอก็ยื่นออกมาจากบั้นท้ายเล็กๆ ของเธอ ร่างกายของผมตอบสนอง แม้ว่าใจผมจะไม่ต้องการก็ตาม
[“เดี๋ยวนะ…ปิดด้วยเส้!”]
[“เมื่อวาน นายก็เห็นฉันเปลือยเเล้วยังจะอายอยู่อีกเหรอ?”]
[“คือ…”]
มันคนละเรื่องกัน
มันไม่ดีต่อใจของคนๆหนึ่งที่ต้องมาเจออะไรที่น่าตื่นเต้นเเต่หัววัน
เลยต้องอัดอั้นไว้จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น…
อะไรทํานองนั้นเเหละ ถึงเราจะอธิบายเธอไปคงไม่เข้าใจอยู่ดี
เพราะงั้นเเล้ว เราควรไม่มองเธอสิ? เธอกําลังยั่วเราอยู่เเหงๆ
ผมหันหลังและพยายามไม่มองฟุตาบะตรงๆ แต่ผมได้ยินเสียงเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
[“จะว่าไป ชินเซย์ต้องกลับบ้านไปเอาของใช่ไหมล่ะ? เเต่ถ้าอยู่ที่นี่ นายจะไปโรงเรียนสายก็ได้นะ”]
[“ไม่ล่ะ…วันนี้ฉันอยากพัก”]
ผมพูดพลางกัดฟันกรอด
ฟุตาบะกำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของผมราวกับว่าเธอพอใจสิ่งที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่ผมที่เหนื่อยแทบตายกลับนอนไม่หลับซะงั้น
[“ไม่มีทาง…ที่ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะว่าไม่อยากไปเจอหน้าคุณชิอินะใช่ไหมล่ะ?”]
[“ก็มีส่วนอยู่หรอก…”]
เหตุผลมีเเค่นั้นเเหละ
ผมกับเรียเรียนอยู่ห้องเดียวกัน เเละเมื่อวานนี้ผมปวดท้อง
[“ถ้างั้น นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันหรอก อีกฝ่ายเป็นคนนอกใจเองนี่นา เพราะงั้นเเล้วเราควรจับมือกันต่อหน้าคุณชิอินะเพื่อเเสดงให้เห็นว่าเรามีความสัมพันธ์กันเเบบไหน เหมือนที่เธอทํากับชินเซย์”]
เมื่อคืน ผมคุยกับฟุตาบะเรื่องความสัมพันธ์กับเรียในขณะนี้
เรามีข้อตกลงกันว่าผมจะติดต่อเธอล่วงหน้าถ้าไปพบหากับสมาชิกคนอื่นๆ ที่เป็นเพศตรงข้าม แต่เรียกำลังพบกับชายอื่นโดยไม่บอกให้ทราบ และเธอกำลังเดินจับมือกับเขาในที่ล้อมรอบไปด้วยคน
ผมก็ตื้นเขินเหมือนกันโดยที่ไม่รู้ว่าเรียเปลี่ยนไปเพราะชายคนอื่น
[“เเบบนั้นก็…ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากให้มันเป็นไปได้ด้วยดีอ่ะนะ”]
ผมไม่รู้ว่าใจของเรียยังมีความรู้สึกต่อผมอยู่ไหม แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่คิดอะไรกับการที่ผมกําลังจงใจที่จะไปยั่วยุ
เพราะอย่างแรกเลย ถ้ามีใครเห็นเหตุการณ์นี้ มันอาจทำให้ผู้ชายทุกคนหันมาเป็นศัตรูเราได้
[“ไม่มีทางที่จะไม่เจ็บใจเมื่อมีคนมานอกใจ ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ฉันจะฆ่าคนที่นอกใจนั่นทิ้งซะไปเลย”]
ฟุตาบะหันมาจ้องผมอย่างเยือกเย็น
ถ้าผมนอกใจเธอ เธอคงจะฆ่าผมจริงๆเเหง
[“แต่ถ้านายที่ถูกทิ้ง พยายามที่จะยอมอ่อนข้อให้กับเธอคนนั้นก็อาจมีความหวังสำหรับการแก้ปัญหาอย่างสันติ เว้นแต่ว่าคุณชิอินะซึ่งเป็นฝ่ายที่นอกใจนายจะฟ้องร้องพวกเราอ่ะนะ”]
เรียที่นอกใจผมเพราะความไม่พอใจ…มันเป็นไปได้จริงๆเหรอ?
ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ
ที่อยากจะสื่อคือ ผมอยู่ในสถานการณ์เเบบนั้น ผมก็คงเจ็บเหมือนกัน
[“สรุปเเล้ว…ชินเซย์จะลาหยุดไหม?”]
[“อืม”]
[“งั้นเเสดงว่า นี่คือช่องว่างระหว่างฉันที่ได้ที่หนึ่งกับอาซาฮิโอกะ ชินเซย์ ผู้ที่ได้ที่สองสินะ?”]
[“อั๊ก…”]
ในการสอบกลางภาคที่ผ่านมาในที่สุดผมก็ตามติดฟุตาบะจนได้
แต่ถ้าผมที่กําลังนอยอยู่ลาหยุดหนึ่งวัน นั้นก็หมายความว่าผมตามหลังเธออยู่ก้าวหนึ่ง
เเต่ผมไม่ได้ตั้งเป้าที่จะได้ที่หนึ่งอยู่เเล้ว
เเต่ผมจะอยู่ที่สองตลอดเวลาไม่ได้
เหมือนกับฟุตบอล หากคุณไม่กล้าไปเล่นเป็นตําเเหน่งประจําเหมือนทุกที คุณก็จะเสียตําเเหน่งนั้นไปให้กับสมาชิกคนอื่นในทีม
ในโลกของการแข่งขันนั้น ความล่าช้าหนึ่งวันอาจส่งผลต่อความเป็นอยู่ได้เลย
นั้นก็หมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่อันดับของผมจะร่วงลงไปจากอันดับสอง เเต่ผมไม่ต้องการคะเเนนไม่ดรอปไปกว่านี้เพราะ ผมตั้งเป้าที่จะยื่นโควต้าสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเด่นเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์
แต่พูดตามตรง ผมไม่คิดว่าผมจะมีสมาธิกับการเรียนหรือกิจกรรมชมรมถ้าไปโรงเรียนวันนี้
ผมจะทํายังไงดี…
[“…ถึงนายไม่มีสีหน้าเเบบนั้น หลังจากนี้ไป ฉันว่าจะให้นายมาค้างที่นี่เเล้วฉันจะช่วยติวให้นายเอง…”]
[“…เอ๋?”]
ขณะที่ผมกำลังหาหนทางอยู่นั้น ฟุตาบะก็พูดออกมาอย่างเขินอาย
[“เพราะฉะนั้น มันไม่ผิดหรอกถ้านายจะพักวันนึง นายที่พึ่งถูกคนรักหักหลังมา นายมีสิทธิ์ที่จะเอาเเต่ใจตัวเองพอที่จะขอพักได้อ่ะนะ”]
เรียนอกใจผม
ทั้งๆที่ผมเชื่อใจเธอมากกว่าใครๆ
ผมมีเพื่อนที่เห็นอกเห็นใจผม
ผมมีเพื่อนที่คอยปลอบใจผม
เเต่ สุดท้ายเเล้ว ฟุตาบะก็เข้ามากอดผม ใช้เวลาทั้งคืนกับผมและทำให้ผมหลุดพ้นจากความเหงาด้วยความอบอุ่นของเธอ
[“…ขอบคุณนะ ที่เธออยู่ด้วยกับฉันเมื่อคืน”]
[“…นี่ขอบคุณฉันอยู่จริงๆเหรอ?”]
ฟุตาบะทำหน้าสงสัย
[“จริงสิ”]
[“…ในเวลาเเบบนี้ ไม่คิดว่าเเสดงออกเป็นการกระทําจะดีกว่าหรอ?”]
จากนั้น ฟุตาบะค่อยๆหลับตาลง
[“…ก็จริงเเฮะ”]
ผมประกบริมฝีปากเธอเบาๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ไม่นานนักหลังจากที่พวกเราเตรียมตัวเสร็จ ผมกับฟุตาบะก็เจอกันที่ทางเข้าบ้าน
[“สรุป ชินเซย์จะกลับบ้านสินะ”]
[“อืม”]
ผมไม่คิดว่าเรียจะขาดเรียนวันนี้
ถ้าเรียอยากเจอผมยังไงเธอก็ต้องมาโรงเรียน เเต่ถ้าเธอขาดเรียนมันดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
ดังนั้นผมจะใช้เวลาตอนที่เธออยู่ที่โรงเรียน กลับบ้านเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพที่ใส่เสื้อผ้าที่ยืมมาจากโชว และกางเกงในที่โซระซื้อมาให้
[“ทั้งๆที่จะค้างอยู่บ้านฉันตลอดได้เเท้ๆ”]
[“ฉันค้างเธอไม่ได้หรอก ฉันมีน้องสาวที่ต้องดูเเลอยู่”]
[“น้องสาว…เหรอ…”]
ฟุตาบะพึมพำอย่างมีความหมาย เเละดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะมาพบน้องสาวของผมเป็นการส่วนตัว
แน่นอนว่า ถ้าเธอกับมิโอริเข้ากันได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่หรอก…แต่ผมรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยที่ดูเหมือนว่าเธอจะบีบให้เหลือเพียงทางเลือกเดียวตั้งแต่เนิ่นๆ
[“งะ งั้น ไป
[“เดี๋ยว ก่อนหน้านั้น…”]
[“มีอะไร──อื๊อ!?”]
[“…’ไปก่อนนะ’…อยู่ไหน?”]
ฟุตาบะพูดออกมาอย่างเคอะเขินพร้อมกับริมฝีปากของเธอที่ดูมันวาว
[“คุณฟุตาบะ…”]
ผมอยากจะกอดสาวน้อยน่ารักผู้ชั่วร้ายคนนี้อย่างหุนหันพลันแล่น
โดยธรรมชาติแล้วแขนของเธอจะยื่นออกมาและผมเข้าโอบกอดเธอ
ถึงหุ่นเธอจะสเลนเดอร์ แต่เธอมีร่างกายที่เนียนนุ่ม
พร้อมกับมีกลิ่นดอกมะลิเเละกลิ่นเหมือนเเชมพูจากผมยาวสีดําของเธอ
มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุข เเละอยากทำแบบนี้ตลอดเวลาไป
[“…นี่ ชินเซย์”]
[“…มีอะไรหรอ?”]
[“ช่วยหยุดเรียกฉันว่า ‘คุณฟุตาบะ’ จะได้ไหม?”]
[“…เอ๋?”]
เธอไม่พอใจหรอที่เราเรียกเธอว่า ‘คุณฟุตาบะ’
เมื่อผมเอียงศีรษะด้วยความงุนงง เธอก็ยิ้มเขินนิดๆ
[“ถ้าเป็นชินเซย์ล่ะก็ เรียกฉันว่า ‘เรย์นะ’ ก็ได้นะ”]
เธอเข้ามากระซิบข้างหูเเละทําให้ผมหน้าแดง
ป่านนี้เเล้วเรายังจะมาอายอะไรอีกเนี่ย? เธอคงจะหัวเราะเยาะผม แต่มันเป็นคำขอที่กระตุกจิตผมสุดๆ
[“…เข้าใจเเล้ว เรย์นะ”]
[“…พอถูกเรียกเข้าจริงๆเเล้ว ฉันรู้สึกว่ามันไม่เข้ากับนิสัยของชินเซย์สักเท่าไหร่”]
[“ทั้งๆที่เธอบอกฉันเองเนี่ยนะ!?”]
ดูไร้เหตุผลไปหน่อย
[“ล้อเล่น ล้อเล่นน่า…เอ้า ไปได้เเล้วชินเซย์”]
เรย์นะขยับออกห่างจากผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
หน้าตาของเรย์นะพร้อมกับแก้มของเธอมีสีแดงระเรื่อนั้นดูสวยมาก──
[“…!?”]
ชั่วขณะหนึ่ง ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผมมองเห็นเรย์นะเป็นสาวรักครั้งแรกของผม
──ไปกันเถอะ ชินเซย์!
ผมรู้สึกว่าผมได้ยินเสียงที่น่าคิดถึงจากที่ไหนสักแห่ง
[“…มีอะไรรึเปล่า? ชินเซย์”]
เรย์นะเอียงหัวด้วยความสงสัย เมื่อเธอออกมาจากบ้าน ภาพหญิงสาวรักเเรกของผมก็จางหายไป
[“…ป่าว ไม่มีอะไรหรอก”]
เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรนะ …ถ้าคนนั้นเป็นเรย์นะก็คงดีไม่ใช่น้อย
◇
หลังจากที่แยกทางกับเรย์นะระหว่างทาง ผมก็มุ่งหน้าไปยังเเมนชันโดยระแวดระวังรอบข้าง
เหตุผลที่ต้องระแวดระวังเพราะมีโอกาสที่อาจบังเอิญไปเจอเรียที่อาศัยอยู่ระเเวกเดียวกับผม
อย่างไรก็ตาม ความกลัวของผมได้หายไปและผมก็กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
[“แต่ถึงกระนั้น…เเค่ไม่ได้กลับบ้านวันเดียว ทําไมมันรู้สึกห่างหายไปนานเเบบนี้นะ”]
ผมหยิบกุญแจห้องออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นสอดเข้าไปช่องปลดล็อคของลูกบิดเเละหมุนลูกบิดประตู
หลังจากที่ผมเข้าไปในห้องเเล้ว ผมก็มุ่งหน้าไปที่ห้องเปลี่ยนชุดโดยทันที จากนั้นถอดเสื้อผ้าและใส่ลงในเครื่องซักผ้า
พรุ่งนี้ผมเอาเสื้อผ้าที่ยืมมาจากโชวไปคืน
ผมโยนกางเกงในสีชมพูที่เรย์นะบอกว่า “สีของกางเกงในตัวที่ใส่อยู่ดูน่ารักดีนะ” ลงไปในเครื่องซักผ้าด้วย
จากนั้น ผมกดปุ่มให้เครื่องซักผ้าเริ่มทํางานเเละออกไปยังทางเดินหน้าห้องด้วยสภาพชีเปลือย
เสื้อผ้าอยู่ในห้องส่วนตัวผม ผมจึงมุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเอง
[“รู้สึกหวิวๆเเปลกๆเหมือนกันเเฮะ ตอนชีเปลือย”]
ในตอนนั้นเองที่ผมพึมพำบางอย่างกับตัวเอง
ประตูหน้าที่อยู่ด้านหลังผมเปิดออกพร้อมกับได้ยินเสียงกึกๆ
[“หว๋า!?”]
ใครมาอะไรตอนนี้ว่ะเนี่ย!?
มิโอริควรจะอยู่ที่โรงเรียนในตอนนี้…
ผมล็อคประตูไปเเล้ว…อย่าบอกนะว่ามีโจร!?
ด้วยความตื่นตระหนก ผมจึงรีบเข้าไปในห้องของมิโอริซึ่งอยู่ข้างๆเพื่อซ่อนตัว
ผมซ่อนลมหายใจและอ่านสถานการณ์
ผมได้ยินเสียง ปิดประตูจากประตูหน้าและเสียงคนเดินตามทางเดินหน้าห้อง
ถ้าเป็นโจรจริงๆล่ะก็…
[“…”]
ผมจะทํายังไงดี…? ในสภาพชีเปลือย…?
มีอะไรในห้องที่ใช้เป็นอาวุธได้บ้างไหม? ผมคิดเช่นนั้น แต่ไม่มีอะไรในห้องน้องสาวของพี่ชายมัธยมปลายอย่างผมที่จะใช้เป็นอาวุธได้
ถ้าเป็นห้องห้องของผม ผมยังมีดาบไม้ที่ผมซื้อกับโชวตอนไปทัศนศึกษาช่วงม.ต้นอยู่
…มาคิดดูตอนนั้น เรียก็รู้สึกตกใจมากเหมือนกัน…
นี่ไม่ใช่เวลาที่จมอยู่กับความทรงจําอมทุกข์
จู่ๆ เสียงฝีเท้าก็มาหยุดที่หน้าห้องที่ผมซ่อนอยู่
ไม่จริงใช่ไหม? เขารู้หรอว่าผมซ่อนอยู่ห้องนี้?
ถ้าเป็นเเบบนั้นเเล้ว…ก็คงเหลือเเค่ทางเดียวคือทําให้โจรตกใจเเละหนีไป
ทันทีที่ประตูห้องค่อยๆเปิดออกนั้น ผมพยายามจะโจมตีคนที่ปรากฏตัวโดยการตะโกนว่า “เห้ย!” และกดชกต่อย──
[“…อาเร๊!?”]
ทันใดนั้น ผมก็ได้หยุดอยู่กับที่
นั้นเพราะคนที่ปรากฏตัวนั้นไม่ใช่โจร แต่เป็นหญิงสาวที่ผมคุ้นเคยในชุดนักเรียน
เธอมีผมสีน้ำตาลยาวถึงไหล่และใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่
เรือนร่างของหญิงสาวคนนั้นเล็กจนมีความคิดว่าถ้าโจมตีเข้าไปอาจทําให้กระดูกของหญิงสาวหักได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์เหมือนคนป่วย──ก่อนอื่นเลยทั้งๆที่ดูขี้โรคเเท้ๆ เเต่กลับนิสัยรุนเเรงเเถมปากเสียซะงั้น
สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูไม่ประหลาดใจเเต่อย่างใด เเละมองมาที่ผมอย่างเงียบๆ ที่ให้ความรู้สึกบีบคั้น
เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นก็คือมิโอริซึ่งควรจะอยู่ที่โรงเรียนในขณะนี้
[“…”]
[“…”]
สถานการณ์อันเเสนโหดร้าย ที่พี่ชายที่กําลังพยายามทําร้ายน้องสาวของตัวเองในสภาพชีเปลือย
ความเงียบงันที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย
[“…ขอโทรเเจ้งตํารวจนะคะ”]
นั่นคือสิ่งแรกที่มิโอริพูดด้วยสีหน้าเย็นชา หลังจากเจอสถานการณ์ในตอนนี้
มิโอริหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเครื่องแบบและกดปุ่มเปิดหน้าจอโดยไม่ลังเล
[“ดะ เดี๋ยวก๊อนน!?”]
[“อ๊ะ เกือบลืม อย่างเเรกต้องมีหลักฐานก่อน…”]
มิโอริที่ดูเหมือนจะจัดเรียงความคิดได้เเล้ว หันโทรศัพท์ฝั่งกล้องหลังของโทรศัพท์มาที่ผมเเละลั่นกดชัตเตอร์
[“ทะ ทําอะไรของเธอ!?”]
[“หนูสิที่ต้องถาม พี่มาทําอะไรในห้องหนูในสภาพล่อนจ้อนกันเนี่ย? จะไปว่าเมื้อกี้พี่จะโจมตีใส่หนูใช่ไหม? หนูไม่คิดเลยว่าพี่ชายตัวเองจะเป็นซิสค่อนเนี่ย”]
มิโอริมองมาที่ผมด้วยสายตาอันรังเกียจ
สายตานั้นมองมาที่ผมราวกับว่า “อย่าเข้ามาใกล้นะ ไอ้คนสกปรก”
มิโอริกอดอกราวกับเป็นการป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้พี่ชายคนนี้เข้าใกล้
ถ้าขืนเป็นเเบบนี้ต่อไป เเย่เเน่ๆ…
หลังจากที่ชายคนหนึ่งเลิกกับหญิงสาวเพราะนอกใจ เขาได้ไปหาเเฟนสาวคนใหม่เเละพยายามทําร้ายน้องสาวของตัวเอง
[“เข้าใจผิดเเล้ว! มันก็เเค่ไทม์มิงเเย่เฉยๆ!”]
ผมพยายามเเก้ต่างให้ตัวเองกับสถานากรณ์ในตอนนี้ ถ้าเกิดว่ามิโอริเข้าใจผิดไปผมอาจเสียตำแหน่งผู้นําตระกูลอาซาฮิโอกะไปได้ในอนาคต
[“เฮ้อ…หนูจะฟังขอเเก้ตัวทีหลังค่ะ เเต่ก่อนหน้านั้นช่วยไปใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะค่ะ”]
[“อ๊ะ…”]
ผมเอามือมาท่อนล่างอย่างรวดเร็ว
…ทําไมเธอยังใจเย็นได้อีกเนี่ย ในสถานการณ์เเบบนี้
ต้องเป็นพี่ชายแบบไหนที่ล่อนจ้อนอยู่ในห้องของน้องสาวคนเดียว?
[“…ไปก่อนนะ”]
[“ช่วยทําเเบบนั้นด้วยค่ะ”]
[“เเล้วก็ อย่าโทรหาตํารวจนะว้อย”]
[“นั่นขึ้นอยู่กับขอเเก้ตัวของพี่ค่ะ”]
มิโอริพูดด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ
หลังจากที่ผมเเต่งตัวเรียบร้อยเเล้ว ผมหันหน้าไปหามิโอริที่อยู่ตรงโต๊ะในห้องนั่งเล่น
[“อย่างงี้นี่เอง…สรุปเเล้วคือพี่คุมความหื่นตัวเองไม่อยู่เลย อยากกับหนูสินะคะ?”]
[“ก็บอกว่า ไม่ใช่ไง!”]
จนถึงจุดหนึ่ง ผมได้อธิบายว่าทำไมถึงเหตุการณ์เเบบนั้นขึ้น แต่มิโอริกลับไม่ฟังสักนิด
มิโอริชอบหยอกผม แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ามิโอริตัดสินใจโดดเรียนในขณะที่ตัวเองกําลังเดินทางไปยังโรงเรียน
เเละดูเหมือนว่า ผมจะบังเอิญไปเจอมิโอริในขณะที่เธอกำลังกลับเข้าห้องของตน
ผมอยากจะสอนเธอว่าอย่าโดดเรียนโดยไม่มีเหตุผล แต่ผมพูดได้ไม่เต็มปากเพราะผมก็โดดเรียนเหมือนกัน
[“เรื่องนัั้นขึ้นอยู่กับฉันค่ะ เรื่องที่ว่าพี่ตั้งใจจะทำอะไรนั้น จนถึงป่านนี้แล้วมันไม่เกี่ยวกับคนรอบๆข้างแล้ว มันจะเป็นยังไงก็เป็นไป ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน ในตอนนั้นต่อให้เจ้าตัวจะคิดยังไงก็ไม่เกี่ยวค่ะ ก็เพราะว่ายังไงซะไอเรื่องความเห็นของเจ้าตัวจะเป็นยังไงเนี่ยก็ไม่มีใครที่จะสามารถยืนยันได้หรอก”]
หลังจากมิโอริเทศนาผมเสร็จ เธอโชว์ภาพที่เธอเพิ่งถ่ายออกมาเมื่อกี้ให้ผมดู
ท่อนล่างถูกปิดบังไว้ เเต่ก็ยังเห็นผมในสภาพเปลือยท่อนบน
[“พี่คะ ดูนี่สิคะ ใบหน้าน่าสงสารของคนในภาพนี้ คิดเห็นยังไงบ้างคะ?”]
[“มันสะท้อนมาหาพี่เลยเเหละ…?”]
[“นั่นต้องขอโทษด้วยค่ะ หนูไม่ทันสังเกตเลย”]
มิโอริซ่อนรอยยิ้มบนปากด้วยมือซ้ายอย่างสง่างาม
…ปีศาจชัดๆ
[“เอาล่ะ หนูทํายังไงกับรูปนี้ดีคะเนี่ย? ให้หนูส่งรูปไปให้พ่อเเม่ที่อยู่ต่างประเทศดูไหม…หรือจะให้เเฟนของพี่ดู คุณชิอินะน่ะ?”]
[“อ๊ะ ลืมบอกไปเมื่อวานพี่เลิกกับชิอินะเเล้วน่ะ”]
[“…เอ๋?”]
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มิโอริก็ผงะไปชั่วขณะ
แต่แล้วเธอก็เริ่มแสดงรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
[“หะ…เห~ อย่างงั้นหรอคะ สุดท้ายก็เลิกกันสินะคะ…”]
ปากของมิโอริค่อยๆผ่อนคลายลง
ดีใจขนาดนั้นเลย? ที่ผมเลิกกับเเฟน?
[“เห็นไหมหนูบอกเเล้ว เรื่องรักๆใคร่ๆสําหรับพี่น่ะไปไม่รอดหรอก ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต คงไม่มีวันที่พี่จะได้เเต่งงานกับเจ้าสาวหรอก เพราะฉะนั้น พี่จงโตเป็นผู้ใหญ่เเล้วมาเลี้ยงดูเเลหนูซะดีๆเถอะ── “]
[“เเต่ว่า เมื่อวานพี่ได้เเฟนคนใหม่ได้เเล้วล่ะ”]
[“…หะ ว่าไงนะ?”]
ใบหน้าของมิโอริกลับมาบึ้งตึงอีกครั้ง
หึหึ อย่ามาดูถูกพี่ชายคนนี้สิ น้องสาวเอ๋ย
เเม้ว่าพี่ชายคนนี้จะดูเป็นคนเจ้าเล่ห์เเต่ก็หาเเฟนใหม่เป็นกับเขานะ
ถึงเเม้ว่าจะเป็นครั้งเเรกที่เเฟนนอกใจผมก็เถอะ…
[“เป็นไง ตกใจไหมล่ะ?”]
[“…ตกใจสิ ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายของหนูเป็นคนอวดดีที่วางมือกับเเฟนเก่าโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอ”]
[“วางมือกับเเฟนเก่าเนี่ย…”]
ไอคําที่เธอพูดออกมาคิดว่ามองผมเป็นคนยังไงเนี่ย?
[“…ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ได้เป็นพี่น้องต่างสายเลือดหรอ?”]
[“กะ…ก็จริงเเฮะ”]
อย่างที่มิโอริพูด พวกเราเป็นพี่น้องต่างสายเลือด
ผมเสียแม่ไปหลังจากที่เกิดได้ไม่นาน ส่วนมิโอริก็เสียพ่อไปตอนอายุได้สองขวบ
ต่างคนต่างสูญเสียคนที่รักไป จึงได้แต่งงานใหม่และกลายมาเป็นครอบครัวอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
พวกเราพบกันครั้งแรกเมื่อตัวมิโอริอายุได้ห้าขวบ
แม้ว่าในตอนนั้นพวกเรายังเด็ก แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าในฐานะพี่ชายและน้องสาว และการที่มิโอริใช้คำให้เกียรติกับผมก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งนั้น
[“อย่ามาทําอะไรพิเรนๆเพียงเพราะฉันเป็นลูกสาวเเม่ใหม่ล่ะ”]
มิโอริจ้องมาที่ผมด้วยท่าทางระแวดระวัง
[“ไม่ทําหรอกหน่า!”]
[“เเปลว่าเข้าใจเเล้วสินะ? หรือว่าที่เมื่อวานไม่ได้กลับบ้านเพราะไปค้างบ้านผู้หญิงคนนั้น?”]
[“อืม…”]
[“เลยทิ้งน้องสาวที่เเสนจะน่ารักไว้ตามลำพังและกลับบ้านในตอนเช้าเนี่ยนะ”]
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมรู้สึกเจ็บนิดๆ
[“ขอโทษนะ ช่วยให้อภัยด้วยเถอะ”]
[“ไม่ค่ะ ฉันไม่ให้อภัยค่ะ”]
มิโอริเบือนหน้าหนีพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้งและทําแก้มป่อง
[“พี่ต้องโดนลงโทษค่ะ”]
ลงโทษเนี่ย…จะให้ทําอะไรหนอ?
ผมรู้สึกว่ามิโอริที่กำลังอารมณ์ไม่ดีอาจจะทำอะไรพิเรณๆบางอย่าง อย่างการส่งภาพที่ถ่ายเมื่อกี้ไปให้คนอื่น…
[“ละ เเล้วจะลงโทษอะไรล่ะ?”]
เมื่อผมถามกลับด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของมิโอริกลับเปล่งประกายอย่างน่าสงสัย
———
โปรดติดตามตอนต่อไป เเฟนเก่า VS เเฟนใหม่
สามารถติดตามได้ที่เพจ FB : Mxgic (@mxgicillust)