หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น - ตอนที่ 1 - ชีวิตประจําวัน
- Home
- หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น
- ตอนที่ 1 - ชีวิตประจําวัน
[“พี่จ๊าา~ ตื่นได้เเล้ว”]
[“อืออ”]
[“กับไอ้เเค่เพราะตอนเช้าไม่มีซ้อมชมรม ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะตื่นสายได้หรอกนะ”]
[“หนวกหูตั้งเเต่เช้าเลยนะ มิโอริ…..ขอให้พี่นอนอีกห้านาทีเถอะ…”]
[“ก่อนหน้านี้ พี่ก็พูดเเบบนี้ไปไม่ใช่รึไง? เพราะงั้นตื่นได้เเล้วค่ะพี่ชาย”]
มิโอริ น้องสาวคนสุดท้อง ดึงผ้าห่มออก ทําให้ผมต้องจําใจต้องลุกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก
ผมอยู่ในอาการง่วงสุดๆเเละเปลือกตาที่หนักอึ้ง ผมหลับตาลงโดยสัญชาตญาณของมนุษย์ขณะที่เเสงเเดดอ่อนๆยามเช้าส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง
เมื่อประสาทการมองเห็นของผมคมชัดขึ้นจากการถูกกระตุ้น ผมก็สามารถเห็นใบหน้าที่โกรธจัดของมิโอริได้อย่างชัดเจน
มิโอริพลางเสยผมสีนํ้าตาลที่ยาวถึงไหล่พร้อมส่ายหัวไปมา
[“ตื่นเเล้วก็รีบไปล้างหน้าล้างตาเเล้วทําอาหารเช้าให้หนูกินได้เเล้ว”]
[“คร้าบๆ…ให้ตายเถอะใช้คนอื่นเก่งจริงนะเธอ…”]
[“…เมื่อกี้พูดอะไรรึเปล่า?”]
มิโอริพูดตรงๆโดยไม่ซ่อนความโมโหหิวเลยสักนิด
คงจะหิวสุดๆเลยมั้งเนี่ย ไอ้น้องสาวตะกละเอ๊ย
[“เปล่า ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”]
ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเเละเริ่มทําอาหารเช้าง่ายๆสองที่
ในช่วงระหว่างรอนั้น ผมพลางทําข้าวกล่องให้มิโอริไปด้วย
พ่อเเม่ของพวกเราทํางานอยู่เมืองนอก จึงทําให้ผมต้องจัดการงานบ้านเอง
เมื่ออาหารเช้าพร้อมเเล้วเเละกําลังนําไปวางบนโต๊ะ มิโอริก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดเครื่องเเบบของโรงเรียนหญิงล้วน
ผมจัดจานบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นเเละจัดที่นั่งเข้าหากัน
[“ทานเเล้วนะคะ/ครับ”]
[“กินได้เลยนะเเต่อย่ากินจนอ้วนล่ะ”]
[“พูดมากน่า”]
ผมกินข้าวเสร็จก่อนมิโอริ เเละหลังจากนั้นผมเดินกลับมาเปลี่ยนชุดที่ห้อง
ระหว่างที่ผมกําลังสวมรองเท้าบริเวณทางเข้าหน้าบ้าน มิโอริยังอุสาเดินมาส่งผม
[“ขอบคุณนะที่เดินมาส่ง”]
[“เปล่าหรอก หนูเเค่จะมาบ่นใส่พี่เเค่นั้นเเหละ”]
[“บ่น?”]
เธอจะบ่นอะไรอีกนะ เมื่อเช้าก็น่าจะบ่นไปเเล้วนี่นา
[“…เรื่องเเฟนของพี่หน่ะ วันนี้เเฟนพี่จะไม่มารับพี่เหมือนเดิมสินะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็มายังมารับทุกวัน”]
หลังจากที่มิโอริพูดด้วยสีหน้าเย็นชา เธอก็ได้เดินจากไป
[“…อะไรของเธอ อยู่ดีๆก็พูดเเต่เรื่องเเปลกๆตั้งเเต่เช้า”]
ขณะที่ผมพึมพําไปมา ผมเดินออกจากบ้านไปโรงเรียนในสภาพที่ไม่มีใครคอยอยู่ข้างๆ
◇
ผมมีเเฟนตั้งเเต่ม.ต้น
เธอชื่อว่า ชิอินะ เรีย เป็นหญิงสาวที่น่ารักสุดๆในสายตาผม
เธอเปรียบเสมือนนางฟ้าเเสนใจดีของทุกๆคน ทําอาหารก็เก่งเเถมยังทําข้าวกล่องให้ผมกินทุกวัน
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมารับผมที่บ้านทุกเช้าที่มีเรียนอีก
เเละก็เป็นอย่างที่มิโอริบอก เรียไม่มารับผมที่บ้านสักพักนึงเเล้ว
[“ก็นะ ใช่ว่าเราจะคบกันดูเป็นคนรักกันไปแบบนี้ได้ตลอด จะให้ทำเป็นเลิฟๆทั้งวันแบบนั้นไม่ไหวหรอกนะ…”]
อย่างที่คิด การเดินไปโรงเรียนคนเดียวเนี่ยมันรู้สึกเคว้งคว้างยังไงก็ไม่รู้ อยากมีคนคอยอยู่ข้างๆจังนะ ผมพลางคิดเช่นนั้น
[“ว่าไง ชินเซย์ อารมณ์ไม่ดีเเต่เช้าเลยนะ มีไรปัญหาไรป่าว?”]
ระหว่างที่ผมเดินไปโรงเรียน จู่ๆผมก็ถูกเรียกจากข้างหลัง
ไม่ต้องหันหลังกลับไปดูก็รู้ว่าใครเรียกเพราะว่าผมคุ้นเคยกับเสียงนี้ดี
เเละเจ้าของเสียงนั้นก็คือหนึ่งในผู้ชายที่หล่อเหลาที่สุดในโรงเรียนเเห่งนี้ ทาคานาชิ ชิโยว
เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมชมรมฟุตบอลเเละยังเป็นเพื่อนสนิทของผมตั้งเเต่สมัยม.ต้น
ชิโยวเดินเร็วขึ้นจนมาอยู่ในระยะที่เรียกได้ว่าใกล้ชิดเเละเอามือพาดไหล่ผม
[“…หวัดดี ชิโยว เช้านี้ยังสดชื่นเหมือนเดิมเลยนะ”]
[“ก็นั้นเป็นเอกลักษณ์ของฉันนี่นะ”]
[“นายอวยตัวเองรึไง”]
เมื่อผมเห็นรอยยิ้มอันไร้เดียงสาของชิโยว มันทําให้ผมรู้สึกขยะเเขยง
[“อรุณสวัสดิ์ค่ะ รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ”]
ผมได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งจากด้านหลัง ซึ่งเป็นนํ้าเสียงที่ร่าเริงหลังจากนั้นเธอเดินอ้อมมาดักหน้าผม
เธอมีผมสีชมพูทรงทวินเทลพร้อมกับใบหน้าดูมีเสน่ห์ นอกจากนี้ หน้าอกของเธอเพียงพอต่อการที่จะทําให้ดันเสื้อเบลเซอร์ให้ดูมีทรง
ทาคานาชิ โซระ นั้นคือชื่อของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น เธอคือน้องสาวของชิโยวเเละยังเป็นหัวหน้าชมรมฟุตบอลอีก
โซระยิ้มให้ผมเเละโค้งคํานับผมตามมารยาทอย่างสุภาพเรียบร้อย
[“อรุณสวัสดิ์ โซระ หน้าตายังสดใสเหมือนเคยเลยนะ”]
[“ฮิๆ นั้นคือข้อดีของฉันยังไงล่ะค่ะ”]
ไม่ว่าจะพี่หรือจะน้องทุกคนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันก็จะพูดอะไรคล้ายๆกัน
พี่น้องทาคานาชิเข้ากันได้ดีจนน่าอิจฉาเพราะมันต่างจากครอบครัวผมไปมากโข
[“เป็นเด็กดีจังนะรุ่นน้อง…หรือว่า ฉันอิจฉาชิโยวกัน ที่มีน้องสาวน่ารักขนาดนี้”]
[“หืม? น้องสาวนาย มิโอริจังก็เป็นเด็กดีไม่ใช่หรอ?”]
[“เธอบ่นฉันทุกวี่ทันวันเลยตอนฉันอยู่บ้าน ทั้งๆที่ตัวเองไม่ช่วยทํางานบ้านเลยด้วยซํ้า”]
[“ถ้าเป็นเรื่องนั้นบ้านฉันก็ไม่ต่างกันเเหละ──อั๊กกก!”]
เมื่อชิโยวกําลังพรํ่าบ่นน้องสาวให้ผมฟัง โซระก็นํามือไปปิดปากพี่ชายตัวเองโดยทันที
[“อย่าพูดอะไรเเปลกๆสิ พี่”]
เวลาโซระอยู่บ้านก็ไม่ต่างอะไรจากมิโอริสินะ
หลังจากชิโยวหลุดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจของโซระ เขาก็กลับมายิ้มเเห้งๆ
[“อะ..เอ่อ…ชินเซย์ ตอนโซระอยู่บ้านเป็นเด็กดีมากเลยนะจะบอกให้”]
ถึงจะมาเเก้ต่างตอนนี้ เเต่สีหน้าของโซระจ้องจะฆ่าพี่ตัวเองก็ไม่เปลี่ยนเเปลงนะ?
[“งั้นเรามาเเลกน้องสาวกันไหม? ถ้าเป็นมิโอริจังล่ะก็ ฉันยินดีเเลกเลย”]
[“ไม่ล่ะ น้องสาวฉันไม่ต้องการด้วยสิ”]
[“งั้น ฉันให้ฟรีๆเลย เพราะงั้นช่วยเอาน้องสาวฉันไปเถอะ”]
ชิโยวคว้าคอโซระเเละนํามาไว้ข้างหน้าผมเหมือนกับจับเเมว
[“ถึงจะเเปลกไปหน่อย….รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ ช่วยทําให้ฉันมีความสุขด้วยค่ะ!”]
[“พี่น้องคู่นี้เนี่ย เข้ากันได้ดีจริงๆนะ….”]
ในระหว่างที่เราคุยกันเรื่องเเลกน้องสาวกันขําๆนั้น ตอนนี้เราก็มาถึงโรงเรียนเเล้ว
[“พอดีฉันมีธุระที่ห้องชมรม งั้นไว้เจอกันนะ”]
ชิโยวเดินจากไปเเละทิ้งให้ผมกับโซระเดินเล่นเเถวลานกว้างในรั้วโรงเรียน
[“พอพวกเราเดินด้วยกันเเบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากพี่น้องกันเลยไม่ใช่หรอค่ะ?”}
[“ถึงคนอื่นจะมองเเค่ไหน พวกเขาก็ไม่คิดหรอกว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันน่ะ”]
[“งั้นรุ่นพี่อาซาฮิโอกะ ช่วยทําให้ฉันเป็นภรรยาของรุ่นพี่ได้ไหมคะ~”]
คําพูดของโซระทําให้ผมอยากสําลักขึ้นมาในทันที
[“จำได้ว่าบอกว่าน้องสาวนี่น่า แต่ไหงมันถึงกระโดดข้ามขั้นไปแบบนั้นเล่า!?”]
[“พี่น้องเเต่งงานกันได้นะคะ? ไม่รู้หรอคะเนี่ย?”]
โซระยิ้มอย่างมีเลศมีนัยใส่ผม
[“คือว่านะ….ฉันมีเเฟนอยู่เเล้วนะ? หยุดล้อเล่นได้เเล้ว”]
บทสนทนานี้ ถ้าเรียถามผมขึ้นมาจะทํายังไง
โซระกับเรียสนิทกันคงไม่ทะเลาะอะไรกันหรอก
[“…รุ่นพี่ชิอินะคนนั้น ช่วงนี้เป็นอะไรไปหรอคะ?”]
โซระนึกสงสัยเเละเอียงศีรษะเล็กน้อย
[“เป็นอะไรไป นี่คือ?”]
[“ก็..เมื่อก่อนฉันรู้สึกว่ารุ่นพี่ชิอินะกับรุ่นพี่อาซาฮิโอกะเนี่ยตัวติดหนึบเลย เเต่เดวนี้ รู้สึกว่ารุ่นพี่ชิอินะเปลี่ยนไปจากเเต่ก่อนหน่ะค่ะ”]
โซระหยุดพูดด้วยสีหน้าลําบากใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้างเเละคาดหวังว่าผมจะตอบคําถามนี้
[“ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดตรงๆมาเลย”]
[“…รุ่นพี่ชิอินะเปลี่ยนไปจากเเต่ก่อนค่ะ”]
ด้วยใบหน้าอันเงียบขรึมของโซระ เธอพูดค่อยจนคนรอบข้างไม่สามารถได้ยิน
[“เปลี่ยนไปจากเเต่ก่อนเนี่ย ตัวอย่างเช่น…?”]
[“ก็เเต่ก่อนรุ่นพี่ชิอินะเป็นสาวมีระเบียบเรียบร้อยใช่ไหมล่ะค่ะ? ผมดํายาวสวย เเต่งตัวธรรมดาๆ ไม่สนใจเเฟชั่น ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงเท่ๆอะไรประมาณนั้นค่ะ เเต่ว่า….”]
[“เเต่ว่า?”]
[“เเต่ว่าหลังจากขึ้นม.ปลาย รุ่นพี่ก็ย้อมผมเป็นสีบลอนด์ทอง เเต่งหน้าฉูดฉาดเเละกลายเป็นสาวเเกลโดยสมบูรณ์เเบบ เเค่ฉันพูดเเค่นี้รุ่นพี่ก็น่าจะรู้เเล้วใช่ไหมคะ ว่าเธอเปลี่ยนไปยังไง”]
ก็จริงเพราะเมื่อก่อนเรียเป็นคนเรียบร้อย
ในช่วงพักเธอจะชอบอ่านหนังสือเเบบเงียบๆไม่ไปเดือดร้อนคนอื่น
เเต่ว่า อย่างที่โซระบอก ตอนนี้เรียเปลี่ยนไปเเล้ว
เรียกลายเป็นคนร่าเริงเเละมีพลัง เมื่อถึงช่วงพักเธอจะส่งเสียงดังกับกลุ่มผู้หญิง
ผมที่เป็นเเฟนเธอนั้น เเน่นอนว่าผมสังเกตเห็นว่าเธอเปลี่ยนไป
เเม้ว่าโซระจะไม่บอกผม ผมย่อมรู้ดีกว่าใครๆ
สําหรับผมเเล้วไม่ว่าเรียจะเปลี่ยนไป ผมก็ยังจะรักเเละชอบเธอไม่มีวันเปลี่ยน
[“…เรียก็คือเรีย เธอยังใจดีกับทุกคนเหมือนเดิม ฉันยังชอบเรียคนดีคนเดิมของฉัน เพราะงั้นไม่มีปัญหา”]
ผมดีใจที่เรียเปลี่ยนบุคลิกกลายคนร่าเริงคิดบวกเเบบนี้
เเละเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผมจะได้เห็นเธอให้ความสนใจในเเฟชั่นกับเพื่อนผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกัน
ไม่ว่าคนอื่นจะมองเรียเป็นคนยังไง เเต่สําหรับผมเเล้วเรียเป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดจากก้นบึ่งหัวใจ
[“…ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีไปค่ะ~”]
[“ขอบคุณที่เป็นห่วงเเต่ว่าฉันไม่เป็นไรจริงๆ”]
เพราะโซระเป็นห่วงผม ผมจึงตอบกลับเธออย่างมั่นอกมั่นใจ
[“…สมมุติถ้ารุ่นพี่ชิอินะนอกใจรุ่นพี่ รุ่นพี่จะทํายังไงค่ะ~?”]
[“ห๊ะ? เรียจะนอกใจฉันเนี่ยนะ จะเป็นไปได้ยังไง….”]
ผมหยุดเดินในขณะที่โซระตั้งข้อสมมติฐานนั้นขึ้นมาเเละปฏิเสธอย่างทันควัน เเต่ทันใดนั้น
[“──ขอโทษนะ ช่วยหลบไปหน่อยได้ไหม?”]
ผมได้ยินเสียงกระจ่างใสของหญิงสาวที่เดินผ่านหน้าผมไป
ผมหลีกทางให้หญิงสาวคนนั้นเเละเผลอมองเธอโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวคนนั้นมีดวงตาสีฟ้าใสที่ดูเรียวยาวเเละมุมตาเเหลม ผมสีดำขลับยาวลงมาถึงบั้นเอวทําให้ดูพริ้วไหวอย่างสง่างาม
เสื้อเบลาส์สีขาวพองออก ทําให้หัวใจของผมผลิบานสะพรั่งดั่งดอกไม้
เธอมีรูปร่างสูงเพรียว เเละขาของเธอที่ยื่นออกมาจากมินิสเกิร์ตนั้นมีถุงน่องสีดําสวมไว้อยู่อีกชั้นหนึ่ง ทําให้ดูเซ็กซี่มากกว่าขาเปล่า
จากการมองรูปร่างหน้าตาอันมีเสน่ห์ของเธอ ผมไม่คิดเลยว่านี่คือสาวม.ปลาย
ซึ่งเธอก็คือ──ฟุตาบะ เรย์นะ สาวสวยที่สุดในโรงเรียนมัธยมฮาคุเอย์เเละยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม
เมื่อผมมองไปที่เเผ่นหลังของฟุตาบะ ทันใดนั้นเองโซระก็สะกิดผมจากด้านข้าง
[“…ว่าไง?”]
[“หรือว่า รุ่นพี่หลงใหลในตัวรุ่นพี่ฟุตาบะหรอคะ~?”]
[“ห๊ะ? เปล่าสักหน่อย ไม่ใช่เเบบนั้นสักหน่อย…”]
ผมยังไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมรู้สึกสงสัยในตัวฟุตาบะนิดหน่อยเพราะเธอดูเหมือนกับ ฮิเมะมิยะ ผู้หญิงที่ฉันเเอบชอบสมัยก่อน จึงทําให้ผมเลยข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
ฮิเมะมิยะเป็นคนที่ผมเล่นด้วยบ่อยๆที่สวนสาธารณะเเถวบ้านในช่วงประถม ต่างคนต่างสนุกเมื่อได้เจอกัน ทั้งผม ทั้งฮิเมะมิยะ เเละเธอก็เป็นรักเเรกของผม
ฮิเมะมิยะซึ่งเรียนอยู่คนละโรงเรียนกับผม วันหนึ่งเธอได้หยุดปรากฏตัวที่สวนสาธารณะ
สิ่งที่ผมรู้มีเพียงเเค่นามสกุลของเธอคือ ฮิเมะมิยะ ส่วนชื่อจริงหรือที่อยู่ผมไม่รู้เลย
เพราะงั้นผมเลยไม่รู้ว่าฟุตาบะใช่ฮิเมะมิยะรึเปล่า….เเต่ถ้าคิดโดยทั่วไปเเล้ว การที่นามสกุลต่างกันก็ถือว่าเป็นคนละคน
นอกจากนี้ ผมเป็นคนมีชื่อเสียงด้วยเหตุผล ‘ไม่มีความสุข’ ดังนั้นถ้าฟุตาบะคือฮิเมะมิยะเธอคงมานั่งคุยกับผมเเล้วเเหละ
[“โหลๆ รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ? จู่ๆก็เงียบไป มีอะไรรึเปล่าคะ~?”]
ขณะที่ผมพลางคิดเช่นนั้น โซระก็โบกมือตรงหน้าผม
เพราะผมกําลังนึกคิดอะไรบางอย่างจึงทําให้ผมเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด
[“…เปล่าๆ ไม่มีอะไร”]
[“…หรือว่า คนที่นอกใจรุ่นพี่ชิอินะอาจจะเป็นรุ่นพี่อาซาฮิโอกะก็ได้นะคะ~?”]
ขณะที่ผมหัวเราะกับคําพูดตลกของโซระที่พูดออกมานั้น คราวนี้เธอค่อยๆเอาศอกกดมาที่ด้านข้างของตัวผม
[“ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันทําเเบบนั้น!”]
[“ไม่ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง เเต่รุ่นพี่ยังมีฉันอยู่นะคะ!”]
[“ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!”]
◇
ในช่วงพักเที่ยงของวัน ผมนั่งอยู่กับเเฟนของผม ชิอินะ เรย์ ตามปกติ
ผมสีบลอนด์เเสกข้างพร้อมกับใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาถูกเติมเต็มด้วยการเเต่งหน้าจัด ติดกระดุมไม่ครบทุกเม็ดทําให้เห็นเนื้อหนังเเถวอก นอกจากนี้กระโปรงค่อนข้างสั้น
เเละก็เป็นอย่างที่โซระบอก มองยังไงเรียก็คือสาวเเกล
ทําให้ผมคิดถึงเรียในชุดนักเรียนกับผมสีดํายาว
[“ชินเซย์ วันนี้เเฟนสุดน่ารักทําข้าวกล่องมาให้กินเหมือนทุกทีนะ”]
เรีย ที่นั่งถัดจากผม นําข้าวกล่องที่ทํามาให้ไว้บนโต๊ะผม
ภายในข้าวกล่องนี้เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายสีสัน
[“สมเเล้วที่เป็นข้าวกล่องที่เเฟนน่ารักที่สุดในโลกของผมทําให้ ไม่ว่าอันไหนก็ดูน่ากินไปหมดเลย”]
[“อี๊ ขยะแขยง….”]
ผมเเค่เเซวขําๆหรือพูดตามความเป็นจริงเเค่นั้น เเต่เรียกลับค่อยๆหรี่ตาลง
[“ฉันอุสาทํามาให้ เเต่ปฏิกิริยาเมื้อกี้มันเกินไปนะ!?”]
[“ครับ ครับ ขอโทษครับ”]
เรีย หยุดตําหนิผมจากนั้นเธอก็ใช้เวลาไปกับหน้าจอโทรศัพท์ ผมได้ยินเสียงกดแป้นพิมพ์ในโทรศัพท์ซํ้าเเล้วซั้าเล่า ดูเหมือนว่าช่วงนี้เรียดูเหมือนจะคุยกับใครบางคนบ่อยๆ
ในช่วงปีเเรกของม.ปลาย เรีย ยังมีเพื่อนไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่
เมื่อลองมองย้อนกลับไป เรีย เป็นคนเงียบขรึมมาตั้งเเต่สมัยม.ต้น เลยทําให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน
เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เรีย กลายเป็นคนสดใสร่าเริงเเละมีคนคอยคุยด้วย
เเต่ในทางกลับกัน เธอก็ให้ความสนใจผมน้อยลงเรื่อยๆ…..
[“…วันนี้ไม่กินข้าวด้วยกันหรอ?”]
ผมมีข้าวกล่องที่ทํามาเองอยู่เเต่ผมกลับไม่เห็นของเรีย
[“ฉันไดเอทอยู่น่ะ…”]
[“อย่างน้อยกินเเค่กับข้าวอย่างสองอย่างก็ได้ เเค่นั้นมันไม่อ้วนหรอก”]
มันจะดูเเปลกไปหน่อยถ้าทํามาให้ตัวเองกินเเต่ตัวเองกลับไม่กินมัน
[“ก็ได้ เเต่ช่วยกินเงียบๆด้วย”]
[“…คร้าบ”]
ผมนั่งกินข้าวเงียบๆในระหว่างที่เรียนั่งเล่นโทรศัพท์ชิวๆ เเละพลางคิดไปคิดมาว่าอาหารฝีมือตัวเองก็อร่อยเหมือนกันนะเนี่ย
โดยปกติเเล้ว ผมจะทําอาหารให้ครอบครัวกินบ่อยๆ เเต่ผมไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองทําอร่อยได้ขนาดนี้
[“มันอร่อยจริงๆนะ”]
ผมพยายามชมเรียให้เธอกลับมาอารมณ์ดี
[“เหรอ”]
ถึงกระนั้น เรีย ก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์ของเธอเเละตอบผมห้วนๆ
ถึงผมจะบอกว่าผมชินกับมันเเล้วก็ตาม
[“…นี่ เรีย?”]
[“ช่วยหยุดจิ้มมือถือก่อนได้ไหม ฉันคุยกับเธออยู่นะ”]
ก่อนหน้านี้ เรียยิ้มดูมีชีวิตชีวาเป็นบางครั้งบางคราว
ดูเหมือนว่าสาเหตุที่เรียอารมณ์ดีขึ้นเพราะคนที่คุยอยู่ในโทรศัพท์เครื่องนั้น
เธอไม่ต้องการผมเเล้วสินะ? ใช่ไหม….
ทั้งๆที่ปกติเธอจะใจดีกับผม เเต่วันนี้เธอกลับอารมณ์ไม่ดีเเละท่าทางเย็นชาเฉยเมย
[“เห้อ…ถ้าเป็นอย่างงี้ต่อไปก็ไม่ต่างอะไรจากคู่รักที่กําลังจะเลิกกันเลย”]
เมื่อเรียได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดเธอก็หยุดเล่นโทรศัพท์
[“…เอ๊ะ? อยุ่ดีๆเป็นอะไรไป?”]
[“เป็นอะไรไปเนี่ย…ฉันเเค่อยากจะบอกเธอว่า ความสัมพันธ์ในตอนนี้ของพวกเราถ้ามองภายนอกเนี่ย มันไม่ต่างอะไรกับคู่รักเย็นชาเลยน่ะ”]
[“เราไม่ได้เป็นเเบบนั้นสักหน่อยนะ? เราเจอหน้ากันทุกวัน วันหยุดเราก็ไปเดทกัน เเละบางครั้งเราก็มีอะไรกัน….นายไม่พอใจตรงไหน?”]
เมื่อเธอถามผมว่าไม่พอใจตรงไหน มันค่อนข้างยากที่จะให้ผมจะอธิบายออกมาเป็นคําพูด
[“ต้องบอกว่า…วันนี้ฉันรู้สึกว่าเรียไม่ค่อยสนอกสนใจฉันเลยน่ะ”]
[“พูดอะไรของนาย ข้ออ้างอย่างกะผู้หญิง ถ้านายมีปัญหากับฉันล่ะก็ฉันจะยึดเข้ากล่องนายนะ?”]
เรียนั่งกอดอกเเละย่นคิ้วใส่ผม
เมื่อพูดถึงข้าวกล่อง ดูเหมือนว่าผมจะคิดไปเองสินะ
หากความสัมพันธ์ยังเย็นชาเป็นเเบบนี้ หลังจากนี้เรียคงไม่ทําข้าวกล่องให้เเน่
เมื่อลองคิดดูเเล้ว เรียยังคงทุ่มเททําข้าวกล่องให้เหมือนเเต่ก่อน
[“เเต่ว่าครั้งล่าสุดที่เราไปเดทกันก็นานอยู่เเล้ว เเละก็นานมากเเล้วที่….เราไม่ได้ทําอะไรกันไม่ใช่หรอ?”]
[“อะไรกันน…ถ้าอยากขนาดนั้นบอกมาตรงๆก็จบเเล้ว…ได้สิเเต่ไว้ทีหลังนะ”]
[“เรียดึงคอเสื้อของเธอลงเเละโชว์ชุดชั้นในสีเเดงของเธออย่างเร้าใจ จากนั้นเธอเลียริมฝีปากด้วยลิ้นตัวเอง”]
[“คือว่านะ…ฉันคิดมาตั้งเเต่เมื่อกี้เเล้ว การพูดเรื่องเเบบนี้ในห้องเรียนเนี่ย…”]
[“น่าอายตรงไหน? ทุกคนก็ทําเรื่องลับหลังเเบบนี้เป็นเรื่องปกตินะ”]
อย่างน้อยเเต่ก่อน เรียเป็นคนประเภทที่บอกว่าไม่เเปลกที่จะทำแบบนั้นตอนเป็นนักเรียน
สุดท้ายเเล้ว อารมณ์เเบบนั้นก็เกิดขึ้นเมื่อเราอยู่กันสองต่อสองเเละครั้งเเรกที่เรามีอะไรกันเเบบครึ่งๆกลางๆ หลังจากนั้นเราก็เริ่มทําบ่อยขึ้น เเต่เราไม่เคยพูดถึงมันเเบบไม่ละอายใจ
อย่างไรก็ตามเรีย หลังจากเธอเป็นสาวเเกล ความบริสุทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ในตัวเธอน้อยลงเรื่อยๆ เริ่มพูดเเบบไม่ละอายใจเเละทํากับผมน้อยลง…
[“…ฉันคิดว่า ฉันอยากไปเดทกับเรียมากกว่า”]
[“ก็ได้อยู่หรอก…เเต่เราไปตามสถานที่เดทของในจังหวัดครบเเล้วนะ จะมีที่ไหนน่าไปอีก?”]
เรียหาวอย่างน่าเบื่อหนาย
[“ก็ไม่มีเเหละ เเต่ไปที่เดิมอีกครั้งก็ได้นี่นา”]
[“อืมม…ไปที่เดิมไม่เบื่อหรอ?”]
[“จะไปน่าเบื่อได้ไง”]
[“งั้นหรอกเหรอ?”]
[“…ตราบใดที่ฉันได้อยู่เรียสุดที่รักอ่ะนะ”]
ผมรู้สึกอายที่พูดออกไปเช่นนั้น เเต่ผมควรบอกความรู้สึกจริงๆที่ผมมีต่อเธอให้เธอได้รับรู้
การไปเดทกับคนที่คุณชอบเนี่ย มันจะไปน่าเบื่อได้ยังไงกัน
เรีย ค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจครู่หนึ่งเเละเเก้มของเธอเปลี่ยนสีเล็กน้อย
[“ฉันให้เลยร้อยคะเเนน”]
เเละเปล่งเสียงออกมาด้วยอารมณ์ดี
[“ในฐานะเเฟนเธอ ฉันพูดได้สมบูรณ์เเบบไหม?”]
[“ถ้าพูดตามตรง….คงให้เเค่ห้าสิบคะเเนนล่ะมั้ง บทพูดจืดชีดไป ฟิลลิ่งไม่ได้เลยสักนิด”]
หลังจากที่เอาแต่พูดว่าไม่ได้ไม่ได้ เรียก็ถอนหายใจยาวๆ
[“เข้มงวดไปไหม! ว่าเเต่ ทําไมเธอถึงให้ฉันร้อยคะเเนน?”]
[“เพราะเมื้อกี้ฉันได้เห็นใบหน้าตอนนายจริงจังเเล้วยังไงล่ะ”]
เรียใช้ปลายนิ้มจิ้มมาที่เเก้มของผมเเละเยาะเย้ยผม
[“ตอนนี้ฉันจริงจังอยู่นะ…เพราะฉันรู้สึกถึงลางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”]
[“นายจริงจังขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย? วันนี้ฉันเเค่จะลองเย็นชากับนายสักหน่อย”]
[“เอ๊ะ….นี่เธอตั้งใจหรอ?”]
[“อืม ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีเหมือนกันที่ลองเล่นเป็นคนเย็นชาดูสักครั้งเพื่อดูปฏิกิริยาของนายว่าจะเป็นยังไง”]
[“…โดนเล่นซะเเล้ว”]
สถานการณ์มันถูกปูทางมาอย่างสมบูรณ์เเบบ เมื่อนําบทสนทนากับโซระรวมเข้าด้วยกัน ทําให้ในหัวผมมีเเต่ความคิดเเย่ๆจนผมสงสัยว่าเรียยังรักผมชอบผมอยู่รึเปล่า
อะไรกันมันเป็นมาเเบบนี้นี่เอง…เธอไม่ได้รังเกียจผมสินะ
[“ฟุฟุฟุ นายชอบฉันมากไปนะ ชินเซย์”]
เรียเหมือนจะยิ้มอย่างเต็มใจเเละเข้ามากอดผม
[“นะ…นี่ เราอยู่ต่อหน้าคนอื่นนะ…”]
[“อะไร ไม่ชอบหรอกหรอ?”]
เรียทําหน้าบึ้ง
[“ไม่ใช่ไม่ชอบสักหน่อย…”]
ไม่มีทางที่ผมจะไม่ชอบมัน
ร่างกายอันอ่อนนุ่มของเรียกําลังโอบกอดผมอยู่ นี่เเหละคือความสุขที่เเท้จริง
ความอบอุ่นนี้ไม่เคยเปลี่ยนเเปลง
[“…ฉันรักนายที่สุดเลย ชินเซย์”]
เมื่อผมเหลือบไปมองสีหน้าเรียซึ่งพูดออกมาด้วยท่าทางเขินอาย ทําให้ผมมั่นใจได้ว่าเธอคือเรียที่ผมรู้จัก
เเม้ว่ารูปร่างหน้าตาเเละทัศนคติจะไม่เหมือนเดิม เเต่เรียก็คือเรีย
ผู้หญิงที่ผมชอบ เเม้จนถึงตอนนี้นิสัยก็ยังคงไม่เปลี่ยนเเปลงไปจากเเต่ก่อน
ซึ่งนั้นก็คือความอ่อนโยน ความอบอุ่น ความใจดีเเละน่ารัก
[“นี่ ชินเซย์ เราไปเดทกันเมื่อไหร่ดี?”]
[“…อาจจะเป็นเสาร์หน้า ฉันมีที่ที่อยากไปอยู่หรอก เเต่ช่วงนี้ฉันยุ่งกับกิจกรรมชมรมมากเเม้เเต่วันหยุด มันเลยทําให้ฉันบริหารเวลาไม่ได้เลย”]
[“งั้นหรอ เข้าใจเเล้ว….ฉันขอตัดสินใจได้ไหมว่าเราไปที่ไหนกันดี?”]
[“อืม ได้เลย”]
[“เเต้งกิ้ว ฉันจะวางเเผนให้สมบูรณ์ที่สุดเเบบให้นายตะลึงไปเลย ดังนั้นตั้งตารอได้เลยนะ”]
[“อืม ฉันตั้งตารอเลย”]
ที่โซระสงสัยเมื่อเช้า ที่บอกว่าเรียกําลังนอกใจผม เเต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
ไม่มีทางที่เเฟนรักผมใจจะขาดจะมานอกใจผมหรอก
──ในตอนนั้น ผมเชื่อมั่นเช่นนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจ