หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 9 เข้าใจ
ตอนที่ 9
เข้าใจ
“พี่หลินเอาไปเถอะขอรับ”หนิงหลงมองกระบี่อยู่ครู่หนึ่งก็หันไปมองหลินฟานแล้วบอกให้หลินฟานนำกระบี่ไปอย่างง่ายดาย
“ศิษย์พี่ อาวุธระดับนี้…..”
“ข้าเข้าใจขอรับว่ามันเป็นอาวุธที่มีค่ามาก มีคนมากมายมาที่หน้าบ้าน แล้วคุกเข่าขอร้องเพื่อให้อาจารย์สร้างอาวุธระดับต่ำกว่านี้มากอยู่ทุกวัน ข้าเลยเข้าใจว่ามันมีค่าขนาดไหน แต่ข้าก็ยังอยากจะให้พี่หลินเอากระบี่เล่มนี้ไปขอรับ”หนิงหลงตอบออกมาด้วยท่าทีมั่นใจพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
“อีกอย่าง ข้าไม่ได้อยากเป็นมือกระบี่เสียหน่อย ข้าอยากจะเป็นช่างตีเหล็กเหมือนกับอาจารย์ต่างหาก”หนิงหลงว่าพลางมองไปทางอาวุโสหมิงซานที่อยู่ข้างๆ แม้อาวุโสหมิงซานจะไม่เคยสั่งให้หนิงหลงเป็นช่างตีเหล็ก แต่หนิงหลงก็อยากจะเป็นช่างตีเหล็กด้วยตัวเองมาตั้งนานแล้ว เรื่องนี้หลินฟานเองก็สัมผัสได้เพราะความอยากเรียนระหว่างวิชากระบี่กับจำตำราวิชาตีเหล็กของหนิงหลงต่างกันเหลือเกิน
“แต่ว่า…..”หลินฟานยังคงมีท่าทีอ้ำอึ้งเพราะกระบี่เล่มนี้มันมีค่าเกินไป การจะรับมันมาฟรีๆแบบนี้มันออกจะทำใจยากไปหน่อย
“ไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าจะเป็นช่างตีเหล็กที่สามารถสร้างอาวุธระดับเซียนได้ด้วยตัวเอง เพราะงั้นแค่อาวุธระดับเซียนชิ้นเดียวท่านไม่ต้องคิดมากหรอก”หนิงหลงว่าพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีมั่นใจเสียอย่างนั้น
“ท่านเองก็โอ้อวดเป็นเหมือนกันนะขอรับศิษย์พี่”หลินฟานหัวเราะกับท่าทีมั่นใจของหนิงหลงเสียเหลือเกิน แต่ในใจหลินฟานกลับแอบเชื่อว่าหนิงหลงจะต้องสร้างอาวุธระดับเซียนขึ้นมาได้จริงๆแน่
“ตั้งแต่เมื่อไหร่…..”ระหว่างกำลังบังคับให้หลินฟานเอากระบี่ไปอยู่นั้น อยู่ๆอาวุโสหมิงซานก็เอ่ยปากถามหนิงหลงด้วยท่าทีประหลาดใจ
“อะไรหรือขอรับอาจารย์”หนิงหลงได้ยินอาจารย์ถามเช่นนั้นก็ทำหน้างงออกมา คำถามมันคลุมเครือเกินไป เลยไม่ทราบว่าท่านต้องการถามอะไรกันแน่
“เจ้าอยากเป็นช่างตีเหล็กตั้งแต่เมื่อไหร่”อาวุโสหมิงซานถามด้วยท่าทีประหลาดใจ แต่เดิมที่สอนวิชาให้หนิงหลงเป็นเพราะตนเองไม่มีอย่างอื่นจะสอนให้หนิงหลงเท่านั้น ก็แค่คิดว่าถ้าหนิงหลงมีวิชาตีเหล็กติดตัวสักหน่อยก็คงสามารถเลี้ยงชีพต่อไปได้ไม่อดตายเท่านั้น ไม่คิดว่าหนิงหลงจะอยากเป็นช่างตีเหล็กขนาดนี้
“ตั้งแต่เริ่มมีคนมาขอร้องให้อาจารย์สร้างอาวุธให้ขอรับ”หนิงหลงตอบออกมาด้วยท่าทีเขินๆมันน่าอายนิดหน่อยเพราะเหตุผลที่หนิงหลงอยากสร้างอาวุธขึ้นมามันบังเอิญไปหน่อย
“คนพวกนั้นลงทุนเดินทางไกลมาเพื่อขอร้องอาจารย์ แต่เพราะอาจารย์สร้างอาวุธไม่ได้แล้วพวกเขาก็เลยได้แต่ผิดหวังกลับไป แต่ระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นี่ข้าได้พูดคุยกับพวกเขาหลายคนเลยขอรับ บางคนต้องการอาวุธของอาจารย์ไปเพื่อแก้แค้น บางคนก็เพื่อผ่านการทดสอบสำคัญ หรือแม้แต่นำไปมอบให้กับผู้ที่พวกเขาเคารพ แต่ละคนที่มาที่นี่มีเหตุผลหลากหลายมากขอรับ ข้าก็เลยรู้สึกว่าถ้าข้าสร้างอาวุธให้พวกเขาแทนอาจารย์ได้ พวกเขาคงจะได้สมหวังกันเท่านั้นเอง”หนิงหลงตอบพลางนึกถึงคนก่อนหน้านี้ที่มาขอร้องให้อาจารย์สร้างอาวุธให้ แต่ละคนมีเรื่องราวของตนเอง มีความจำเป็นของตัวเองกันหมด การที่เห็นพวกเขากลับไปพร้อมใบหน้าผิดหวังนั้นเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของหนิงหลงอย่างมาก บางทีนั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนิงหลงตั้งใจศึกษาวิชาตีเหล็กจากอาจารย์ก็ได้
“อย่างนี้นี่เอง”อาวุโสหมิงซานได้ยินเหตุผลของหนิงหลงก็มองไปทางเด็กชายด้วยท่าทียินดี แม้ปากจะบอกว่าอยากให้หนิงหลงเลือกเส้นทางด้วยตัวเอง แต่อาวุโสหมิงซานก็แอบคิดจะให้หนิงหลงมาสืบทอดวิชาของตนอยู่เหมือนกัน แต่เพราะคำขอร้องของสหายเก่าทำให้อาวุโสหมิงซานไม่กล้าบังคับหนิงหลง แต่ถ้าหนิงหลงต้องการด้วยตัวเองก็ไม่ผิดต่อสหายและยังได้สืบทอดวิชาให้หนิงหลงอย่างจริงจังอีกต่างหาก
“หลินฟาน เจ้าเอากระบี่เล่มนี้ไปซะ ส่วนอาวุธของหนิงหลงข้าจะสอนให้เขาสร้างมันเอง”อาวุโสหมิงซานว่าพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีดีใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำเอาทั้งหนิงหลงทั้งหลินฟานต่างพากันตกใจกันทั้งคู่
.
.
.
“เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว ข้าเสียดายนะขอรับที่ไม่ได้อยู่ที่นี่จนสร้างอาวุธระดับราชันได้ด้วยตนเอง”หลินฟานเดินออกมาที่หน้าบ้านของอาวุโสหมิงซานพร้อมกับหนิงหลงที่เดินออกมาส่ง ยามนี้หลินฟานถือกระบี่ระดับราชันกลับไป ต่อให้อีกฝ่ายยกข้ออ้างอะไรออกมากดดันก็คงไม่อาจเถียงอะไรหลินฟานได้แล้ว เรื่องของตระกูลหลินนับว่าคลี่คลายไปแล้วก็ไม่ผิด
“จริงสิ ข้าเคยถามพี่หลินไปนี่ขอรับว่าท่านอยากได้อาวุธแบบไหน ท่านยังไม่ได้ตอบข้าเลยนะขอรับ”หนิงหลงที่เดินมาส่งหลินฟานมีท่าทีเศร้าๆให้เห็นได้อย่างชัดเจน เขาสนิทกับหลินฟานมากทีเดียว พอหลินฟานต้องเดินทางกลับไปแล้วเช่นนี้ก็อดเหงาขึ้นมาไม่ได้
“จริงสินะขอรับ แต่ข้าได้อาวุธที่ข้าต้องการมาแล้วซะด้วยสิ”หลินฟานหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะมองไปยังกล่องกระบี่ที่แขวนเอาไว้ด้านหลัง ตอนนี้กระบี่สลักชื่อหนิงหลงนอนสงบอยู่ในกล่องไม้พิเศษที่อาวุโสหมิงซานสร้างขึ้นมาเพื่อปิดบังพลังของกระบี่ คนภายนอกไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าในกล่องเป็นกระบี่ระดับใด
“ข้าถามคำถามนี้กับคนที่มาขอร้องอาจารย์เสมอเลยขอรับ พอข้าเก่งพอแล้วข้าจะสร้างอาวุธที่พวกเขาต้องการแล้ววันหนึ่งหากได้เจอพวกเขาข้าจะมอบมันให้พวกเขาขอรับ”หนิงหลงหัวเราะเขินๆออกมากับความตั้งใจแบบเด็กๆของตน แต่หลินฟานที่ได้ยินกลับชะงักไป ที่แท้ตอนศิษย์พี่ถามเรื่องอาวุธที่อยากได้กับตนก็เพราะเหตุผลเช่นนี้เอง หากคนที่เคยมาขอร้องท่านอาวุโสทราบคงจะซึ้งใจกันถ้วนหน้าแน่ๆ
“ข้าเองมีอาวุธประจำตำแหน่งอยู่แล้ว คงเปลี่ยนอาวุธไม่ได้”หลินฟานพูดออกมาด้วยท่าทีเสียดายก่อนจะนำกระบี่ลิ้นมังกรออกมาจากกำไลข้อมือ กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่แค่กระบี่ระดับราชันขั้นที่ 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงความเป็นองครักษ์หลวงของหลินฟานอีกด้วย และตระกูลหลินเองก็รับตำแหน่งองครักษ์หลวงมาหลายต่อหลายรุ่นทำให้กระบี่เล่มนี้เหมือนเป็นเครื่องหมายของตระกูลหลินไปเสียแล้ว หลินฟานต่อจากนี้จนกว่าจะส่งต่อกระบี่เล่มนี้ให้ผู้สืบทอดก็ไม่คิดจะเปลี่ยนอาวุธแต่อย่างไร
“แต่ข้าอยากได้ทวนเล่มหนึ่งขอรับ ศิษย์พี่ข้าขอสั่งทำทวนล่วงหน้าได้หรือไม่”หลินฟานถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน ในตระกูลหลินมีพี่น้องของหลินฟานอยู่ด้วย ในเหล่าพี่น้องของหลินฟานนั้นมีเด็กคนหนึ่งฝึกวิชาทวนอยู่ หลินฟานก็เลยอยากจะได้ทวนเล่มหนึ่งไปมอบให้เด็กคนนั้น
“ได้แน่นอนขอรับ ข้าจะสร้างให้สุดฝีมือเลย”หนิงหลงยิ้มพลางยืดอกอย่างมั่นใจ แต่จะไม่ให้เขามั่นใจเสียหน่อยได้อย่างไร หนิงหลงเป็นศิษย์ของอาวุโสหมิงซานช่างตีเหล็กในตำนานที่สร้างอาวุธระดับเซียนได้ถึง 2 เล่ม แถมร่างของหนิงหลงตอนนี้ยังผ่านการชำระกระดูกและผสานกล้ามเนื้อมาแล้ว ไหนจะเส้นชีพจรที่น่าเหลือเชื่อและเคล็ดวิชาร่างเซียนสถิตอีก หากจะมีคนก้าวข้ามอาวุโสหมิงซานขึ้นไปนั้นก็คงมีเพียงหนิงหลงผู้นี้ไม่ผิดแน่
“งั้น…..สิ่งนี้ถือเป็นเงินมัดจำก็แล้วกันขอรับ”หลินฟานถอดกำไลมิติที่มือซ้ายออกมาก่อนจะยื่นมันให้หนิงหลงทั้งๆแบบนั้น นี่คือเหตุผลที่หลินฟานแบกกระบี่หนิงหลงเอาไว้บนหลังไม่ได้เก็บเข้าไปด้านใน แถมยังเอากระบี่ลิ้นมังกรออกมาอีกต่างหาก
“ข้าเห็นศิษย์พี่สนใจก็เลยอยากจะมอบให้ ภายในยังเหลือของที่ใช้ได้อยู่นิดหน่อยข้ายกให้ศิษย์พี่ก็แล้วกันขอรับ”หลินฟานว่าพลางนำกำไลมิติยัดใส่มือหนิงหลงแกมบังคับเสียอย่างนั้น
“แต่ว่า นี่มัน….”
“อ๋า….ของส่วนตัวข้าเอาออกมาหมดแล้วขอรับ ท่านไม่ต้องห่วงหรอก”หลินฟานพูดด้วยท่าทีติดตลกเพื่อตัดบทเกรงใจของหนิงหลงทิ้งไป จะมาเกรงใจกับอีแค่กำไลมิติกัน ท่านมอบกระบี่ระดับเซียนให้ข้าเชียวนะ มันเทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“จริงสิ ถ้าศิษย์พี่ว่างก็แวะไปหาข้าบ้างนะขอรับ ในนี้มีตราของตระกูลหลินด้วย ขอเพียงท่านแสดงมันให้ทหารในเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรครามเห็น พวกเขาจะต้อนรับท่านแน่นอน”หลินฟานกล่าวเช่นนี้เหมือนเป็นบทสั่งลาก่อนจะจากกันเลย ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลังจากนี้หลินฟานก็คงต้องกลับไปรับตำแหน่ง แม้จะแอบคิดว่าอยากจะมาอยู่ที่นี่แต่สุดท้ายก็คงไม่อาจทิ้งบ้านเมืองหรือตระกูลมาได้จริงๆหรอก
“แน่นอนขอรับ ข้ายังต้องไปเก็บค่าทวนที่เหลือนี่ขอรับ”หนิงหลงยิ้มรับก่อนจะมองหลินฟานด้วยสีหน้าเศร้าๆ แต่ตอนนี้หลินฟานก็ต้องจากไปจริงๆแล้ว หลังจากล่ำลากันจนยืดยาวในที่สุดหลินฟานก็ก้มลงประสานมือคารวะครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เคร๊ง……เคร๊ง……..
หลินฟานเดินจากไปได้ไม่เท่าไหร่ อยู่ๆหนิงหลงก็ได้ยินเสียงค้อนดังมาจากภายในบ้าน เสียงเช่นนี้เป็นน้ำหนักค้อนของอาจารย์ไม่ผิดแน่ แต่วันนี้ไม่มีคนในหมู่บ้านสั่งทำอะไรเลยนี่นา
“อาจารย์ ท่านทำอะไรหรือขอรับ”หนิงหลงเดินกลับเข้ามาก่อนจะมองไปทางโรงตีเหล็กหลังบ้าน ยามนี้อาวุโสหมิงซานกำลังทุบค้อนลงไปบนก้อนโลหะอย่างหนักหน่วงจนแผ่นโลหะเปลี่ยนรูป แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ไม่ใช่มีดทำครัว หรือจอบเสียมแน่ๆ แต่มันกลับเป็นทรงของกระบี่ไม่ใช่หรืออย่างไร
“ข้าจะสอนเจ้าสร้างอาวุธ ข้าเองก็ต้องกลับมาทบทวนเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงสอนเจ้าได้ไม่เต็มที่”อาวุโสหมิงซานว่าพลางทุบค้อนในมืออย่างต่อเนื่อง นานมากแล้วที่อาวุโสหมิงซานไม่ได้สร้างอาวุธเลยแม้แต่ชิ้นเดียว นั่นเพราะเขาทนรับความเจ็บปวดที่ตนไม่สามารถสร้างอาวุธชั้นเลิศได้อีกแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่สนมันอีกแล้ว เพื่อจะสอนหนิงหลงเขาต้องฟื้นคืนความสามารถกลับมา ไม่อย่างนั้นจะทำตัวอย่างเพื่อสอนหนิงหลงได้อย่างไร
“มานั่งตรงนี้ แล้วดูข้าให้ดี”อาวุโสหมิงซานว่าพลางสั่งให้หนิงหลงมานั่งข้างๆเสีย ในเมื่อจะเป็นช่างตีเหล็กแล้วก็ต้องตั้งใจเรียนรู้ การได้ดูยอดฝีมือสร้างอาวุธใกล้ๆเป็นเรื่องที่มีค่ามากทำให้หนิงหลงรีบเข้าไปนั่งข้างๆตัวอาวุโสก่อนจะจดจ้องค้อนของอาวุโสหมิงซานอย่างไม่วางตา เพื่อจะสร้างอาวุธให้เหล่าผู้คนเขาจะต้องเรียนรู้ให้มากๆ และพัฒนาฝีมือขึ้นไปให้ได้