หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น - ตอนที่ 10 กลับไปเป็นเหมือนเเต่เก่าไม่ได้เเล้ว
- Home
- หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น
- ตอนที่ 10 กลับไปเป็นเหมือนเเต่เก่าไม่ได้เเล้ว
ผมเริ่มคุยกับเรียเป็นครั้งเเรกคือตอนฤดูใบไม้ร่วงของมัธยมต้นปีเเรก
เรีย ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นที่เดียวกับผม ตอนช่วงต้นเดือนกันยายยนซึ่งพวกเราได้ที่นั่งติดกัน
เเต่ว่า พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย
สมัยนั้นผมยังอยู่ในวัยกระเตาะ การพูดคุยกับผู้หญิงหน้าใหม่จึงเป็นเรื่องยากสําหรับผม
ตอนนั้นผมได้เเต่คิดว่า บางทีพวกเราอาจจะเป็นแบบนี้ตลอดไป เเละไม่ได้เปิดปากคุยกันสักประโยค
เป็นเวลาเดือนครึ่งเเล้ว ที่เธอย้ายมาโรงเรียนนี้ โดยไม่มีความคืบหน้าในด้านการปฏิสัมพันธ์สักนิดเลย
ในช่วงปลายเดือนตุลาคม โรงเรียนของเราได้มีการจัดงานกีฬาสี ผมได้คู่กับเรียในการเเข่งขันวิ่งสามขา
ตอนที่ผมกับเรียได้คู่กันนั้น ผมรู้สึกกังวลมากว่า ควรจะพูดอะไรกับเธอดี ซึ่งเธอได้เดาะลิ้นใส่ผม
ผมจําได้ว่า ตอนที่ผมซ้อมวิ่งผลัดกับเธอ บางครั้ง เธอจะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาอันทิ่มเเทง
ทําให้ทุกครั้งที่พวกเราซ้อมกัน ผมรู้สึกอึดอัดมาก เเละต้องใช้เวลากับบรรยากาศเเบบนั้น เป็นเวลาเกือบเดือนหนึ่งเต็มๆ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ผมจึงเริ่มพูดคุยกับเรียอย่างกระตือรือร้น เเม้ตอนที่ไม่ได้ซ้อมด้วยกันก็ตาม
เรียโต้ตอบผมอย่างหดหู่ เเต่ผมก็ยังไม่ท้อถอยเเละพูดคุยกับเธอต่อไป
เเละเมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง เรียก็เริ่มฟังผมด้วยเสียงหัวเราะเเละรอยยิ้ม
นั่นทําให้ผมกลับมามีความสุขอีกครั้ง เเละอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ เราสองคนเลยตัดสินใจออกไปข้างนอกด้วยกัน
กว่าผมจะรู้ตัว ผมก็ได้ตกหลุมรักเรียไปซะเเล้ว
จากนั้น…ในฤดูร้อนมัธยมต้นปีสอง ผมก็ได้ไปสารภาพรักกับเธอ เเละเธอตกลงที่จะคบกับผมโดยการตอบ ‘โอเค’
หลังจากที่พวกเราเป็นเเฟนกัน พวกเราก็ได้มีความทรงจําร่วมกันมากมาย
ไม่ได้มีเพียงเสียงหัวเราะ เเต่ก็ยังมีเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันนับครั้งไม่ถ้วนอีกด้วย
เเละมันไม่ใช่เพียงครั้งหรือสองครั้งที่เราเลิกกัน
ถึงกระนั้น พวกเราก็ผ่านพ้นมาได้…ตามที่เราตั้งใจไว้
[“…ไม่ได้มาที่นี่นานเเค่ไหนเเล้วนะ”]
ผมอยู่หน้าบ้านของเรียเเละพึมพํากับตัวเอง ขณะคิดย้อนกลับไปสมัยก่อน
เมื่อลองคิดดูเเล้ว ผมไม่ได้มาบ้านเรียมาสักพักหนึ่งเเล้ว เเม้ว่ามันจะเป็นทางผ่านตอนกลับก็ตาม
ทั้งๆที่เมื่อก่อน ผมชอบมาเล่นเเละติวกับเธอที่นี่
โอกาสเเบบนั้นคงจะไม่มีอีกเเล้ว วันนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเข้ามาเหยียบยํ่าที่เเห่งนี้
ผมมองไปที่ด้านข้างของป้ายชื่อ ‘ชิอินะ’ เเละนํานิ้วกดปุ่มอินเตอร์คอม
[“ค่า~”]
ผมได้ยินเสียงของเเม่เรียดังออกมาจากลําโพงของอินเตอร์คอม
จากนั้น ก็ได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านเปิดออก
[“อุ๊ย อาซาฮิโอกะคุง ยินดีต้อนรับจ๊ะ”]
[“สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ”]
เมื่อดูจากปฏิกิริยาของเเม่ของเรีย ดูเหมือนว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับเรีย
[“เรียอยู่รึเปล่าครับ?”]
[“อื้ม อยู่สิจ๊ะ เข้ามาข้างในก่อนสิ”]
ผมถูกเชิญขอให้เข้าไปในบ้าน จากนั้นเธอก็นําพาผมไปยังห้องของเรีย
ในระหว่างที่เธอพาผมไปยังห้องเรีย ‘เกี่ยวกับเรียไม่ไปโรงเรียนเพราะไม่ค่อยสบาย ไม่ใช่ว่าจริงๆเเล้วเกิดเรื่องอะไรเเย่ๆที่โรงเรียนรึเปล่า?’ ‘คนเป็นเเฟนคงจะรู้อะไรบ้างใช่ไหม?’
ผมถูกถามเช่นนั้น
เนื่องจากเรียไม่ได้บอกกับเเม่ของตัวเองโดยปากต่อปาก ผมจึงไม่สามารถบอกความจริงได้ ดังนั้น ผมจึงได้เเต่ตอบกลับไปว่า ‘ผมก็ไม่รู้ครับ’
เมื่อเรามาถึงหน้าห้อง เเม่ของเรียก็ได้นํามือไปเคาะที่ประตู
ก่อนที่มือของเธอจะไปถึงประตู ผมได้หยุดมือของเธอไว้เเละบอกกับเธอไปว่า ‘ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเองครับ’
[“ถึงจะเป็นคําขอที่เห็นเเก่ตัวไปหน่อย…เเต่ขอฝากเรื่องของเรียด้วยนะ อาซาฮิโอกะคุง”]
เมื่อผมเห็นรอยยิ้มเศร้าสร้อยของเธอ มันทําให้ผมรู้สึกเจ็บปวดร้าวไปยันหัวใจ
เเม่ของเรียชื่นชมตัวผมตั้งเเต่สมัยผมอยู่มัธยมต้น จึงทําให้ความสัมพันธ์เรา สนิทกันจนเหมือนเป็นครอบครัวที่สองของผม
เเต่ว่า หลังจากนี้ไป ผมคงไม่ได้ใช้เวลากับเรียอีกต่อไปเเล้ว
เมื่อเเม่ของเรียลงไปข้างล่าง ผมก็หันมาที่ประตูห้องอีกครั้ง
ผมหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง เเล้วเคาะประตูที่มีป้ายชื่อเขียนว่า ‘เรีย’
[“เรียอยู่ไหม? ชินเซย์เองนะ”]
ถึงจะไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เเต่ผมก็สัมผัสได้ว่ามีคนกําลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านใน
[“…เข้าไปล่ะนะ”]
เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ก็ได้พบกับห้องที่ไม่มีเเสงไฟ เเละเรียที่กำลังนั่งขดตัวอยู่บนเตียงข้างหน้าต่างโดยมีผ้าม่านปิดไว้อยู่
เธอซบหน้าลงไปกับเข่า ทําให้ผมไม่เห็นสีหน้าของเธอ
[“ฉันนั่งตรงนี้นะ”]
ผมนั่งเว้นระยะห่างจากเรียเล็กน้อย ซึ่งเธอไม่เเม้เเต่จะมองมาที่ผม
[“นี่ เรีย กินข้าวบ้างรึเปล่า? เเม่เธอเป็นห่วงนะ”]
[“…ฉันเชื่อว่ายังไงชินเซย์ก็ต้องมาหาฉันเเน่นอน”]
ในขณะที่ก้มหน้าลง เรียก็ได้พูดด้วยนํ้าเสียงซึมๆ
[“เเต่โดยทั่วไปเเล้ว คนที่ทิ้งไปจะเป็นฝ่ายมาหานะ”]
[“…อาจจะเป็นงั้นก็ได้”]
เรียยังคงไม่มองมาที่ผม
ตอนที่เราทะเลาะกัน เรียไม่เเม้เเต่จะสบตาผมเลย
[“หรือว่าเธอมองฉันเป็นผู้ชายประเภทที่มาหาคนที่ทิ้งตัวเองไปโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเหรอ?”]
[“ชินเซย์ก็…มีด้านเเบบนั้นเหมือนกัน”]
[“…ด้านไหนเล่า?”]
[“ด้านเเบบนั้นเเหละ”]
[“นั้นไม่ใช่คําตอบนะ”]
[“ยุ่งน่า”]
ในที่สุดจมูกของเรียก็ย่นเเละหันมามองผม
[“…ผอมลงรึเปล่าเนี่ย?”]
เเก้มจมลง หน้าซีด พร้อมกับมีรอยคลํ้าหนาใต้ตา
[“เเล้วชินเซย์ ไม่อ้วนไปหน่อยเหรอ?”]
[“เพราะอยู่ในวัยเจริญเติบโตอ่ะนะ”]
ปีที่เเล้วผมไม่สูงขึ้นสักกะมิลเดียวเลย
[“คุณฟุตาบะ ไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่าชินเซย์เป็นคนอ้วนง่ายน่ะ”]
[“…น่าจะนะ”]
เรย์นะดูเหมือนสนุกกับการทําข้าวกล่องให้ผมทุกวัน
ยิ่งผมกินของทอดอย่างเอร็ดอร่อย ปริมาณก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นในวันถัดๆไป
ตอนเเรกมีเเต่ผัก เเต่นานๆเข้า เครื่องเคียงค่อยๆเปลี่ยนเเปลงไป จนสุดท้ายก็จบลงที่ของทอด
ผมอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับ ตอนที่เรียเริ่มทําข้าวกล่องมาให้ผมกินเป็นครั้งเเรก
[“นํ้าหนักขึ้นมาเท่าไหร่เนี่ย?”]
[“เห็นเเบบนี้ เเต่จริงๆเเล้วฉันไม่ได้อ้วนนะ”]
[“จริงเหรอ?”]
เรียมองมาที่เรือนร่างของผมด้วยความสงสัย เเล้วพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
[“เอ่อ…เท่าที่ดู คงขึ้นมาสักสองกิโลสินะ”]
[“ระ รู้ได้ไงเนี่ย”]
เพราะเธอตอบถูก ทําให้ผมตอบกลับไปด้วยนํ้าเสียงที่เเปลกประหลาด
[“มันเขียนไว้บนหน้าน่ะ”]
[“หน้าของฉันไม่ใช่ที่ชั่งนะโว้ย…ขอเเบบซีเรียส เธอรู้ได้ยังไง?”]
[“ก็เเค่ฉันอยู่กับนายมานานเเล้ว เท่านั้นเเหละ”]
[“ถ้าฉันมองออกว่าเธอนํ้าหนักขึ้นคงจะโกรธฉันน่าดูเลย”]
[“…ไม่ใช่ว่ามาที่นี่ มีเรื่องจะคุยอะไรกับฉันหรอกเหรอ?”]
เรียเลิกพูดออกนอกประเด็น เเละกลับเข้ามาในโหมดจริงจังอีกครั้ง
[“ไม่งั้นคงจะไม่มาบ้านเเฟนเก่าหรอก จริงไหมล่ะ?”]
[“ฉัน…มีเรื่องที่อยากจะถามเรียน่ะ”]
[“ก็คิดไว้เเล้วเเหละ เพราะถ้านายไม่มีธุระกับเเฟน นายก็จะไม่โทรหาเธอ ส่วนฉันโทรหานายเพราะอยากได้ยินเสียงของนาย”]
[“เเต่ช่วงนี้ ฉันได้สายเยอะขึ้นกว่าเเต่ก่อนอีกนะจะบอกให้”]
[“…เรื่องนั้นก็จริง เเล้ว เรื่องที่จะถามเนี่ยคืออะไร?”]
อาจจะเป็นประเด็นที่เรียไม่อยากพูดถึง เธอจึงวกกลับมาเข้าประเด็นหลักอีกครั้ง
ถ้าคําถามที่ผมจะถามเธอโดนเธอเบี่ยงประเด็น การที่ผมมาที่นี่ก็คงจะเสียเปล่า…
ผมเชื่อใจเธอเเละเปิดปากถาม เเม้ว่าผมจะกลัวกับความกลัวนั้นก็ตาม
[“เกี่ยวกับผู้ชายที่เดินกับเรียวันนั้น…เขาคนนั้นเป็นเพื่อนสมัยประถมจริงๆเหรอ?”]
[“อันนั้นฉันโกหกน่ะ”]
ยอมรับว่าตัวเองพูดโกหกเนี่ย…ไม่ไหวเลยนะ
[“ถ้างั้น ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? เเล้วรู้จักกันได้ยังไง?”]
[“ถ้าฉันบอกว่า โซระจังเป็นคนเเนะนําให้ฉันรู้จักกับผู้ชายคนนั้นซึ่งเป็นพนักงานร้านขายเสื้อผ้า เพราะฉันขอคําปรึกษาเธอเรื่องเเฟชั่น …ชินเซย์จะเชื่อไหม?”]
เรียเองก็คงรู้ดีว่าคําพูดของตัวเธอเองนั้นเเทบจะไม่มีความน่าเชื่อถือ
เเต่สําหรับผมเเล้ว มันเชื่อมต่อกับสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน สุดท้ายเเล้วโซระไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เเล้ว
[“บอกไว้ก่อนนะว่า ที่ฉันโกหกเรื่องที่ว่าเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉัน ฉันไม่ได้พยายามจะปิดบังเรื่องที่ฉันนอกใจนะ”]
[“ใครเขาจะไปเชื่อกันล่ะ”]
[“สมัยก่อน ตอนที่ชินเซย์ไปเจอกับเพื่อนสมัยเด็กก็ไม่เห็นจะบอกฉันเลย ฉันก็นึกว่านายจะนอกใจฉันเหมือนกัน เเต่สุดท้ายเเล้วฉันก็ให้อภัยนายจริงไหมล่ะ?”]
เพราะเเบบนั้น พวกเราเลยตั้งกฏกันขึ้นมา
การที่ไปพบปะกับเพศตรงข้ามโดยตัวคนเดียว จําเป็นต้องบอกอีกฝ่ายล่วงหน้า
เเต่เรียได้ไปพบกับผู้ชายคนหนึ่ง โดยไม่ได้เเจ้งให้ผมรู้ล่วงหน้า ซึ่งก็หมายความว่าเธอทําผิดกับสิ่งที่เราตกลงกันเอาไว้ ผมจึงตัดสินใจไปว่าเธอนอกใจผม
[“เหมือนกับครั้งนั้นเเต่ครั้งนี้สลับฝั่งกัน ฉันเเค่โกหกชินเซย์โดยหวังว่าครั้งนี้นายจะยกโทษให้ฉันบ้าง”]
[“งั้น ถ้าเรียไม่ได้ตั้งใจที่จะนอกใจ เเล้วทําไมเธอถึงไปพบปะกับผู้ชายคนนั้น?”]
[“…วันนั้น ฉันขอให้เขามากับฉัน เพื่อช่วยเตรียมตัวสําหรับการเดทกับกับชินเซย์ซึ่งควรจะเป็นเมื่อวานนี้น่ะ”]
เรียส่ายหัวของเธอไปมาเเละใช้มือข้างหนึ่งลูบใบหน้าตนเองราวกับว่ากําลังเสียใจ
[“เตรียมตัว…เดท?”]
[“ตอนที่ฉันไปเจอกับเขา…ก็ได้คุยปรึกษากัน เกี่ยวกับชุดที่ฉันไม่ค่อยใส่หรือไม่ก็เเผนการเดท อะไรพวกนี้เเหละ”]
[“นั่นก็หมายความว่า…โซระเเนะนําในเธอรู้จักกับไอผู้ชายคนนั้นในฐานะคนคอยให้คําปรึกษาด้วยใช่ไหม?”]
จากที่ฟังเรื่องราวเเล้ว ก็ดูสมเหตุสมผลไม่น้อย
โซระเเนะนําผู้ชายคนนั้นให้รู้จักกับเรียซึ่งมีเเฟนอยู่เเล้ว เพราะเรียอาจต้องการใครสักคนที่จะปรึกษาด้วย
ถึงจะเป็นเเบบนั้นจริง เเต่มันก็น่าเเปลก ที่โซระไม่อธิบายอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นให้เราฟังเลย
[“ทําไมจู่ๆ มีชื่อโซระจังปรากฏขึ้นมา?”]
หลังที่เรียได้ยินคําถามของผม เธอได้เกิดสงสัยขึ้นมาเเละพลางเอียงศีรษะ
[“ก็…โซระเเนะนําให้เธอรู้จักร้านนั้นใช่ไหมล่ะ?”]
[“ก็จริงอยู่หรอก…เเต่ว่าฉันไม่ได้รู้จักผู้ชายคนนั้นผ่านการเเนะนําโซระจังนะ”]
[“งั้นหรอกหรอ? ฉันนึกว่าโซระรู้จักผู้ชายคนนั้นเเล้ว เเนะนําให้เขารู้จักกับเรียซะอีก”]
[“เอ๋? โซระจังรู้จักกับผู้ชายคนนั้นหรอ?”]
[“…หะ? เธอไม่รู้หรอ?”]
[“ฉันพึ่งได้ยินเป็นครั้งเเรกเลยว่าทั้งสองคนรู้จักกันเนี่ย”]
ผมเข้าใจว่า เรียไม่ได้ถูกเเนะนําให้รู้จักกับหมอนั่นโดยโซระ
เเต่มันน่าเเปลกตรงที่เรียไม่รู้ว่าโซระกับหมอนั่นรู้จักกัน
[“เธอไม่คิดบ้างหรอว่าพนักงานร้านที่โซระเเนะนําให้เธอรู้จัก อาจจะรู้จักกับโซระเป็นการส่วนตัวน่ะ?”]
[“ถึงจะพูดเเบบนั้นก็เถอะ…เเต่โซระจังยังไม่เคยเข้าไปเหยียบร้านนั้นเลย”]
[“หมายความว่า โซระเเนะนําร้านที่เเม้เเต่ตัวเองก็ยังไม่เคยเข้าไปเลย…สินะ?”]
[“อืม ฉันรู้จักร้านนี้จากโซระจัง ซึ่งเธอรู้จักมาจากเพื่อนอีกทีหนึ่งน่ะ”]
เรียนํานิ้วชี้เเตะที่ริมฝีปากเเล้วเเหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบนเพดาน
เมื่อเธอนึกบางสิ่งบางอย่างได้ เธอมักจะทําเเบบนี้เสมอจนเป็นนิสัย
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอพูดมาไม่ใช่เรื่องโกหก
เเสดงว่าพนักงานร้านที่โซระเเนะนําให้เรียรู้จัก บังเอิญเป็นคนรู้จักของโซระงั้นเหรอ?
การที่หมอนั่นขอให้โซระเเนะนํา อาจหมายความถึงขอให้โซระเเนะนําร้านเสื้อผ้าที่พนักงานคนนั้นทํางานอยู่ก็ได้
ท้ายที่สุดเเล้วก็ไม่มีอะไรน่าติดใจเป็นพิเศษกับเบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้──
[“…เดี๋ยวนะ”]
ทันทีที่ความคิดได้ผุดขึ้นมาในหัวของผม จู่ๆเหงื่อก็ได้ไหลลงมาที่หลังของผม
ไม่ใช่ว่าผมกําลังฝันร้ายอยู่เหรอ?
เลือดได้ไหลออกจากร่างผม
[“เเต่ว่า มันไม่ควรที่จะเป็นเเบบนั้น…”]
[“นี่ เป็นอะไรไป ตั้งเเต่เมื่อกี้เเล้ว?”]
[“ถ้าเป็นงั้น เเล้วทําไม…”]
[“นี่!”]
เรียยื่นเเละโบกมือต่อหน้าผม เพื่อเรียกสติของผมให้กลับคืนมา
ก่อนที่ผมจะรู้ตัว เรียก็ลุกออกมาจากที่นอนเเละมาอยู่เคียงข้างผม
[“นายควรเลิกนิสัยพึมพํากับตัวเองตอนคิดอะไรอยู่นะ รู้ไหม?”]
[“…โทษที”]
[“เเล้ว ไม่กลับบ้านเหรอ? ฉันจะนอนเเล้วนะ”]
[“อะ อ่า… หลังจากนี้เเหละ”]
[“ช่วงนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับ เเต่พอได้เห็นหน้าชินเซย์เเล้วทําฉันอยากนอนเลย”]
เรียพลางหาวเเละกลับไปบนเตียง
หน้าตาของผมคงไม่เป็นเเค่เครื่องชั่ง เเต่คงจะเป็นยานอนหลับชั้นดีด้วยสินะ
[“งั้นเหรอ…ฝันดีนะ”]
มีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมอยากจะบอกกับเรีย เเต่ตอนนี้ เวลาคงจะหมดลงเเล้วสินะ
ผมลุกขึ้นเเละวางมือบนลูกบิดประตู
[“…นี่ ชินเซย์”]
เรียที่นอนอยู่ข้างหลังได้เรียกผม
[“อะไรหรอ?”]
[“เเม้เเต่ในตอนนี้…ฉันก็ยังรักชินเซย์อยู่นะ”]
ผมไม่สามารถหันหลังกลับไปได้เมื่อได้ยินคําพูดนั้น
ผมนึกคําพูด…ที่จะโต้ตอบกับเธอไม่ออก
[“…ถึงจะบอกเเบบนั้นก็มีเเต่สร้างปัญหาให้ชินเซย์สินะ อืม ไม่มีอะไรหรอก”]
[“เรีย…”]
[“ไม่มีอะไรหรอก…ลืมไปเถอะ”]
อารมณ์ที่ฉุดรั้งผมไว้กลับท่วมท้นไปด้วยเสียงสะอื้น
เสียงที่สั่นเครือของเรียก้องอยู่ในหูของผมตลอดเวลา
◇
[“อ๊ะ ในที่สุดก็กลับมาเเล้วสินะคะพี่จ๋า! ไม่อยากจะเชื่อเลยกลับบ้านคํ่าอีกเเล้ว ถึงพี่จะบอกหนูล่วงหน้า เเต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนูจะอนุญาติหรอกนะ!?”]
หลังจากผมยิงตรงกลับบ้านจากบ้านของเรีย เเล้วคําเทศนาของโซระก็ได้มาเยือน
เธอยืนกอดอกราวกับกําลังรอการมาของเป็นอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่าทางเธอคงจะโกรธผมน่าดู
[“ถ้าไปอยู่บ้านเพื่อนไม่ได้มีปัญหาอะไร เเต่การไปอยู่กับผู้หญิงเเล้วกลับบ้านป่านนี้เนี่ย ในฐานะน้องสาวเเล้ว เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ค่ะ!”]
ผมโต้เเย้งอะไรกลับไม่ได้ เพราะเรื่องที่เธอพูดมาเป็นความจริง
[“ขะ…ขอโทษนะ พี่ผิดไปเอง”]
[“…สํานึกผิดจริงๆใช่ไหมคะ?”]
มิโอริจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่พึงพอใจ
ผมไม่คิดว่าพวกเราจะมีทางเลือกอื่นนอกจากสํานึกผิดในสถานการณ์เเบบนี้
[“จริงสิ วันนี้พี่จะทํามื้อคํ่าทุกอย่างที่มิโอริชอบเลย เพราะงั้นปรับอารมณ์ได้เเล้ว”]
[“ให้ตายเถอะ ไม่ไหวเลยนะคะพี่เนี่ย…หนูอยากกินอะไรหวานๆ ช่วยทําฮอทเค้ก¹ ให้หน่อยค่ะ”]
[“ฮอทเค้กสินะ เข้าใจละ เดี๋ยวทําให้กินรอเเป๊ปนึงนะ”]
¹ ฮอทเค้ก (Hot Cake) มีลักษณะคล้ายกับ Pancake เเต่หนานุ่มเเละหวานกว่า
ผมผ่านพ้นจากมิโอริไปได้ เเละเดินตรงเข้าไปในห้องส่วนตัว
จากนั้นก็ปิดประตู ยืนพิงกําเเพงเเละค่อยๆนั่งลงไป
[“…ก่อนอื่นเราต้องรายงานความคืบหน้าให้เรย์นะรู้ก่อน…”]
เมื่อผมกดโทรหาเรย์นะ ดูเหมือนว่าโทรจะถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เพราะเธอรับสายผมเมื่อได้ยินเสียง ‘ตื๊ด’ เพียงครั้งเดียว
(“สวัสดี คุณทานากะ? ขอโทษนะช่วยโทรหาฉันทีหลังได้ไหม?”)
(“…เธอรู้อยู่เเล้วใช่ไหมว่าอีกฝ่ายคือฉันน่ะ เรย์นะ?”)
จะเอาคืนฉันตอนกลางวันรึไง
เรย์นะมักดูเย็นชามักจะทําอะไรเเปลกๆเหมือนเด็ก
(“ฟุฟุ เเล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ? ได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆมาจากคุณชิอินะไหม?”)
(“จะเรียกว่าข้อมูลได้ไหม…อย่างที่คิด เรียกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันน่ะ”)
(“งั้นก็หมายความว่า คุณชิอินะได้รู้จักกับผู้ชายคนนั้นผ่านการเเนะนําของคุณทาคานาชิสินะ?”)
(“ไม่ ดูเหมือนว่าโซระเเนะนําเรียให้รู้จักกับผู้ชายคนนั้นที่ร้านเสื้อผ้าที่เขาทํางานอยู่ โดยที่เรียไม่รู้ด้วยซํ้าว่าโซระรู้จักผู้ชายคนนั้นน่ะ”)
(“งั้นหรอ…”)
เรย์นะชะงัดไปสองสามวินาทีเเล้วพึมพํา
(“เเล้วไปยืนยันเรื่องนี้กับคุณทาคานาชิหรือยัง?”)
(“ฉันตั้งใจจะไปถามพรุ่งนี้ก่อนซ้อมชมรมช่วงเช้าน่ะ เพราะว่าฉันไม่คิดจะเชื่อสิ่งที่เรียพูดทุกอย่างอยู่เเล้วอ่ะนะ”)
(“ควรทําเเบบนั้นเเหละ”)
(“ฉันกําลังยุ่งกับการทําให้น้องสาวกลับมาอารมณ์ดี งั้นไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ”)
(“…ชินเซย์ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก”)
เรย์นะพูดด้วยนํ้าเสียงดูชัดถ้อยชัดคํา
ผมรู้สึกถึงบรรยากาศอันหน้าประหลาดส่งผ่านโทรศัพท์
(“อะไรหรอ?”)
(“ถ้าเกิดชินเซย์…เผชิญกับความรักครั้งใหม่อีกครั้ง ถึงเวลานั้น ปล่อยฉันทิ้งไปเลยก็ได้นะ ฉันไม่คิดมาก”)
(“จู่ๆ พูดอะไรออกมา? ถ้าฉันทําเเบบนั้น ฉันคงถูกฆ่าเเน่ๆ จากเรย์นะล่ะนะ”)
(“ก็รู้นี่นา เเต่ว่าฉันอยากที่จะพูดออกมาน่ะ”)
หลังจากที่พวกเราวางสาย ผมก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น
มิโอรินั่งรอผมอยู่ที่โต๊ะในห้องนั่งเล่น ทั้งๆที่ผมยังไม่เริ่มทําอาหารเลยด้วยซํ้า
ผมยืนอยู่ในครัวเเละเริ่มทําฮอทเค้กด้วยรอยยิ้มเเห้งๆ
ขณะที่ผมกําลังผสมไข่กับนมในชาม มิโอริก็เดินเข้ามาหาผมข้างๆ
[“มีอะไรที่หนูพอช่วยได้ไหม?”]
[“ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”]
เมื่อผมบอกกับเธอ มิโอริก็หันมองไปทางอื่นอย่างโจ่งเเจ้ง
[“ไม่ได้มากวนใช่ไหม?”]
[“มะ ไม่หรอกน่า…”]
[“มิโอริ ส่งฮอทเค้กมิกซ์² นั่นมาให้พี่ที”]
[“ฮอทเค้กมิกซ์…อ๊ะ อันนี้สินะ”]
ผมทําเเป้งในขณะที่ในใจผมคิดว่าถ้าปั้นให้มันเป็นก้อนกลมได้ก็คงดี
² ฮอทเค้กมิกซ์ (Hotcake Mix) คือเเป้งฮอทเค้กสําเร็จรูป เพียงเเค่เติมนมกับไข่สามารถนําลงไปทอดเเละทานได้เลย
◇
เช้าวันต่อมา ผมตื่นเช้ากว่าทุกทีเเละรีบเตรียมตัวออกจากบ้าน
ผู้จัดการชมรมของเราจะมาถึงโรงเรียนก่อนสมาชิกคนอื่นๆ เเละเตรียมตัวสําหรับการฝึกซ้อมในช่วงเช้า
ผมจึงอยากจะไปคุยกับโซระก่อนที่จะการฝึกซ้อมจะเริ่มขึ้น
ในขณะที่ผมผ่านบ้านเรีย ผมสังเกตเห็นว่าไฟห้องเธอยังคงดับลง
[“วันนี้ก็หยุดเหรอ…”]
ถึงกระนั้น ผมเดินผ่านเเละมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนต่อ
—–
ติดตามผู้เเปลได้ที่ FB : Mxgic
ตอนนี้ปั่นสุดขีด อาจจะพิมพ์ผิดๆถูกๆบ้างครับ ไว้เจอกันใหม่ตอนต่อไป : ความจริงในวันนั้น