หลักเลิกเรียน กับเธอคนนั้น ที่ร้านอาหารครอบครัว (LN) - ตอนที่ 1.1 พันธมิตรร้านอาหารครอบครัว
- Home
- หลักเลิกเรียน กับเธอคนนั้น ที่ร้านอาหารครอบครัว (LN)
- ตอนที่ 1.1 พันธมิตรร้านอาหารครอบครัว
หลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ ในเช้าวันจันทร์ที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ประสิทธิภาพของทั้งนักเรียนและคนทำงานตกต่ำที่สุด เราต้องมาเผชิญหน้ากับตัวเลขเรียงราย การบ่นถึงหลักสูตรนรกที่โรงเรียนจัดให้ โดยเฉพาะการยัดวิชาคณิตศาสตร์มาในคาบแรกของวันจันทร์ กลายเป็นหัวข้อสนทนาประจำห้องพวกเราไปแล้ว
ในเมื่อพวกเราเพิ่งเอาชนะสัตว์ประหลาดที่ชื่อว่าสอบกลางภาคของเทอมหนึ่งมาได้ และกำลังมีความสุขกับช่วงเวลาแห่งความสงบสุข สิ่งที่อยู่ในใจของนักเรียนอย่างพวกเราคืออยากจะพักผ่อนและหลีกหนีจากภาระหน้าที่ของการเรียน
「อรุณสวัสดิ์ โคตะ」
ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ กำลังเบื่อหน่ายกับวิชาคณิตศาสตร์ในเช้าวันจันทร์ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งทักทายผมด้วยรอยยิ้มสดใสและมีเสน่ห์ รอยยิ้มที่เป็นมิตรนั้นสร้างความประทับใจ ส่วนสูงของเขาค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กผู้ชายม.ปลายเล็กน้อย รูปร่างของเขาที่อยู่ค่อนไปทางล่างๆ เมื่อเรียงตามลำดับส่วนสูง กลับกลายเป็นเสน่ห์ของเขาไป
ท่าทางที่เขายิ้มรอการทักทายตอบจากผมดูเหมือนลูกสุนัขกำลังส่ายหาง
「อืม อรุณสวัสดิ์ นัทสึกิ」
อินุมากิ นัทสึกิ
เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมตั้งแต่สมัยอนุบาล และบังเอิญที่อยู่ห้องเดียวกันมาตลอด ไม่เคยแยกห้องกันเลย แม้แต่ตอนนี้ที่อยู่ ม.5 แล้ว สถิตินั้นก็ยังคงอยู่ และเขาเคยพูดว่า “ถ้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ก็อยากจะอยู่ห้องเดียวกันไปตลอดตั้งแต่ประถม ม.ต้น ม.ปลายเลยเนอะ”
และขอเสริมอีกนิด เขาเคยบ่นว่า “ถ้าต้องเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ทำไมไม่เป็นผู้หญิงน่ารักๆ บ้างนะ!” ซึ่งผมก็อยากจะพูดแบบนั้นเหมือนกัน
「นี่ โคตะ ตอนเย็นนี้ ไปเที่ยวที่ไหนกันไหม?」
「โทษที วันนี้ฉันติดงานพาร์ทไทม์」
「เอ๋? อีกแล้วเหรอ? ตั้งแต่ขึ้น ม.5 มา นายก็เป็นแบบนี้ตลอดเลยนี่นา!」
「ก็ฉันเพิ่มงานพาร์ทไทม์น่ะ」
「เพราะไม่อยากกลับบ้านล่ะสิ!」
ผมเงียบไปเพราะโดนจี้ใจดำเข้าอย่างจัง แต่ความเงียบนั้นกลับบอกความจริงอย่างชัดเจน “ฉันยังเข้ากับครอบครัวใหม่ไม่ได้…”
「…พูดตามตรง ยังรู้สึกแปลกๆ กับที่บ้าน ยังไม่ชินกับพ่อใหม่ แล้วก็น้องสาวต่างแม่ที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี…หรือจะพูดให้ถูกคือ ฉันไม่รู้สึกว่าเราเป็นครอบครัว ฉันเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้」
「นั่นเลยเป็นเหตุผลที่นายตั้งใจทำงานพาร์ทไทม์มากขึ้น แล้วก็ใช้เวลาที่ร้านอาหารสำหรับครอบครัวหลังเลิกงาน…ก็น่าเห็นใจนะ เเต่น้องสาวนายไม่ใช่คนไม่ดีใช่ไหม? เหมือนจะเข้ากับคนง่ายด้วยนี่」
「…เธอสอบได้ที่หนึ่งตอนเข้าเรียนนะ ให้ลองมีน้องสาวที่เพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้นดูสิ」
ช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิก่อนที่ผมจะขึ้น ม.5 แม่ของผมก็แต่งงานใหม่
อีกฝ่ายเป็นพนักงานบริษัทผลิตของเล่นแห่งหนึ่ง
เขาไม่ใช่คนไม่ดี ผมว่าเขาเป็นคนดีเลยล่ะ ถ้าแม่เลือกคนนี้ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด ผมอยากให้แม่มีความสุขหลังจากที่เลี้ยงผมมาคนเดียว และผมก็ยินดีกับแม่จากใจจริง
ด้วยเหตุนั้น ผมกับแม่เลยต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขา
จากที่เคยอยู่ห้องเช่า ตอนนี้พวกเราได้อยู่ในบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ดูดี ชีวิตโดยรวมดูดีขึ้น พ่อใหม่ก็เป็นคนดีและดีกับผม ผมมีความสุข ผมคงเป็นคนที่โชคดี
แต่ก็มีปัญหาอยู่สองอย่าง
อย่างแรกคือ เขามีลูกสาวอยู่แล้ว แถมยังเป็นรุ่นน้องที่เพิ่งเข้าเรียนที่โรงเรียนโฮชิโมโตะในปีนี้ อายุน้อยกว่าผมหนึ่งปี เธอเรียนเก่ง กีฬาเด่น ถึงขั้นได้เป็นตัวแทนกล่าวคำปราศรัยในวันปฐมนิเทศ
การต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับผู้หญิงในวัยเดียวกัน ผมยอมรับว่าผมหนักใจกับวิธีการปฏิบัติต่อเธอ
และปัญหาที่สองคือ…นี่เป็นเรื่องง่ายๆ คือผมรู้สึกอึดอัดที่จะอยู่ที่บ้าน
ผมยังไม่สนิทกับครอบครัวใหม่ ยังไม่คุ้นเคยกับบ้านหลังนั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่อยากกลับบ้าน ผมเลยทำงานพาร์ทไทม์มากขึ้น และแวะร้านอาหารสำหรับครอบครัวหลังเลิกงานเพื่อฆ่าเวลา
「ฉันอาจจะยุ่งเรื่องของนายมากไปหน่อยนะ แต่มันโอเคเหรอ? พอเเม่แต่งงานใหม่แล้วเริ่มชีวิตใหม่ นายก็ทำงานพาร์ทไทม์มากขึ้น กลับบ้านดึกขึ้น ฉันว่าพวกเขาก็ต้องกังวลนะ」
「ฉันรู้ ฉันก็รู้สึกผิดกับแม่กับพ่อใหม่ แต่…ก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ดี…」
เรื่องนี้ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมรู้สาเหตุและรู้ว่าตัวเองต้องแก้ไข แต่มันก็ยังไม่ดีขึ้น
「อืม เข้าใจแล้ว เรื่องอึดอัดก็ต้องอึดอัด มีหลายเรื่องที่เราทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว」
การที่นัทสึกิไม่พูดอะไรอย่างเช่น “พยายามเข้าหาพวกเขาหน่อยสิ!” ทำให้ผมชอบเขา
「นอกจากพาร์ทไทม์กับร้านอาหารสำหรับครอบครัวแล้ว ถ้าอยากหาที่ฆ่าเวลา มาบ้านฉันก็ได้นะ บางทีเราก็ไปเล่นด้วยกันบ้างก็ได้」
「อืม เอาสิ ถ้าถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนหน่อยนะ」
บางทีนี่คงเป็นสิ่งที่นัทสึกิต้องการจะพูด
คือการเป็นที่พักพิงให้เสมอ
…รู้สึกขอบคุณจริงๆ โดยเฉพาะนัทสึกิที่รู้เรื่องพ่อของผม เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ผมสามารถผ่อนคลายเวลาอยู่ด้วยได้
「นี่ๆ คาเซะมิยะ ขออะไรหน่อยได้ไหม?」
ทันใดนั้นบทสนทนาของนักเรียนหญิงในห้องก็ดังเข้ามาในหูของผม
「…อะไร」
ถึงแม้ว่าพวกเราจะยังไม่คุ้นเคยกับเพื่อนร่วมห้องใหม่ แต่ท่าทีของคาเซะมิยะก็ดูเย็นชาในสายตาของผม ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนคูลๆ และดูหยิ่งๆ อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังดูเย็นชาอยู่ดี อย่างแรกเลยคือเธอไม่ละสายตาจากมือถือเลย ในห้องเรียน โดยพื้นฐานแล้วเธอมักจะใส่หูฟังดูวิดีโอจนกว่าจะเริ่มเรียน (ดูเหมือนว่าที่ติดหูแมวนั่นจะถอดออกได้ เพราะเธอถอดมันตอนอยู่ในห้องเรียน) จริงๆ แล้ว ตอนนี้เธอก็กำลังดูวิดีโออยู่ มือถือของเธอวางอยู่บนโต๊ะในแนวนอน จากการที่หูฟังคล้องคออยู่ คงเป็นเพราะเธอโดนสะกิดไหล่ถึงได้รู้ตัว แล้วคงตอบเพราะไม่ได้เพื่อฟังสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูด นักเรียนหญิงที่เรียกเธอคงรับรู้ได้ถึงการปฏิเสธของคาเซะมิยะ แต่ก็ยังคงพูดต่อไป
「คือว่า พี่สาวของคาเซมิยะคือKuon นักร้องคนนั้นใช่ไหม!」
นักเรียนหญิงคนนั้นถามด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย Kuonที่เธอพูดถึงคือนักร้องที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเรียนม.ปลาย (ถ้าจำไม่ผิดเธอเป็นนักร้องนักแต่งเพลง)
อ่า ชื่อจริงของเธอคือคาเซมิยะ คุอง ดูเหมือนเธอจะเป็นพี่สาวของคาเซมิยะที่อายุมากกว่าสองปี ความจริงนี้เป็นสิ่งที่นักเรียนเกือบทุกคนในโรงเรียนรู้ และด้วยเหตุนั้นเอง คาเซมิยะน้องสาวจึงกลายเป็นคนดังเล็กๆ น้อยๆ ในโรงเรียนนี้ แต่เธอก็มีเหตุผลอื่นที่ทำให้เธอโด่งดังในโรงเรียนนี้เช่นกัน
「ก็ใช่ แล้วไง?」
「คือว่า ฉันเป็นแฟนของKuonน่ะ ก็เลย…ขอร้องล่ะ! ช่วยแนะนำฉันให้รู้จักพี่สาวเธอหน่อยได้ไหม?」
「ไม่」
คาเซมิยะปฏิเสธคำขอร้องของเพื่อนร่วมห้องอย่างไม่ใยดีในทันที
คงจะมีคนมาขอแบบนี้กับเธอหลายครั้งแล้วสินะ เป็นการปฏิเสธที่ดูเชี่ยวชาญมาก
「ช่วยหน่อยนะ…แค่ขอลายเซ็นก็ได้…ฉันเป็นแฟนของKuon มาตั้งแต่เธอเดบิวต์แล้วนะ…!」
「หูหนวกหรือไง」
เสียงของคาเซมิยะเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด
「ฉันบอกว่าไม่」
「…!」
ราวกับถูกกดดันอย่างหนัก นักเรียนหญิงที่เข้ามาพูดด้วยเงียบสนิทและหันหลังกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง เมื่อเห็นดังนั้น คาเซมิยะก็ใส่หูฟังกลับเข้าไปและจมดิ่งสู่โลกวิดีโออีกครั้ง เสียงซุบซิบนินทาจากนักเรียนคนอื่นๆ อย่างเช่น “อะไรกันน่ะ” หรือ “มารยาทแย่จัง” เธอก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ก็กลับไปคุยกันเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
「โห… เหยียบกับระเบิดเข้าอย่างจังเลยนะเนี่ย」
「กับระเบิด?」
「อืม คาเซมิยะดูเหมือนจะไม่ชอบให้ใครพูดเรื่องพี่สาวของเธอเท่าไหร่น่ะ ปีที่แล้วมีคนแบบเมื่อกี้มาหาเธอเยอะมาก ดูเหมือนว่าเธอจะลำบากมากเลยล่ะ」
「เหรอ ไม่ยักรู้แฮะ」
「ก็ตอนนั้นเราอยู่คนละห้องกันนี่นา ฉันก็แค่ได้ยินคนอื่นพูดมาอีกทีน่ะ…แล้วก็ จริงๆ แล้วคาเซมิยะก็มีข่าวลืออีกเรื่องนะ」
「อ่า…เรื่องนั้นเหรอ」
เรื่องนั้นฉันก็รู้ อันที่จริง ในความคิดของฉัน ข่าวลือเกี่ยวกับคาเซมิยะ โคฮาคุส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องนั้น
「เช่น เรื่องที่เธอเที่ยวกลางคืน หรือคบกับคนไม่ดีอะไรพวกนั้น เป็นเรื่องที่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนั้นเท่าไหร่ ได้ยินแล้วมันก็รู้สึกแย่เหมือนกัน ฉันเคยคิดที่จะใส่หูฟังแบบคาเซมิยะเลยนะ」
การที่นัทสึกิพูดแบบนี้ แสดงว่าข่าวลือนั้นไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่สินะ
หมอนี่มีเพื่อนเยอะ ข่าวลือที่เข้ามาก็เลยเยอะตามไปด้วย เขาไม่เชื่อเรื่องที่คนใดคนหนึ่งพูด แต่จะนำข้อมูลที่ได้จากหลายๆ คนมาตรวจสอบ และบางครั้งก็หาข้อมูลด้วยตัวเองเพื่อยืนยันความจริง
「…แต่ไม่ว่าข่าวลือไหน ฉันก็ไม่สนใจอยู่ดี」
「ฮ่าๆ จริงด้วย โคตะเป็นแบบนั้นนี่นะ ถือคติไม่ก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว」
「ใครๆ ก็เป็นแบบนั้นแหละน่า」
「ไม่หรอก มีคนเยอะแยะที่ชอบก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น เรื่องครอบครัวคนอื่น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อย่างเช่นเด็กคนเมื่อกี้น่ะ」
นัทสึกิพูดถึงเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้ได้ค่อนข้างแรงนะ
นัทสึกิคงคิดอะไรบางอย่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
คาเซมิยะยังคงดูวิดีโอในมือถือ
ท่าทางของเธอไม่ต่างจากตอนที่อยู่ในร้านอาหารสำหรับครอบครัวตอนกลางคืนเลย
ดูเหมือนว่าเธอจะลืมเรื่องที่คุยกับเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้ไปแล้ว…หรือผมคิดไปเอง?
「อ่า ออดดังแล้ว」
ออดในโรงเรียนดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของผม เพื่อนร่วมห้องรวมถึงนัทสึกิหยุดคุยกันและกลับไปที่นั่งของตัวเอง คาเซมิยะก็ถอดหูฟังและเตรียมตัวสำหรับคาบเรียน
(…ช่างเถอะ)
ไม่ว่าคาเซมิยะจะคิดอะไร หรือมีความสัมพันธ์แบบไหนกับครอบครัว มันก็ไม่เกี่ยวกับผม ผมไม่สนใจ